อะกีดะฮฺอ่อนแอ (1)
โดย เชค ซอแหละฮฺ บิน เฟาซาน อัลเฟาซาน
อับดุลวาเฮด สุคนธา แปลเรียบเรียง
ความหมาย อะกีดะฮฺ
อะกีดะฮฺ มาจากรากศัพท์ อัล-อักดุ ( الْعَقْدُ ) แปลว่า “ผูก” ได้ให้ความรู้สึกว่าแน่นมั่นคงคือความเชื่อ ดังนั้นความเชื่อที่เกิดขึ้นต้องมั่นคงจะสงสัยไม่ได้ อะกีดะฮฺ จึงหมายถึง มั่นคง
อะกีดะฮฺ คือ สิ่งที่มนุษย์มีการเชื่อมั่นและศรัทธาอยู่ในจิตใจต้องไม่มีความคลางแคลงใจ กล่าวออกมาด้วยลิ้น นำมาสู่การปฏิบัติด้วยอวัยวะต่างๆ
อัล อะกีดะฮ์ หลักการ และพื้นฐานของศาสนาอิสลาม รากฐานอันสำคัญตั้งอยู่การงานทั้งหมดของมนุษย์ หากว่าหลักเชื่อมั่นนั้นถูกต้อง การงานทั้งหมดจะถูกตอบรับ แท้จริงมันคือประการแรกของหลักอิหม่ามคือ (หลักศรัทธา) และประการแรกของหลักอิสลาม คือ (หลักปฏิบัติ)
หลักการอิสลามตั้งอยู่บนรากฐานห้าประการ และประการแรกคือ การปฏิญานตนว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรแก่การเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดคือบ่าวและรสูลของอัลลอฮฺ
หลักการอีหม่านตั้งอยู่บนรากฐานหกประการ และประการแรกคือ การศรัทธาเกี่ยวกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรแก่การเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺและมุฮัมมัดคือบ่าวและรสูลของอัลลอฮฺ
สิ่งแรกที่บรรดาร่อซูลทั้งหลายนั้นเรียกร้องให้มนุษย์นั้นคือความเชื่อให้ปฏิบัติตาม
อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า
﴿ يَا قَوْمِ اعْبُدُوا اللَّهَ مَا لَكُم مِّنْ إِلَهٍ غَيْرُهُ ﴾ [الأعراف : 59].
“แล้วเขาได้กล่าวว่าโอ้ประชาชาติของฉันจงเคารพสักการะอัลลอฮ์เถิดไม่มีผู้ได้รับการเคารพสักการะใด ๆ สำหรับพวกท่านอีกแล้วอื่นจากพระองค์
อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า
﴿ وَمَا أَرْسَلْنَا مِن قَبْلِكَ مِن رَّسُولٍ إِلاَّ نُوحِي إِلَيْهِ أَنَّهُ لاَ إِلَهَ إِلاَّ أَنَا فَاعْبُدُونِ ﴾ [الأنبياء 25]
"และเรามิได้ส่งร่อซูลคนใดก่อนหน้าเจ้านอกจากเราได้วะฮีแก่เขาว่า “แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า”
หากบุคคลใด มีหลักศรัทธาที่ถูกต้องตามแบบฉบับกีตาบุลลอฮ์และซุนนะของท่านนบี การงานต่างๆจะถูกต้องทั้งหมดเพราะการตามแบบอย่างของท่านนบี เป็นส่วนสำคัญจะให้อัลลอฮฺนั้นทรงตอบรับการงานทั้งหลาย
เงื่อนไขของการทำอิบาดะห์
ประการแรก : อิบาดะห์นั้นจะต้อง บริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ
ประการที่สอง สอดคล้องกับหลักบทบัญญัติสุนนะของท่านนบี
นี้คือความสำคัญของหลักศรัทธาในศาสนาอิสลามเป็นประแรกของบรรดานบีถูกส่งลงมาเพื่อการเรียกร้องไปสู่การให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺเพียงองค์เดียวและจากการเริ่มเผยแพร่ศาสนาของท่านนบีมูฮัมหมัดที่นครมักกะฮ์ ท่านเริ่มด้วยการดะวะฮฺไปสู่ กะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺที่ว่า (لاَإِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ) “ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ ”
จากท่านอิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา เล่าว่า: ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ﷺ
« أُمِرْتُ أَنْ أُقَاتِلَ النَّاسَ حَتَّى يَشْهَدُوا أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ فَإِذَا قَالُوهَا عَصَمُوا مِنِّي دِمَاءَهُمْ وَأَمْوَالَهُمْ إِلاَّ بِحَقِّهَا وَحِسَابُهُمْ عَلَى اللَّهِ تَعَالَى » .
“ฉันถูกสั่งใช้เพื่อต่อสู้กับมนุษย์ จนกว่าพวกเขาจะปฏิญาณว่า ลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ (หมายความว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใด –ที่ควรแก่การเคารพภักดีอย่างแท้จริง- นอกจากอัลลอฮฺ) วะอันนะ มุหัมมะดัน เราะสูลุลลอฮฺ (และมุหัมมัดนั้นคือศาสนทูตของอัลลอฮฺ)
และ (จนกว่า) พวกเขาจะดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และ (จนกว่า) พวกเขาจะจ่ายซะกาต
ดังนั้นเมื่อพวกเขาปฎิบัติตามดังที่กล่าวมานั้นแล้ว เลือดเนื้อและทรัพย์สินของพวกเขาย่อมได้รับการคุ้มครองจากฉัน เว้นแต่ด้วยสิทธิของอิสลาม และการสอบสวนของพวกเขานั้น เป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺ”
(หะดีษบันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)
ท่านนบีมูฮัมหมัดได้เรียกร้องชาวมักกะฮฺสู่หลักศรัทธาที่ถูกต้อง ในเรื่องการให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺองค์เดียวอยู่เป็นระยะเวลาสิบสามปีก่อนอพยพไปยังเมืองมาดีนะ และห้ามปรามพวกเขาไม่ให้ตั้งภาคีหรือมีสิ่งอื่นต่อพระองค์ แน่นอนการทำงานศาสนา จะต้องเผชิญกับการทำร้ายอย่างมากมายจากผู้ที่ไม่หวังดีและเกลียดชังในศาสนาใหม่ของมูฮัมหมัด นี้คือแบบอย่างของท่านนบีตลอดจนบรรดาศ่อฮาบะได้ยึดและปฏิบัติในรูปแบบที่ถูกต้องตามคำดำรัสของพระองค์ ให้ความสำคัญกับเรื่องอากีดะฮฺอย่างมากในการสอน การศึกษา และ เรียกร้องในศาสนา
« إِنَّكَ تَأْتِي قَوْمًا أَهْلَ كِتَابٍ ، فَادْعُهُمْ إِلَى شَهَادَةِ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ ، وَأَنِّي رَسُولُ اللَّهِ . فَإِنْ هُمْ أَطَاعُوكَ لِذَلِكَ فَأَعْلِمْهُمْ أَنَّ اللَّهَ افْتَرَضَ عَلَيْهِمْ خَمْسَ صَلَوَاتٍ فِي كُلِّ يَوْمٍ وَلَيْلَةٍ ، فَإِنْ هُمْ أَطَاعُوكَ لِذَلِكَ فَأَعْلِمْهُمْ أَنَّ اللَّهَ افْتَرَضَ عَلَيْهِمْ صَدَقَةً فِي أَمْوَالِهِمْ ، تُؤْخَذُ مِنْ أَغْنِيَائِهِمْ وَتُرَدُّ فِي فُقَرَائِهِمْ »
"ครั้งเมื่อท่านร่อซูลส่งท่านมูอ๊าดไปยังประเทศเยเมน ได้สั่งเสียกับท่านว่า หากว่าท่านนั้นไปยังกลุ่มชนของชาวคัมภีร์ จงเรียกร้องพวกเขาไปสู่การปฏิญานว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และ ฉัน มุหัมมัดคือศาสนทูตของอัลลอฮฺ"
หากว่าพวกเขาเชื่อฟัง จงบอกให้พวกเขารับทราบ แท้จริงอัลลอฮฺทรงกำหนดการจ่ายซะกาตเป็นสิ่งจำเป็นเหนือพวกเขาทั้งหลายจากทรัพย์สินของพวกเขา เก็บจากคนรวย ส่งมอบคนอยากจน
( บุคอรีย์ มุสลิม)
ท่านนบีไม่ได้กำชับท่านมูอ๊าด สอนพวกเขา เรื่องละหมาด การจ่ายซะกาตเป็นเรื่องแรก เว้นแต่จะต้องสอนเรื่องหลักศรัทธาเสียก่อน การปฏิบัติทั้งหลายนั้นไม่ยังประโยชน์ เว้นแต่จะต้องเชื่อมั่นในเรื่องศรัทธาลำดับแรก
บ่งชี้ถึงความสำคัญในเรื่องของอากีดะฮฺในศาสนา เริ่มการสั่งใช้ความดี ด้วยศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ละทิ้งสิ่งเป็นชีริกต่างๆ
﴿ وَاعْبُدُوا اللَّهَ وَلاَ تُشْرِكُوا بِهِ شَيْئًا ﴾ [سورة النساء : الآية 36] .
"และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์"
﴿ أَنِ اعْبُدُوا اللَّهَ وَاجْتَنِبُوا الطَّاغُوتَ ﴾ [سورة النحل : الآية 36] .
“พวกท่าจงเคารพภักดีอัลลอฮ์ และจงหลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ด
“อัฏฏอฆูต” จะครอบคลุมสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้เรียกร้องมนุษย์ให้เคารพสักการะมัน เช่น ดวงอาทิตย์ ต้นไม้ รูปเจว็ด และก้อนหิน
มีรายงานในหะดีษอัลกุดซีย์ กล่าวว่า
« أَنَا أَغْنَى الشُّرَكَاءِ عَنِ الشِّرْكِ ، مَنْ عَمِلَ عَمَلاً أَشْرَكَ مَعِي فِيهِ غَيْرِي تَرَكْتُهُ وَشِرْكَهُ » .
"ฉันเป็นที่เพียงพอแล้วกับการมีหุ้นส่วนต่อสิ่งอื่นจากการตั้งภาคี ใครที่ปฏิบัติงานใดที่มีหุ้นส่วนอื่นจากอัลลอฮฺ ฉันจะทิ้งให้เขาอยู่กับสิ่งนั้น"
ในอีกรายงานหนึ่ง กล่าวว่า
« فَهُوَ لِلَّذِي أَشْرَكَ ، وَأَنَا مِنْهُ بَرِيءٌ »
“ใครที่ตั้งภาคี แน่นอนฉัน (อัลลอฮฺ) บริสุทธ์จากสิ่งนั้น”
หากมีเรื่องคำสั่งของหลักศรัทธา แน่นอนย่อมมีหลักการห้ามในเรื่องการตั้งภาคี มันไม่เป็นการเพียงพอ สำหรับมนุษย์คนหนึ่ง บอกว่า ฉันเคารพ อิบาดะต่ออัลลอฮฺ ฉันละหมาด ถือศีลอด จ่ายซะกาต มาทำฮัจญ์ โดยที่เขานั้นยังปฏิบัติสิ่งที่ค้านหลักการของศาสนาเช่น ขอดุอาอ์ ต่อ ท่านฮาซัน ฮุเซน ต่อ เชคอับดุลกอเดร วิงวอนต่อผู้ตายไปแล้ว การงานที่ท่านปฏิบัติมานั้นจะสูญเปล่า จนกว่าเขานั้นจะอิบาดะด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ ไม่มีภาคีใดๆทั้งสิ้น
อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า
﴿ وَأَنَّ المَسَاجِدَ لِلَّهِ فَلاَ تَدْعُوا مَعَ اللَّهِ أَحَدًا ﴾ [الجن : 18]
“และว่าแท้จริงบรรดามัสยิดนั้นเป็นของอัลลอฮฺ ดังนั้น พวกเจ้าอย่าวิงวอนขอผู้ใดเคียงคู่กับอัลลอฮฺ”
ทรงกล่าวอีกว่า
: ﴿ فَادْعُوا اللَّهَ مُخْلِصِينَ لَهُ الدِّينَ ﴾ [غافر : 14]
“ดังนั้น จงวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์”
ต้องมีความบริสุทธิ์ใจในการวิงวอนต่ออัลลอฮฺ อย่าขอสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์ เช่น คนตายไปแล้ว ขอต่อชาวกุโบร์ นี้คือการตั้งภาคีใหญ่ มันทำให้เขานั้นหลุดพ้นออกจากศาสนา
ใช่หรือ ! การที่ท่านนั้นบอกว่า เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ แต่ท่านนั้น ยังเชือดสัตว์ต่อคนตาย ยังบนบาน ซึ่งมันค้านกับความเชื่อของท่าน มันจะทำให้การงานของท่านทั้งหมดนั้น ไม่ถูกตอบรับ
อะกีดะฮ์อ่อนแอ (2) ..... Click Link >>>