
คู่ชีวิต : มิติแห่งความรักที่ยั่งยืนในอิสลาม
By One Muslimah
ในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล โลกปัจจุบันดูเหมือนจะหมุนเร็วขึ้น แต่ความสัมพันธ์ของผู้คนกลับเปราะบางลง การแต่งงานจึงไม่ใช่เพียงการจับคู่เพื่ออยู่ร่วมกัน แต่กลายเป็นความท้าทายที่ต้องใช้ความเข้าใจ ความอดทน และศรัทธาเป็นเครื่องค้ำจุน
เมื่อพิจารณาจากมุมมองอิสลาม “คู่ชีวิต” จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดำเนินชีวิตในดุนยา แต่ชีวิตคู่ในอิสลาม เป็นดั่ง “เส้นทางสองโลก” มีจุดเริ่มต้นที่บ้านบนโลกดุนยาแห่งนี้ และสิ้นสุดปลายทางที่สวนสวรรค์อันนิรันดร์ หากทั้งคู่ยังเดินร่วมกันบนเส้นทางแห่งศรัทธา
เพราะความรักและคู่ชีวิตมิได้จำกัดอยู่เพียงมิติของ “ความพึงพอใจหรือความสุขในวันนี้” หรือ “ความเข้ากันได้ในชีวิตประจำวัน” แต่ศาสนาอิสลามได้ให้แนวคิดและความหมายของ “คู่ชีวิต” กว้างไกล ชัดเจน และลึกซึ้งกว่านั้น นั่นคือ การร่วมเดินทางไปยังโลกหน้าอาคิเราะห์ ด้วยกัน ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์
ดังนั้น “คู่ชีวิตในอิสลาม” จึงไม่ใช่เพียงคนที่ทำให้เรายิ้ม พึงพอใจ และมีความสุขในปัจจุบัน แต่คือคนที่ช่วยให้เราพบความสุขที่แท้จริงในอนาคตอันนิรันดร์ด้วย
“คู่ชีวิต” ในอิสลาม ไม่ใช่ เพียง “คู่รัก” แต่คือ “พันธะสัญญาอันหนักแน่น”
อัลกุรอานซูเราะห์อันนิสาอฺ อายะห์ที่ 21 ได้กล่าวถึงและให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญาแห่งชีวิตคู่ โดยเรียกพันธะสัญญาแห่งชีวิตคู่ ว่า “مِّيثَٰقًا غَلِيظٗا” (มีสากอน ฆอลีซอน) แสดงให้เห็นว่า การแต่งงาน ไม่ใช่หมายถึง แค่เพียงความพึงพอใจของหัวใจ หากแต่เป็นสัญญาที่ผูกทอถักไว้ด้วยความรับผิดชอบ ความบริสุทธิ์ใจ และความศรัทธา
ดังนั้น คู่ชีวิตจึงมีบทบาทและหน้าที่ เป็นทั้ง ผู้ที่ร่วมสร้างความสงบ (สากีนะฮ์) + ผู้ที่อัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา ทรงสร้างความรัก (มะวัดดะฮ์) + ผู้ที่พระองค์ประทานความเมตตา(รอฮ์มะฮ์) ระหว่างกัน
ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา ทรงกล่าวไว้ใน อัลกุรอาน ซูเราะห์อัรรูม อายะห์ที่ 21 ความว่า
“และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างคู่ครองให้แก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความสุขอยู่กับนาง
และทรงให้มีความรักใคร่และความเมตตาระหว่างพวกเจ้า แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใคร่ครวญ”
ซึ่งอายะห์นี้ถือเป็นพื้นฐานแห่งฉากทัศน์เรื่องชีวิตคู่ในอิสลาม กล่าวคือ คู่ชีวิตที่ดี จึงไม่ใช่เป็นเพียงผู้ที่ทำให้หัวใจสั่นไหวตื่นเต้นเพียงชั่วครู่ มีความสุขเพียงชั่วคราว พึงพอใจเพียงชั่วครั้ง แต่คู่ชีวิตที่ดีในอิสลาม คือ ผู้ที่ทำให้หัวใจและชีวิตมีความมั่นคง สงบสุข นำพาเราใกล้ชิดและกลับสู่อัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา ด้วยความหอมหวานแห่งศรัทธา
“คู่ชีวิต” ในดุนยา บน 3 เสาหลักแห่งพื้นฐานชีวิตคู่
แม้ดุนยาจะเป็นเพียงโลกชั่วคราว แต่ชีวิตคู่ที่ดีในดุนยา คือสะพานสู่ความสำเร็จในอาคิเราะห์ ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างคู่ชีวิตในดุนยา ต้องยืนหยัดอยู่บน 3 เสาหลักอันเป็นรากฐานของชีวิตคู่ ได้แก่
(1) ความรัก
(2) ความเมตตาและการให้อภัย และ
(3) ความร่วมมือในการสร้างความดี
ซึ่งสามารถสรุปความได้ ดังนี้
เสาที่หนึ่ง คือ ความรัก :
ความรักในอิสลาม เป็นความรักที่มาจากหัวใจบริสุทธิ์ (มะวัดดะฮ์) ไม่ใช่ความลุ่มหลงหรืออารมณ์เร่าร้อน แต่คือความผูกพันที่มีเป้าหมายที่ดีงาม ความรักของคู่ชีวิตที่แท้จริงคือความรักที่ทำให้หัวใจอ่อนโยน มีความอบอุ่นทางอารมณ์ มีความสบายใจ และทำให้รักอัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา มากขึ้น ไม่ใช่ห่างไกลศรัทธา
โดยสรุป ความรักไม่ใช่ความหลงชั่วคราว แต่ความรักเป็นพลังที่ทำให้คู่ชีวิตพร้อมยืนเคียงข้างกันในบททดสอบต่างๆ อย่างมั่นคง ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา ได้ทรงกล่าวถึงความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ไว้ในอัลกุรอานซูเราะห์อัรรูม อายะห์ที่ 21 ความว่า
“… และพระองค์ทรงทำให้มีความรักและความเมตตาระหว่างพวกเจ้า…”
เสาที่สอง คือ ความเมตตาและการให้อภัย :
คู่ชีวิตย่อมมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ความอดทนจึงเป็นเสาหลักของชีวิตคู่ ความเมตตา (รอฮ์มะฮ์) คือกุญแจสำคัญที่ทำให้บ้านสงบ ความเมตตาทำให้คู่ชีวิตอดทนต่อข้อบกพร่องของอีกฝ่าย เลือกใช้คำที่อ่อนโยนแทนคำที่ทำร้ายหัวใจและความรู้สึก เมื่อตัดสินก็ตัดสินด้วยความยุติธรรมไม่ใช่อารมณ์
หากคู่ชีวิตมีความเมตตาต่อกัน มีความอ่อนโยน ความเข้าใจ ให้อภัยซึ่งกันและกัน บ้านและครอบครัวนั้นก็จะกลายเป็นสวนสวรรค์น้อยๆ ในดุนยา เพราะผู้ชายไม่ได้เป็นผู้นำด้วยความแข็งกร้าว และผู้หญิงไม่ได้เป็นคู่ชีวิตด้วยการยอมจำนน แต่ทั้งสองเป็นความเมตตา(รอฮ์มะฮ์) ต่อกัน
เสาที่สาม คือ ความร่วมมือในการสรรค์สร้างความดีงาม :
อิสลามเน้นย้ำว่า ครอบครัวคือ “สถาบันแห่งการสร้างคุณธรรมจริยธรรม” ดังนั้น คู่ชีวิตต้องเป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทำความดี อาทิ ละหมาดพร้อมกัน ส่งเสริมการอ่านกุรอาน ตักเตือนซึ่งกันและกันเมื่อรู้ว่ากำลังทำผิด สนับสนุนช่วยเหลือกันในงานศาสนา อดทนเมื่ออีกฝ่ายอ่อนแรงเหนื่อยล้า สิ่งเหล่านี้คือความหมายลึกซึ้งของการเป็น “ผู้เดินร่วมทาง” บนเส้นทางชีวิตคู่
เพราะคู่ชีวิตในอิสลาม ไม่ใช่เพียงแค่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แต่ต้องร่วมแบ่งปัน “เป้าหมายชีวิตเดียวกัน” ทั้งเขาและเธอต้องช่วยกันดูแลบ้าน ช่วยกันอบรมลูก และช่วยกันสร้างความดีงามให้ใกล้ชิดอัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา มากขึ้นทุกวัน หากเป็นเช่นนี้แล้ว คู่ชีวิตในดุนยาจึงจะเป็นความรักที่ทำให้ชีวิตสงบและสมดุลทั้งด้านอารมณ์ จิตใจ และหน้าที่
คู่ชีวิตในอาคิเราะห์ : ความรักที่นิรันดร์
อิสลามมองว่า ความรักที่แท้จริง คือ รักที่ยั่งยืนจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า และความรักในโลกอาคิเราะห์มีคุณค่าสูงสุด เพราะเป็นความรักที่ปราศจากความเหนื่อยล้า ความกังวล และการพลัดพราก คู่ชีวิตในอิสลามจึงมีลักษณะพิเศษ คือ ไม่แยกดุนยาออกจากอาคิเราะห์ แต่เชื่อมเส้นทางทั้งสองโลกไว้ด้วยกันอย่างลึกซึ้ง
ในดุนยา เขาและเธอร่วมสร้างบ้านที่มีความรัก สำหรับในอาคิเราะห์ เขาและเธอหวังจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันนิรันดร์ คู่ชีวิตจึงเป็นดั่ง “ผู้ช่วยในการเดินทางบนเส้นทางแห่งศรัทธา” ไม่ใช่เพียง “คนที่มาเติมเต็มความเหงา”
บางคู่ที่รักกันในดุนยา อาจไม่ได้พบและครองคู่กันอีกในอาคิเราะห์ เพราะหากชีวิตคู่อยู่บนความสุขสำราญชั่วคราวของดุนยาแต่ไม่อยู่บนศรัทธา แม้จะรักกันมากเพียงใด บทสรุปอาจไม่งดงามดั่งที่หัวใจปรารถนา ดังคำกล่าวที่ว่า “คู่ชีวิตของหัวใจในดุนยา อาจไม่ใช่คู่ชีวิตของอาคิเราะห์ หากไม่มีศรัทธาร่วมกัน”
เพราะครอบครัวของผู้ศรัทธาจะกลับมาพบกันและอยู่ร่วมกันอีกครั้งในสวนสวรรค์ แม้ระดับศรัทธาของบางคนจะต่ำกว่าคนอื่นๆ แต่อัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา ทรงเมตตาเพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องพรากจากกัน นับเป็นความเมตตา (รอฮ์มะฮ์) อันยิ่งใหญ่ที่รอคู่ชีวิตอยู่ในอาคิเราะห์ ที่ทำให้ความรักของครอบครัวมุสลิมยืนยาวตลอดนิรันดร์
บทเรียนสำหรับคู่ชีวิตมุสลิม
เพื่อให้คู่ชีวิตเป็นทั้งคู่ชีวิตทั้งในโลกดุนยาและโลกอาคิเราะห์ อิสลามได้วางแนวคิดการใช้ชีวิตคู่ที่เป็นดั่งสะพานรักเชื่อมดุนยาและอาคิเราะห์ไว้อย่างละมุน ซึ่งสามารถสรุปได้ 5 ประการ ดังต่อไปนี้
(1) ความรักที่มีเป้าหมาย : ทำให้ความรักมีเป้าหมาย เพื่อความสงบของบ้าน เพื่อหล่อหลอมลูกให้เป็นผู้ศรัทธา และเพื่อนำพากันไปสู่สวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา เพราะเมื่อรักมีเป้าหมาย ความผูกพันจะยั่งยืนและมั่นคงกว่าความรักที่เป็นเพียงอารมณ์
(2) การดูแลหัวใจของกันและกัน : คู่ชีวิตต้องปกป้องหัวใจของอีกฝ่ายจากความเศร้า ดูแลรักษาคำพูดไม่ให้ทำร้ายหัวใจและความรู้สึก หมั่นเติมพลังใจยามเหนื่อยล้าอ่อนแรง เพราะหัวใจคือที่พำนักของความรักและศรัทธา และการอดทนต่อกันคือดัชนีของความรักที่แท้จริง เพราะทุกคู่ล้วนมีบททดสอบ แต่การเลือก “ดูแลหัวใจของกันและกันบนเส้นทางแห่งศรัทธาของอัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา” คือชัยชนะสูงสุด
(3) การให้อภัยอย่างสม่ำเสมอ : ไม่ว่าคู่ใดๆ เหมือนลิ้นกับฟัน ย่อมกระทบกันเป็นธรรมดา แต่คู่ที่อยู่รอด คือ คู่ที่ให้อภัยซึ่งกันและกันเสมอ บางครั้งการยอมแพ้ในข้อถกเถียงเล็กๆ น้อยๆ เพื่อรักษาศรัทธาในบ้าน คือการชนะชัยฏอนที่กำลังบ่อนทำลายชีวิตคู่ เพราะการให้อภัยคือการปิดประตูชัยฏอน และเปิดประตูความเมตตา (รอฮ์มะฮ์) ของอัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา ในบ้าน
(4) การแบ่งหน้าที่อย่างยุติธรรม : ไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกอย่าง แต่ต้อง “ยุติธรรม” ต่อกัน สามีต้องรับผิดชอบและมีเมตตา ส่วนภรรยาต้องร่วมมือและไม่แบกรับสิ่งที่เกินกำลัง ทั้งคู่ต้องช่วยกันสร้างบ้านที่สงบสุข
(5) การสร้างความดีร่วมกันเพื่อให้ใกล้ชิดอัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา : ดอกไม้ คำหวาน ของขวัญ ล้วนงดงาม แต่การร่วมกันสร้างความดี งดงามกว่าและส่งผลนิรันดร์ เมื่อหัวใจใกล้ชิดพระผู้สร้าง หัวใจก็จะอ่อนโยนต่อคู่ชีวิตผู้ร่วมชีวิต เพราะคู่ชีวิตที่ละหมาดร่วมกันจะไม่แยกจากกันง่าย คู่ชีวิตที่ถือศีลอดร่วมกันจะมีความอดทนต่อกัน คู่ชีวิตที่หมั่นขอดุอาร์ให้กัน จะรักษาความรักไว้ได้ตลอดชีวิตและตลอดไป
บทส่งท้าย
อิสลามมอง “ความรัก” และ“คู่ชีวิต ทั้งดุนยาและอาคิเราะห์” ไว้อย่างลึกซึ้งและงดงาม ชีวิตคู่ในอิสลามไม่ได้ถูกออกแบบให้หยุดอยู่ในดุนยา แต่ยาวไกลไปจนถึงวินาทีที่วิญญาณถูกเรียกกลับ และยังคงหวังจะพบอีกฝ่ายในสวรรค์
ความรักในอิสลามคือ ความรักที่มีเป้าหมาย ความรักที่มีศรัทธาอยู่ตรงกลาง และความรักที่มีปลายทางคืออัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา คู่ชีวิตในดุนยาอาจทำให้เรามีความสุขชั่วคราว แต่คู่ชีวิตในอาคิเราะห์จะทำให้เราเข้าสู่สวนสวรรค์และมีความสุขร่วมกันนิจนิรันดร์ และเมื่อทั้งสองมาบรรจบกันและเป็นคนคนเดียวกัน นั่นคือ ของขวัญอันล้ำค่าจากอัลลอฮฺ ซุบฮาน่าฮูวาตะอาลา ผู้ทรงสร้างและทรงลิขิต