อะกีดะฮฺอ่อนแอ (2) สาเหตุและการเยียวยา
  จำนวนคนเข้าชม  6064


อะกีดะฮฺอ่อนแอ (2) สาเหตุและการเยียวยา

โดย เชค ซอแหละฮฺ บิน เฟาซาน อัลเฟาซาน

อับดุลวาเฮด สุคนธา แปลเรียบเรียง

 

สาเหตุทำให้มีหลักอากีดะฮฺอ่อนแอ

 

สาเหตุที่หนึ่ง ให้ความสำคัญกับหลักอากีดะฮฺน้อยมาก 

 

          ส่วนมากคนเรา นักศึกษา หรือนักเผยแพร่ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนในเรื่อง หลักศรัทธา (อัตเตาอีด)มากเท่าที่ควร บางคนพูดว่า เรามีอากีดะแล้วมันไม่ไปใหนหรอก หรือสอนเรื่องหลักอากีดะฮฺแล้ว ทำให้คนแตกแยก เขาเลยไม่สอนมัน ปล่อยให้คนนั้นเชื่อตามที่เขาเชื่อ เพราะกลัวไม่มีกลุ่มชน โดยส่วนมากชอบเรียกร้องไปสู่การรวมตัว ปรองดอง รักพี่น้อง การช่วยเหลือพี่น้องในภาคสังคมนั้นๆ นี้คือสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ 

 

          แน่นอนเลยว่า เขานั้นจะไม่สามารถรวมตัวกัน รักกัน จะช่วยเหลือกัน จะปรองดองกันได้เว้นแต่พวกเขานั้น จะต้องตั้งมั่นอยู่บนแนวทางที่ถูกต้อง หลักศรัทธาที่ถูกต้อง หากว่าไม่มีสิ่งนี้แล้วมันจะนำมาซึ่งความขัดแย้งอย่างมากมาย แท้จริงมนุษย์นั้นจะไม่สามารถรักกัน รวมกันเว้นแต่ จะรวมกันบนพื้นฐานของหลักศรัทธา (เตาฮีด)เท่านั้น 

 

          ต้องยืนหยัดอยู่บนศาสนานี้ ซึ่งประโยคนี้ได้แก่ :   لا إله إلّا الله  : ลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ : ยืนหยัด ยึดมั่นทั้งจิตใจ คำพูดและการกระทำ

 

หลักความเชื่อของชาวภาคี(มุชริก)ในสมัยของท่านนบี

 

         ชาวมุชริกในยุคของท่านนบีพวกเขานั้นต่างยอมรับในหลักศรัทธา เรื่องเตาฮีดอัรรุบูบียะห์

          เตาฮีดอัรรุบูบียะห์ คือการให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ในส่วนที่เป็นการสร้างของพระองค์ หมายความว่า มีความเชื่อมั่นว่าอัลลอฮ์ ทรงเป็นหนึ่งเดียวในการสร้าง ทรงมีอำนาจครอบครองและบริหารควบคุม ประทานปัจจัยต่างๆ ทรงให้มีชีวิต ทรงให้ตาย และอื่นๆ 

          แต่ทว่าพวกเขาไม่เชื่อในหลักการเตาฮีดอุลูฮียะฮ์ คือไม่ให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์เพียงผู้เดียวในการเคารพอิบาดะฮฺ พวกเขาเคารพอิบาดะอฺทุกสรรพสิ่งที่คิดว่ามันดีและให้คุณให้โทษแก่พวกเขา มันทำให้หลักอิบาดะของพวกเขาแตกต่างและแตกแยกอย่างสิ้นเชิง 

          พวกเขาต่างยอมรับในเรื่องความเชื่อต่อผู้สร้าง คือ อัลลอฮฺ แต่การเคารพกลับมีสิ่งอื่นมามีหุ้นส่วนด้วย เช่น การบูชาดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ ฮุซัยซฺ บางคนเชื่อต่อต้นไม้ ก้อนหิน เคารพบูชาต่างๆนานาๆ เชื่อทุกๆสิ่งที่ถูกสร้างว่านั้นคือพระเจ้าทั้งหมด

 

          กลุ่มคนที่มีความเชื่อที่แตกต่างกันย่อมนำมาซึ่งความขัดแย้ง ความเห็นแก่พวกพ้อง ทะเลาะวิวาท ความโกรธเคือง ต่างคนต่างยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง จงพิจารณา คำสอนของศาสนาเมื่อท่านนบียูซูฟ กล่าวพวกเขาในคุก ว่า 

 

﴿ أَأَرْبَابٌ مُّتَفَرِّقُونَ خَيْرٌ أَمِ اللَّهُ الوَاحِدُ القَهَّارُ مَا تَعْبُدُونَ مِن دُونِهِ إِلاَّ أَسْمَاءً سَمَّيْتُمُوهَا أَنتُمْ وَآبَاؤُكُم مَّا أَنزَلَ اللَّهُ بِهَا مِن سُلْطَانٍ إِنِ الحُكْمُ إِلاَّ لِلَّهِ أَمَرَ أَلاَّ تَعْبُدُوا إِلاَّ إِيَّاهُ ذَلِكَ الدِّينُ القَيِّمُ وَلَكِنَّ أَكْثَرَ النَّاسِ لاَ يَعْلَمُونَ [ يوسف 39 – 40].

 

     โอ้ เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย พระเจ้าหลายองค์ดีกว่า หรือว่าอัลลอฮ์เอกองค์ผู้ทรงอนุภาพ สิ่งที่พวกท่านเคารพอิบาดะฮ์อื่นจากพระองค์ มิใช่อื่นใดนอกจากบรรดาชื่อที่พวกท่านและบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านใช้เรียกมัน

     อัลลอฮ์มิได้ประทานหลักฐานในเรื่องนี้ลงมา การตัดสินมิได้เป็นสิทธิของใครนอกจากอัลลอฮ์พระองค์ทรงใช้มิให้พวกท่านเคารพอิบาดะฮ์สิ่งใด นอกจากพระองค์เท่านั้น นั่นคือศาสนาที่เที่ยงธรรมแต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่รู้

 

          ทุกคนต่างเชื่อและยึดมั่นในพระเจ้าของตัวเอง มิหนำซ้ำกล่าวว่า เรามีพระเจ้าองค์เดียวแต่เวลาเคารพ กลับมีหลายองค์ มันช่างน่าแปลกเสียจริงๆ

          ครั้งเมื่อท่านนบีเรียกร้องพวกเขาสู่หลักศรัทธา ด้วยการให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺเพียงองค์ เมื่อพวกเขาตอบรับ ทำให้เกิดความรักเป็นอันหนึ่งอันเดียวด้วยสายใยแห่งอีหม่านที่ถูกต้อง มันคือหนทางสู่ประชาชาติหนึ่งเดียวกัน

 

     ท่านซัลมาน อัลฟาริซีย์ เป็นชายหนุ่มชาวเปอร์เซีย ท่านบิล้าล บินรอบาฮ์ (มุอัซซิน)เป็นทาสผิวดำ และท่านสุฮัยบ อัรรุมีย์ และคนอื่นๆจากพี่น้องมุสลิมพวกเขาคือพี่น้องกันและเป็นสหายของท่านนบี ซึ่งเป็นผู้ที่มีเกียรติที่สุดในชนเผ่าของอาหรับ หลักศรัทธาคือกุญแจเปิดประตูสู่ความเป็นพี่น้องในศาสนาที่แท้จริงที่ได้รวมตัวกับบนหลักศรัทธา

อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า

 

﴿ هُوَ الَّذِي أَيَّدَكَ بِنَصْرِهِ وَبِالْمُؤْمِنِينَ * وَأَلَّفَ بَيْنَ قُلُوبِهِمْ لَوْ أَنفَقْتَ مَا فِي الأَرْضِ جَمِيعًا مَّا أَلَّفْتَ بَيْنَ قُلُوبِهِمْ وَلَكِنَّ اللَّهَ أَلَّفَ بَيْنَهُمْ إِنَّهُ عَزِيزٌ حَكِيمٌ [الأنفال : 62 – 63]

 

     “พระองค์คือผู้ทีได้ทรงสนับสนุนเจ้าด้วยการช่วยเหลือของพระองค์ และด้วยผู้ศรัทธาทั้งหลาย

     “และได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขา หากเจ้าได้จ่ายสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด เจ้าก็ไม่สามารถให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขาได้ แต่ทว่าอัลลอฮฺนั้นได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างพวกเขา และแท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

          สิ่งใดเล่า จะทำให้พวกเขานั้นรักกันนอกจากสิ่งนั้นคือการมีหลักศรัทธาที่ถูกต้องและเหมือนกัน ที่มีคำปฏิญาณ หรือ กะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺที่ว่า (لاَإِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ) “ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺนี้คือสิ่งที่อัลลอฮฺทรงยืนหยัดเอาไว้แล้วว่านี้คือสิ่งที่จะสร้างความเป็นพี่น้องที่จริงแท้แน่นอน

         ปัจจุบันสังคมเรานั้นจะไม่สามารถรวมตัวกันได้หากเราไม่ย้อนกลับไปดูวิธีการรวมตัวกันในยุคของท่านนบี บรรดาศ่ออาบะว่าพวกเขานั้น ทำอย่างไร สามารถสร้างประชาชาติขึ้นมาได้อย่างไร

 

     ท่านอิหม่าม มาลิก กล่าวว่า ประชาชาตินี้จะไม่ประสบความสำเร็จเว้นแต่จะต้องปรับปรุงแก้ไข้ด้วยสิ่งที่ยุคก่อนหน้านี้เขาได้แก้ไข้เอาไว้แล้ว หากพวกท่านจะ ร่วมมือ ปรองดอง ช่วยเหลือ รักพี่น้อง จงปรับปรุงแก้ไข้ในเรื่องหลักศรัทธา (เตาฮีด)เป็นสิ่งแรก ไม่มีอากีดะฮฺถูกต้อง ประชาชาติจะไม่เกิด มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์นั้นจะรวมตัวกันบนความเชื่อที่แตกกต่างกันอย่างมากมาย ต่อให้เขาพยายามกี่มากน้อย ครั้งแล้วครั้งเล่า จัดงาน มหกรรมเพื่อเรียกร้องในการรวมตัวกัน ไม่สามารถที่จะทำได้ เว้นแต่ การสอน การศึกษาหลักศรัทธาที่ถูกต้องเท่านั้น

 

นักกวี กล่าวว่า หากบาทแผลที่ไม่ได้รักษาตามคำสั่ง หมอ เท่ากับว่าเขานั้น ละเมิดคำสั่งของหมอ

         เหมือนดัง บาทแผลจะต้องการรักษาด้วยยาที่ดีเพื่อรอดพ้นจากอาการป่วย แต่หากใช้ยาไม่ตรงกับโรคตามที่แพทย์บอก เท่ากับว่าเขานั้นละเมิดคำสั่งผู้เชี่ยวชาญ เฉกเช่นเดียวกัน หากท่านต้องการรวมประชาชาติให้เป็นหนึ่งเดียวโดยปราศจาก รากฐานและหลักศรัทธาที่ถูกต้อง เท่ากับว่าท่านนั้นไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้า ถือว่าเป็นการละเมิดอย่างสิ้นเชิง

          จากคำพูดบอกว่า การสอนเรื่องหลักศรัทธาทำให้คนออกห่าง มนุษย์นั้นกลัว โดยอ้างเพื่อต้องการเรียกร้องการรวมตัว อ้างเพื่อต่อต้านศัตรู แต่สิ่งนี้กลับทำให้ศัตรูดีใจต่างหาก เพราะเขารู้ว่าคำอ้างนั้นไร้ประโยชน์ แน่นอนการละเลยไม่สนใจต่อหลักอากีดะฮฺ มันคือสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดความอ่อนแอที่เห็นได้ชัดในสังคมบ้านเรา ปัจจุบันบ้านเรายังคงมีการเรียกร้องภายใต้สโลแกนว่าที่สวยหรู ใต้ร่มเงาอิสลาม

 

สาเหตุที่สอง อิสลามจะไม่ปรากฏหากไม่มีหลักเชื่อมั่นที่ถูกต้อง 

 

          คือเสาหลักและแกนหลักของศาสนา และ พื้นฐานที่สำคัญ สาเหตุที่ทำให้หลักศรัทธาอ่อนแอในสังคมปัจจุบัน นักดาอีย์ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเตาฮีดมากนัก

     มีแต่นักดาอีย์เรียกร้องไปสู่ศาสนาอิสลาม แต่ลองคิดสักนิดหนึ่งว่า อิสลามนั้นเรียกร้องอะไร? อิสลามแบบไหนที่ต้องการ?

     พวกเขาไม่ได้บอกหลักศรัทธาที่แท้จริง มัวแต่สอนเรื่องละหมาด การจ่ายซะกาต เรื่องการมีอามานะฮฺ และการงานที่ประเสริฐต่างๆมากมาย เป็นต้น แล้วใหนล่ะ เรื่องอากีดะฮฺที่ถูกต้อง จะเรียกเป็นนักเผยแพร่ได้อย่างไร ?

 

          ในความเป็นจริงเขาไม่ใช่นักดาอีย์ที่ถูกต้องเลย ในความหมาย นักดาอีย์ คือคนที่สอนเรื่องหลักศรัทธาเป็นสิ่งแรกและให้ความสำคัญกับรากฐานของศาสนาก่อนสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น เรามักจะพบว่าในสังคมปัจจุบันนั้นมีนักดาอีย์ที่สอนเรื่องเตาฮีดอย่างจริงจังน้อยมาก บางครั้งคนส่วนมากยังไม่ทราบเลยว่า หลักศรัทธาที่ถูกต้องแบบไหน อย่างไร เพราะไม่ได้สอนพวกเขา มัวแต่บอกว่า ฉันกำลังเรียกร้องไปสู่อิสลาม แต่ ไม่รู้ว่าอิสลามแบบไหน? ทั้งๆที่พวกเขายังไม่รู้รากฐานของอิสลามเลย

 

          ฉะนั้นจำเป็นที่นักดาอีย์จะต้องให้ความสำคัญการสอนเรื่องหลักเตาฮีดอย่างจริงจัง สร้างความเข้าใจเป็นลำดับแรก จงพิจารณาสิ่งสำคัญในสังคมมนุษย์ สิ่งที่มันทำลายมนุษย์ คือหลักความเชื่อที่ผิดๆทั้งหลาย จงแก้ไข้ด้วยความเชื่อที่ถูกต้องตามอัลกรุอ่านและสุนนะฮฺของท่านนบี เมื่อมีความเชื่อที่ถูกต้อง มันจะแก้ไข้ในส่วนอื่นๆตามมาเอง การสอนในสิ่งที่ถูกต้อง จะทำให้การเรียกร้องสู่ศาสนาอิสลามของเขานั้นอยู่บนแนวทางที่ปลอดภัย

 

          นักดาอีย์ที่พยามเรียกร้องสู่การรวมตัว รวมกลุ่ม องค์กรต่างๆมากมาย สิ่งเหล่านี้หาได้มีประโยชน์ไม่ มันจะเกิดประโยชน์อย่างไรได้ในเมื่อสังคมยังมีชีริกเต็มบ้านเต็มเมือง กราบไหว้สิ่งอื่นทั้งที่เห็นและไม่เห็น การวิงวอนต่อผู้ที่ตายไปแล้ว การพลีสัตว์ต่อสิ่งถูกสร้าง การบูชาญิน ซัยตอน เขาสอนทุกอย่างยกเว้นเรื่องเตาฮีด เรื่องชีริก แล้วมันจะเกิดผลได้อย่างไร้ในการดะวะฮฺของเขาสู่ศาสนาอิสลาม

 

         หากมีผู้รู้ท่านหนึ่ง เขานั้นยืนหยัด เรียกร้องเผยแพร่ หลักศรัทธาที่ถูกต้อง แต่เขาไม่มีกำลังทรัพย์หรือกลุ่มช่วยเหลือ แน่นนอนอัลลออฺทรงช่วยเหลือเขาเอง

พระองค์ตรัสว่า

 

﴿ قُلْ هَذِهِ سَبِيلِي أَدْعُو إِلَى اللَّهِ عَلَى بَصِيرَةٍ أَنَا وَمَنِ اتَّبَعَنِي وَسُبْحَانَ اللَّهِ وَمَا أَنَا مِنَ المُشْرِكِينَ [سورة يوسف : الآية 108] .

     จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดนี่คือแนวทางของฉัน ฉันเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ์อย่างประจักษ์แจ้งทั้งตัวฉันและผู้ปฏิบัติตามฉัน และมหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮ์ ฉันมิได้อยู่ในหมู่ตั้งภาคี

 

﴿ سُبَحَانَ اللهِ

มหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮ์คือการทำให้พระองค์นั้นบริสุทธิ์จากสิ่งที่ไม่คู่ควรกับพระองค์

 

﴿ وَمَا أَنَا مِنَ الْمُشْرِكِينَ

ฉันมิได้อยู่ในหมู่ตั้งภาคีไม่ใช่หมู่คนตั้งภาคี

 

และนี่คือ แบบฉบับของท่านนบีในการเรียกร้องสู่อิสลามด้วยกับหลักศรัทธาที่ถูกต้อง

 

﴿ عَلَى بَصِيرَةٍ أَنَا وَمَنِ اتَّبَعِنِي

เรียกร้องไปสู่อัลลอฮ์และให้ปฏิบัติตามฉัน

 

          บอกว่าเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺแต่ไม่รู้แนวทางที่ถูกต้อง หรือไม่ให้ความสำคัญการสอนหลักอาดีดะฮฺ แท้จริงมันก็ไม่ใช่การเรียกร้องไปสู่หนทางที่พระองค์ทรงกล่าวเอาไว้ นั้นคือ กรุอ่านและสุนนะของท่านนบี แม้ว่าเขานั้นจะเป็นผู้ที่มีความรู้ แต่ไม่ให้ความสำคัญกับหลักศรัทธาในการเผยแพร่ ศาสนาเท่ากับว่าเขาไม่ได้อยู่บนการดะวะฮฺที่ถูกต้อง

 

          นี่คือสาเหตุทำให้สภาพแวดล้อมอ่อนแอในเรื่องการสอนหลักศรัทธา ส่วนมากนักเผยแพร่ จากกลุ่ม และองค์กร ไม่ให้ความสำคัญอย่างจริงจัง เพียงคิดวางให้เป็นแนวทางเฉยๆ ไม่ใช่รากฐานที่สำคัญอะไรมากนัก มันก็เลยทำให้สังคมเป็นอยู่แบบนี้เรื่อยไป หรือ แย่ลงกว่าเดิม

 

สาเหตุที่สาม วิชาเตาฮีด นั้นไม่ได้ถูกวางเป็นหลักสูตรหรือวิชาเอกของการเรียนการสอน 

 

          ตามโรงเรียน มหาวิทยาลัย วิทยาลัย มองว่า วิชาเตาฮีด เป็นวิชาย่อย หรือวิชาเสริมในการเรียนตามชั้นเรียนเท่านั้น แต่ไปให้ความสำคัญในวิชาอื่นๆเช่น เรื่องทางโลกทั่วๆไป การคบค้าสมาคม ทักษะการพูด เป็นต้น มันทำให้มีผลกระทบเป็นอย่างมากในการเรียนรู้ในเรื่องหลักการเตาฮีดจนกระทั่งทำให้มุสลิมมีความรู้น้อย และมักจะละเลยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าการเรียนวิชาเตาฮีด กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ บางครั้ง เรียนจบระดับ ปริญญาโท เอก ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องหลักอากีดะฮฺที่ถูกต้องเลย

 

          แล้วจะทำอย่างไรจะให้คนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา ชาวบ้าน นั้นมีความรู้เข้าใจหลักอากีดะฮฺ ในเมื่อหลักสูตรที่ให้สอนนั้นไม่มีวิชาเหล่านี้ในการเรียน การสอน มิหนำซ้ำ บางครั้งพบว่าวิชาเตาฮีด กลายเป็นวิชาเสริมในคาบนั้นๆ เรียนสอนไม่มีการเน้นย้ำหรือบางครั้งผู้สอนมักจะละเลยให้การบอกถึงความสำคัญของวิชานี้ สอนไม่รู้เรื่อง ทำให้น่าเบื่อ มัวแต่ชวนคุย พูดเรื่องทั่วไปของศาสนา อิสลามแบบนั้น อิสลามแบบนี้ เล่าประวัติศาสตร์วีรบุรุษสมรภูมิสงครามมากมาย แต่ขาดการเอาใจใส่ต่อหลักยึดมั่นของศาสนาที่ถูกต้อง บางครั้งทำให้นักเรียนมองเรื่องการเรียนแค่สอบผ่านเท่านั้นเอง

 

          ตามโรงเรียน สถาบันการศึกษาขาดการเอาใจใส่วิชาเตาฮีดอย่างมาก มัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องการพัฒนาโรงเรียน การวางแผน โครงการแข่งขัน เน้นกิจกรรมนันทนาการมากมาย นี้ คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม ส่งผลกระทบต่อการศึกษาศาสนา

 

          แน่นอนในประเทศของเรา อัลอัมดุลิลละฮฺ (ประเทศซาอุดีอาระเบีย)มีการกำหนดให้วิชาเตาฮีดเป็นวิชาหลักในการเรียนการสอนตาม โรงเรียนและสถาบัน ต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ทว่า เราหวังที่จะให้อัลลอฮฺ ประทานความบริสุทธิ์ใจต่อบรรดาครูบาอาจารย์ที่ทำหน้าที่ในการสอนวิชานี้เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่นักศึกษา ไม่ใช่ทำไปเพราะเป็นความจำเป็น หรือ คิดว่าเขาแค่จ้างมาสอนตามชั้นเรียนเท่านั้นเอง เราต้องมีครูเพื่อสร้างความเข้าใจการอธิบายที่ถูกต้องแก่นักศึกษาในวิชานี้

 

สาเหตุที่สี่ การให้ร้ายจากศัตรูของอิสลาม 

 

          หากเรามองภาพเป็นจริงในสังคมนั้นพบได้บ่อยมาจาก คำพูด บทความ หนังสือ ทีวี สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ มักจะกล่าวหาว่ากลุ่มคนเรียนวิชาเตาฮีด เป็นกลุ่มคนชอบชี้ขาดผู้อื่น ว่าคนนั้นตกนรก ว่าคนนี้หลุดออกจากศาสนา หรือพวกหัวรุนแรง สุดโต่ง กลุ่มวะฮะบีย์ คณะใหม่ สารพัดที่จะนำมาอ้าง มันเลยทำให้มีผลกระทบต่อการเรียนในวิชานี้อย่างมากในสังคม จนถูกตราหน้าว่านี้คือ กลุ่มสุดโต่งในศาสนา ทำให้สังคมเกิดความกลัว วิตกกังวล

 

          โอ้ พี่น้องที่รัก นี้คือการกล่าวเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีต่ออิสลาม แน่นอนศัตรูของอิสลามจะพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะให้มนุษย์ละทิ้งการรับรู้ในหลักการของศาสนา โดยเฉพาะ หลักอากีดะฮฺที่ถูกต้อง แนวความคิดที่ใส่ร้ายต่อศาสนากลายเป็นผลกระทบกับผู้ที่จะศึกษาในหลักการศาสนา ละทิ้งการเรียนวิชาเตาฮีด

 

 หลักยึดมั่น (อากีดะฮฺ) กับ ความเข้าใจ และ เป้าหมาย 

 

หลักยึดมั่น (อากีดะฮฺ) ในความสำคัญของเรื่อง อัลวะลาอ์ วัลบะรออ์

 

         อัลวะลาอ์ คือการเป็นมิตรกัน การมอบความรักให้แก่กันซึ่งหลักศรัทธาหรือหลักเชื่อมั่น รักบรรดาผู้ศรัทธา มุสลิม

 

          อัลบะรออ์ คือการออกห่างกัน การเป็นศัตรูต่อกัน ซึ่งหลักศรัทธาหรือหลักเชื่อมั่น กาเฟร มุชรีกีน แยกกัน ระหว่างความถูกต้องกับความเท็จ การตั้งภาคี (ชีริก)กับ การเคารพอัลลอฮฺหนึ่งเดียว(เตาฮีด) ระหว่าง การศรัทธา (อิหม่าม) กับ การปฏิเสธ (กาเฟร)

 

          เมื่อใดก็ตาม หากมีหลักเชื่อมั่นที่อ่อนแอจะส่งผลกระทบต่อทุกๆส่วนของมนุษย์ เช่น อิหม่ามอ่อนแอทำให้ความชั่วเกิดขึ้นบนหน้าแผ่นดินนี้ เครื่องวัดมาตรฐานมุสลิม มุมิน นั้นคือ หลักศรัทธา เมื่อมุสลิมคนหนึ่งมีหลักศรัทธาที่ถูกต้อง เขาจะเข้าใจศาสนา มีวิทยปัญญา ปรารถนาให้คนอื่นได้รับสิ่งที่ถูกต้อง

          ฉะนั้นการเรียน ศึกษาวิชาหลักการยึดมั่นจึงมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ใช่วิชาตัดสินคนนั้น คนนี้ หรือ วิชาที่จะสร้างความสุดโต่งในสังคมตามกระแสของผู้ต่อต้านอิสลาม หน้าที่ของเรา คือการอธิบายถึงเป้าหมายของหลักอากีดะฮฺที่ถูกต้อง และ การชี้ทางนำที่ถูกต้องด้วยวิธีการที่ดียิ่งจะต้อง อธิบายเผยแพร่ศาสนา ด้วยกับ ฮิกมะฮฺ ปัญญาที่ดีเลิศ ข้อเตือนใจที่ดี การโต้แย้งที่ดีกว่า แน่นอนเราไม่ต้องการความชั่วร้ายจากน้ำมือของมนุษย์ เราต้องการให้ความดีงามพวกเขาเหล่านั้น เราต้องการให้เขารู้หลักศรัทธา การเคารพอิบาดะฮฺที่ถูกต้อง และ หวังที่จะให้พวกเขานั้นรอดพ้นจากไฟนรก

 

หลักยึดมั่น (อากีดะฮฺ) กับ เป้าหมาย

 

          สิ่งสำคัญและเป้าหมาย ของการศึกษาวิชาหลักศรัทธา การตักเตือนเรียกร้องให้รับทราบ เข้าใจเรื่องราวของพระเจ้าที่แท้จริง เราจะรักใคร โกรธใครต้องเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺและร่อซูลเท่านั้น เช่น รักกันบนหนทางที่ถูกต้อง เพราะเขาเป็นผู้ศรัทธา หรือ โกรธกันเพราะเขานั้นทำชีริก ไม่เชื่อฟังหลักการศาสนาจะต้องออกห่าง

          เราจะต้องทุ่มเท เพียรพยายามอย่างมากให้มนุษย์ได้เข้าใจสิ่งที่เราทำ คือการนำพาคนที่หลงทางที่มืดมน มาสู่ทางแห่งแสงสว่าง เราจะต้องให้มนุษย์ได้รับสิ่งที่มีคุณค่าจากศาสนา ด้วยการปกป้องจากผู้ที่ไม่หวังดีต่อมนุษย์

 

          คำว่า มนุษยชาติ ที่ถูกต้อง คือการให้เอกภาพต่อผู้สร้างเพียงองค์เดียวเท่านั้น ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้และละทิ้งคำสั่งห้าม ไม่มีภาคี หุ้นส่วนใดๆต่อพระองค์ในการทำ อิบาดะฮฺ เพราะมนุษย์นั้นไม่ใช่ดังสัตว์เดรัจฉาน ที่คล้อยตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ คิดจะทำอะไรก็ได้ เช่น ทำชีริก ทำสิ่งใหม่ๆ(บิดอะ)ในศาสนาตามที่ตัวเองคิดว่าดี ตรงตามอามรณ์ ตามคนส่วนมากและพวกพ้อง

 

          ศาสนาตั้งอยู่บนบทบัญญัติตามบัญชาของพระเจ้าผ่านการปฏิบัติของท่านนบีมูฮัมหมัด ส่วนสิ่งนอกเหนือจากนี้ คือการกระทำของคนไม่รู้(ญาฮีลียะฮฺ) เฉกเช่น พฤติกรรมของสัตว์ แม้ว่าเขาจะอ้างตนว่า เขามีความเจริญก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี ด้านวัตถุก็ตาม

          จงรับทราบเอาไว้เถิดว่า ความเจริญก้าวหน้าที่แท้จริง นั้นคือ ความเจริญรุ่งเรื่องในเรื่องของศาสนา (จริยธรรม มนุษยธรรม) และศาสนาที่แท้จริง นั้นคือ ศาสนาอิสลาม และศาสนาของบรรพชนรุ่นก่อน บรรดานบีทั้งหลายของพวกเรา ซึ่งพวกเขานั้นเป็นคนที่ดีที่สุดในประชาชาติของมนุษยชาติทั้งหลาย เพราะพระเจ้านั้นทรงกำเนิดมนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่มาเพื่อเคารพสักคาระพระองค์เท่านั้น ไม่ได้สร้างมาเพื่อเคารพบูชาระหว่างมนุษย์กันเอง เพราะพระองค์ คือผู้ประทาน ผู้ให้ ผู้ดูแล คุ้มครองสรรพสิ่งในโลกนี้ และผู้ทรงให้ทางนำ อัลลอฮฺกล่าวว่า

 

﴿ وَمَا خَلَقْتُ الجِنَّ وَالإِنسَ إِلاَّ لِيَعْبُدُونِ * مَا أُرِيدُ مِنْهُم مِّن رِّزْقٍ وَمَا أُرِيدُ أَن يُطْعِمُونِ [ الذاريات 57]

และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า

ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขา และข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาให้อาหารแก่ข้า

 

          อัลลอฮฺสั่งใช้มนุษย์เคารพอิบาดะฮฺก็เพื่อตัวเขาเอง พระองค์พอเพียง ผู้ทรงมั่งคั่ง  ไม่ต้องการสิ่งใดจากมนุษย์ การปฏิเสธของมนุษย์บนโลกนี้ไม่ส่งผลต่อพระองค์แต่อย่างใดทั้งสิ้น ต่อให้พวกเขาปฏิเสธกันทั้งโลกก็ตาม หรือว่าทำความดีกันทั้งโลกมิได้ส่งผลดีกับพระองค์เลย เพราะทุกสิ่งล้วนแล้วมนุษย์จะได้รับและตอบแทนกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำเอาไว้บนโลนนี้เท่านั้น

อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า

 

﴿ إِن تَكْفُرُوا أَنتُمْ وَمَن فِي الأَرْضِ جَمِيعًا فَإِنَّ اللَّهَ لَغَنِيٌّ حَمِيدٌ [ إبراهيم 8]

     และมูซาได้กล่าวว่าหากพวกท่านและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมดปฏิเสธศรัทธา แท้จริงอัลลอฮนั้นทรงพอเพียงและทรงได้รับการสรรเสริญอย่างแน่นอน

 

     อิบาดะฮ์ของพวกเขาถูกตอบรับ จะได้รับรางวัลตอบแทนในโลกหน้า นั้นคือสวนสวรรค์

 

﴿ وَاللَّهُ يَدْعُو إِلَى دَارِ السَّلامِ [يونس : 25]

และอัลลอฮ์ทรงเรียกร้องไปสู่สถานที่แห่งศานติ

 

﴿ لِيَغْفِرَ لَكُم مِّن ذُنُوبِكُمْ [إبراهيم : 10]

พระองค์ทรงเรียกร้องพวกท่านเพื่อทรงยกโทษในความผิดของพวกท่าน

 

﴿ أُوْلَئِكَ يَدْعُونَ إِلَى النَّارِ وَاللَّهُ يَدْعُو إِلَى الجَنَّةِ وَالْمَغْفِرَةِ بِإِذْنِهِ [ البقرة : 221] .

และอัลลอฮ์นั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์ และไปสู่การอภัยโทษ ด้วยอนุมัติของพระองค์

 

     ท่านอิบนุ ก็อยยิม กล่าวว่า ช่างน่าแปลก ! มนุษย์หนีจากการเป็นบ่าวของพระองค์ กลับยอมรับการเป็นทาสของอารมณ์และชัยฏอนมารร้าย ผู้ใดก็ตามที่เขานั้นเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ ไม่มีหนทางใดสำหรับชัยฏอนหลอกลวงเขาได้

 

﴿ وَأَنِ اعْبُدُونِي هَذَا صِرَاطٌ مُّسْتَقِيمٌ [سورة يس : الآية 61]

และพวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า นี่คือแนวทางอันเที่ยงแท้

 

﴿ أَلَمْ أَعْهَدْ إِلَيْكُمْ يَا بَنِي آدَمَ أَن لاَّ تَعْبُدُوا الشَّيْطَانَ إِنَّهُ لَكُمْ عَدُوٌّ مُّبِينٌ [سورة يس : الآية 60].

     “ข้ามิได้บัญชาพวกเจ้าดอกหรือ โอ้ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย ! ว่าพวกเจ้าอย่าได้เคารพบูชาชัยฏอนมารร้าย แท้จริงมันนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเจ้า

 

         ใครก็ตามเขานั้นละทิ้งจากการเคารพอิบาดะต่ออัลลอฮฺ แน่ว่าเขาจะถูกทดสอบด้วยการถูกหลอกลวงจากชัยฏอน ซึ่งเขาไม่รู้หนทางเลยว่า ไปที่แห่งหนใด บั้นปลายนั้นเป็นเช่นไร

 

﴿ وَمَن يُشْرِكْ بِاللَّهِ فَكَأَنَّمَا خَرَّ مِنَ السَّمَاءِ فَتَخْطَفُهُ الطَّيْرُ أَوْ تَهْوِي بِهِ الرِّيحُ فِي مَكَانٍ سَحِيقٍ [سورة الحج : الآية 31]

     “ผู้ตั้งภาคีใด ต่อพระองค์ และผู้ใดตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ เสมือนว่าเขาร่วงลงมาจากชั้นฟ้า แล้วนกก็บินเฉี่ยวเอาเขาไป หรือลมได้พัดพาเขาไปยังดินแดนอันไกลโพ้น

 

          เมื่อเรามองดูสังคมที่มนุษย์อาศัยอยู่ก่อนการแต่งตั้งท่านศาสดามูฮัมหมัด และสังคมหลังจากการมาของท่านนบี ซึ่งสามารถแยกระหว่างความจริง กับความเท็จ ศรัทธากับปฏิเสธ การตั้งภาคีกับการให้เอกภาพต่อพระองค์

 

เราจะต้องปกป้องหลักศรัทธาอย่างไร

     นี้คือสาเหตุต่างๆที่ทำให้หลักศรัทธานั้นอ่อนแอในยุคปัจจุบัน หรือบางสังคมการหลักศรัทธาแทบจะไม่มีด้วยซ้ำไป

     หนทางที่รักษาและปกป้องหลักอากีดะฮฺของเรานั้น มีสอง วิธีด้วยกัน ดังนี้

การศึกษาและนำไปสอนแก่ผู้อื่น

ผู้นำที่มีอำนาจในการให้การรักษาหลักอากีดะฮฺในสังคมนั้นๆ

 

         หากว่าสองประการนี้ควบคู่กับไปมันจะทำให้สังคมนั้นมีเกียรติและปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย และหากว่ามันขาดประการหนึ่งประการใดไปมันจะทำให้สังคมนั้นอ่อนแอในเรื่องหลักศรัทธา

          ตัวอย่างเช่นในประวัติศาสตร์ของเชค มูฮัมหมัด บิน อับดุลวะฮับของประเทศนี้ นั้นคือประเทศซาอุเดียอาระเบีย เรียกร้องไปสู่หลักศรัทธาที่ถูกต้องพร้อมกับการช่วยเหลือของ อิหม่าม มูฮัมหมัด บิน สะฮูด ซึ่งเป็นผู้นำในยุคนั้นด้วยการญิฮาดเพื่ออัลลอฮฺ และปกป้องสิ่งที่ถูกต้องมันนำมาซึ่งผลลัพธ์การดำรงเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ภายใต้เงาของหลักศรัทธาที่ถูกต้อง เราขอต่ออัลลอฮฺให้มันยังคงมีตลอดไป ขอให้หลักศรัทธานี้ไปแพร่กระจายไปยังประเทศใกล้เคียง

          ฉะนั้นสองประการที่กล่าวมานั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการเผยแพร่หลักอากีดะฮฺในการแก้ไข้สังคมที่อ่อนแอในเรื่องนี้ เพราะการมีความรู้ช่วยชี้แจงในสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนการมีอำนาจช่วยค้ำจุนสนับสนุนในสิ่งนั้นตามไปด้วยง่ายต่อการเชื่อฟังของผู้คนในยุคนั้นๆ

 

แนวทางการแก้ไขและเยียวยา

     การเยียวยารักษาในเรื่องนี้ ไม่ใช่การนั่งฝันไปวันๆ แต่มันคือการลงมือทำ ดังนี้

     ♦ ให้ความสำคัญเอาจริงเอาจังกับการศึกษาและการเรียนสอนเรื่องอากีดะฮฺจากตำรับตำราที่ถูกต้อง

     ♦ ทำการเผยแพร่เรื่องหลักศรัทธา สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องเตาฮีด

         จะต้องให้หลักสูตรของวิชาเตาฮีดนั้นเป็นวิชาหลักประจำในแต่ละโรงเรียนหรือสถาบันต่างๆและคัดสรรครูที่เหมาะสมให้ทำหน้าที่ในการสอน

 

          โอ้อัลลอฮฺ เราขอต่อพระองค์ทรงตอบรับการงานของเราทั้งคำพูดและการกระทำ ขอพระองค์ประทานปัจจัยยังชีพจากความรู้ที่ยังประโยชน์ และการงานที่ดี ช่วยกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรมและช่วยเหลือกันในเรื่องขันติธรรม

 

 

وصلى الله وسلم على نبينا محمد ، وعلى آله وأصحابه أجمعين