การมีเพศสัมพันธ์ในอิสลาม
โดย เชคมูฮัมหมัด ซอแหละ อัลมุญัดยิด
ถอดความโดย อับดุลวาเอด สุคนธา
มารยาทในการมีเพศสัมพันธ์ในอิสลาม
อัลฮัมดุลิลละฮ์ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิของพระองค์แด่เพียงผู้เดียวเป็นสิ่งที่ดียิ่งในการกล่าวว่า อิสลามคือศาสนาที่สมบูรณ์แบบและเหมาะสมในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ อิสลามคือศาสนาที่นำพาความดีมายังมนุษย์ในทุกๆด้าน ในเรื่อง ศาสนา ใช้ชีวิต การคบค้าสมาคม การมีชีวิตอยู่ หรือ จากไป
การมีเพศสัมพันธ์ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในการดำเนินชีวิตของมนุษย์บนโลกนี้ ซึ่งศาสนาอิสลามได้กำหนดรูปแบบและขอบเขต ซึ่งได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมารยาท ฮุกุ่มต่างๆ ของการมีเพศสัมพันธ์ตามหลักการอิสลาม
หากว่าการใช้ชีวิตปราศจากสิ่งนี้แล้วก็จะทำให้การดำเนินชีวิตไม่มีความสุข ไม่รู้ถึงรสชาดของชีวิต และจะใช้ชีวิตอยู่อย่างเศร้ามอง ไร้จุดหมาย หากว่าการใช้ชีวิตที่มีเพศสัมพันธ์ในอิสลามดำเนินไปด้วยการตั้งเจตนาที่ดี อ่านอัซการ์ และดำรงไว้ซึ่งมารยาทอันดีงาม ก็จะทำให้ชีวิตของท่านก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงส่ง และการอิบาดะฮ์ทุกอย่างของเขานั้นได้รับภาคผลอย่างแน่นอน
มีคำกล่าวของท่านนบี ในหนังสือซาดุลมาอาร ของ อิบนุก็อยยิม "แท้จริง การมีเพศสัมพันธ์ ถือว่าเป็บแบบฉบับของฉัน" ซึ่งท่านนบีมูฮัมหมัด เป็นการดำรงแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบ รักษาสุภาพที่ดี และช่วยเติมเต็มรสชาดของการใช้ชีวิตบนโลกนี้ตามจุดมุ่งหมายที่ต้องการ
เป้าหมายหลักของการมีเพศสัมพันธ์ มีอยู่ 3 ประการด้วยกัน
1. การมีเพศสัมพันธ์ สร้างความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกัน และสืบทอดวงศ์ตระกูล ทำให้เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ดำรงอยู่จนทุกวันนี้ ตามความประสงค์ของพระองค์
2. การหลั่งอสุจิออกมาช่วยให้นอนหลับสบาย หลับสนิท ทำให้ร่างกายผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตีบอยู่ก็จะคลายตัว ไม่ส่งผลเสียต่อระบบสืบพันธุ์
3. การมีเพศสัมพันธ์มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ทำให้สุขภาพจิตดี อารมณ์แจ่มใส จะช่วยทำให้ไม่เครียด
บรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญทางการแพทย์บอกถืงเรื่องของการการมีเพศสัมพันธ์ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก อัลลอฮฺ ทรงได้กำหนดทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด เพศสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของมนุษย์มีความสมบูรณ์แบบ ลดสายตาต่อเพศตรงข้าม ช่วยระงับจากอารมณ์ตัณหา หลีกเลี่ยงจากการกระทำของฮะรอม ทำให้เกิดผลดีทั้งโลกนี้และโลกหน้า และจะได้รับความสุขและประโยชน์ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ดังที่ท่านนบี กล่าวว่า "สิ่งที่ฉันรักยิ่งโลกนี้ คือ สตรีเพศ และสิ่งที่ดีทั้งหลาย"
(อะหมัด นาซาฮี)
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวกับเราว่า
يَا مَعْشَرَ الشَّبَابِ، مَنِ اسْتَطَاعَ البَاءَةَ فَلْيَتَزَوَّجْ، فَإنَّـهُ أَغَضُّ لِلْبَصَرِ، وَأَحْصَنُ لِلْفَرْجِ، وَمَنْ لَـمْ يَسْتَطِعْ فَعَلَيْـهِ بِالصَّوْمِ فَإنَّـهُ لَـهُ وِجَاءٌ».
"โอ้บรรดาผู้เป็นหนุ่มทั้งหลาย ! ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ามีความสามารถที่จะเลี้ยงดู (ภรรยา) ก็จงแต่งงานเสีย
เพราะแท้จริง (การแต่งงาน) จะทำให้สายตาของพวกเจ้าลดต่ำลง และทำให้พวกเจ้าสามารถสงวนอวัยวะเพศ
และผู้ใดที่ไม่มีความสามารถก็จงถือศีลอดเสีย เพราะแท้จริง การถือศีลอดนั้นจะทำให้ลดอารมณ์และตัณหาลงได้"
(อัลบุคอรีย์ มุสลิม)
สิ่งสำคัญควรรู้ในขณะมีเพศสัมพันธ์ในอิสลาม
1. มีความบริสุทธิ์ใจในการมีเพศสัมพันธ์ เจตนากระทำดังกล่าวเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองและครอบครัว ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นฮะรอม จากการทำซีนา และเพื่อสร้างประชากรของท่านนบีมูฮัมหมัด ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อยกระดับของความมีเกียรติที่สูงส่ง ไม่ใช่เพียงเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ใคร่และตัณหาของแต่ละคน การมีเพศสัมพันธ์จะทำให้เรามีความสุข อิ่มเอิบใจ
ท่านนบี กล่าวว่า
وَفَيْ بُضْعِ أَحَدِكُمْ صَدَقَةٌ .قَالُوْا : يَا رَسُوْلَ اللهِ أَيَأْتِيْ أَحَدُنَا شَهْوَتَهُ وَيَكُوْنُ لَهُ فِيْهَا أَجْرٌ ؟ قَالَ : " أَرَأَيْتُمْ لَوْ وَضَعَهَا فِيْ حَرَامٍ أَكَانَ عَلَيْهِ وِزْرٌ ؟ فَكَذَلِكَ إِذَا وَضَعَهَا فِيْ الحَلَالَ كَانَ لَهُ أَجْرٌ "
"การมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของท่านนั้น เป็นทาน(ศอดาเกาะฮฺ)"
ฉันถามว่า : โอ้ท่านรสูลุลลอฮฺ เหตุไฉนการที่ฉันปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศทำให้ได้รับผลบุญด้วยเล่า?
ท่านรสูล กล่าวว่า : แล้วถ้าท่านทั้งหลายกระทำในสิ่งหะรอมท่านจะเป็นบาปมิใช่หรือ?
ฉันตอบว่า : ใช่
ท่านรสูล กล่าวว่า : ในเมื่อท่านต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ชั่ว แล้วจะไม่ให้ผลบุญสำหรับการกระทำความดีกระนั้นหรือ
(มุสลิม)
นี่คือความประสงค์ และความเมตตาของพระองค์ที่จะให้มนุษย์มีชีวิตที่ดี และมีความจำเจริญบนโลก
♥ มีซุนนะ ให้วางมือบนหน้าผากของภรรยาในค่ำคืนแรกของคู่บ่าวสาว
♥ มีซุนนะ ให้อาบน้ำละหมาดก่อนมีเพศสมพันธ์
♥ มีซุนนะ ให้ละหมาดสองร็อกอะฮ์ก่อนนอน
2. การเล้าโลมเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความสุขและชีวิตแต่งงานที่ไม่ควรถูกละเลย เป็นเรื่องสำคัญอย่างแท้จริงว่า สามีควรปลุกเร้าทางเพศแก่ภรรยาของเขา โดยผ่านการเล้าโลมก่อนที่จะหาความสำราญในการร่วมเพศ เพราะว่าท่านก็เคยมีการเล่น หรือ เล้าโลมภรรยา เช่น การจูบควรทำอย่างนุ่มนวล การลูบคลำอย่างแผ่วเบา
3. ต้องอ่านดุอาในขณะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา
بِاسْمِ الله، اللَّـهُـمَّ جَنِّبْنَا الشَّيْطَانَ، وَجَنِّبِ الشَّيْطَانَ مَا رَزَقْتَنَا
คำอ่าน " บิสมิลลาฮฺ, อัลลอฮุมมัจญ์นิบนัช ชัยฏอน, วะ ญันนิบิชชัยฏอน มา เราะซักตะนา"
"ด้วยนามของอัลลอฮฺ โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ได้ทรงให้ชัยฏอนอยู่ห่างจากเราด้วยเถิด
และขอพระองค์ได้ทรงให้ชัยฏอนอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ประทานให้กับเรา"
(หมายถึงลูกที่ได้จากการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งนี้)
4. อนุญาตให้สามีร่วมเพศกับภรรยาทางอวัยวะเพศของนางจากด้านไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากด้านหน้าหรือด้านหลังที่นางสามารถให้การกำเนิดลูกได้ แต่ห้ามมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
อัลลอฮ์ ตรัสว่า
نِسَاؤُكُمْ حَرْثٌ لَّكُمْ فَأْتُوا حَرْثَكُمْ أَنَّىٰ شِئْتُمْ
"พวกนางคือไร่นาของพวกท่าน ฉะนั้นพวกท่านจงเข้าไปในไร่นาของพวกท่านเถิดตามใจปราถนา"
(อัลบากอเราะ 223)
ท่านญาบิร บุตรของท่านอับดุลลอฮ เล่าว่า มียิวผู้หนึ่งกล่าวว่า เมื่อใดที่สามีมีเพสสัมพันธ์กับภรรยา ของเขาทางด้านหลังแต่ร่วมทางอวัยวะเพศของนาง (ไม่ใช่ทางทวารหนัก จากนั้นเขาก็ได้ลูก) ลูกที่เกิดมาจะตาเหล่ ดังนั้น พระองค์อัลลอฮ์ จึงประทานอัลกรุอานลงมาว่า
"สตรีของสูเจ้านั้นคือเเหล่งเพราะปลูกของพวกท่าน
ดังนั้น สูเจ้าจงเข้าหายังเเหล่งเพาะปลูกของสูเจ้า ตามเเต่สูเจ้าประสงค์"
( หะดิษเศาะฮีฮฺ บันทึกโดยบุคอรีย์ มุสลีม)
ท่านอิบนู อับบัส กล่าวว่า เมื่อบทบัญญัติของอัลกรุอานที่ตรัสว่า "สตรีของสูเจ้านั้นคือเเหล่งเพาะปลูกของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าเข้าหาเเหล่งเพาะปลูกของสูเจ้าตามแต่สูเจ้าประสงค์" ถูกประทานลงมา ผู้คนชาวอันศอรฺ (ผู้ช่วยเหลือชาวเมืองมะดีนะห์) พากันมาหาท่านนบี พลางกล่าวถามเกี่ยวกับอัลกรุอานข้างต้น
ท่านนบี จึงกล่าวตอบว่า "พวกท่านจงมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของท่านในทุกๆสภาพ (ไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง ท่ายืน หรือท่านอน) โดยมีเงื่อนไขต้องมีเพศสัมพันธ์ที่อวัยวะเพศของพวกนาง (หมายถึงมีเพศสัมพันธ์ทางทวารเบา ไม่ใช่ทวารหนัก)"
5. อิสลามได้ห้ามมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ของนางในทุกๆสภาพ อัลลอฮฺ ตรัสว่า
نِسَاؤُكُمْ حَرْثٌ لَّكُمْ فَأْتُوا حَرْثَكُمْ أَنَّىٰ شِئْتُمْ
"พวกนางคือไร่นาของพวกท่าน ฉะนั้นพวกท่านจงเข้าไปในไร่นาของพวกท่านเถิดตามใจปราถนา"
(อัลบากอเราะฮ์ 223)
"ภรรยาของเจ้าคือไร่นาสำหรับเจ้า" หมายถึง อวัยวะของนางที่สามารถให้ลูกได้ ซึ่งท่านร่อซูลุลลอฮ์ ได้อธิบายข้อความของโองการนี้ว่า การมีเพศสัมพันธ์นั้นได้รับอนุญาตทุกท่า ไม่ว่าจะทางข้างหน้าหรือทางข้างหลัง ตราบใดที่ไม่มีการใช้ประตูหลัง(ทวารหนัก)เพราะนั่นเป็นสิ่งหะรอม
ท่านได้กล่าวว่า บรรดาผู้ที่ถูกสาปแช่ง คือ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก (อิบนุฮาดีย์) เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการฝืนธรรมชาติของมนุษย์ และทางทวารหนักเป็นที่ของสิ่งสกปรก เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อโรค
6. เมื่อสามีร่วมเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขาแล้วยังต้องการร่วมอีกครั้ง ก็มีสุนัตสำหรับเขาให้อาบน้ำละหมาดเพราะท่านนบี กล่าวว่า
(إِذَا أَتَى أَحَدُكُمْ أَهْلَهُ ثُمَّ أَرَادَ أَنْ يَعُودَ فَلْيَتَوَضَّأْ بَيْنَهُمَا وُضُوءًا)
"คนใดในหมู่พวกท่านร่วมเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขาแล้วยังต้องการร่วมอีกครั้ง จงปฏิบัติวุฎูอ์การอาบน้ำละหมาด
เพื่อจะทำให้ร่างกายกลับมากระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น"
(มุสลิม)
การอานน้ำละหมาดนี้ ถือว่าเป็นที่ส่งเสริมไม่ถึงขั้นวายิบ แต่ถ้ากระทำถือว่าดีกว่า
7. จำเป็นจะต้องอาบน้ำญะนาบะ หรือ ยกหะดัษใหญ่ ระหว่างสามีภรรยา หรือคนหนึ่งคนใด ที่อยู่ที่สภาพต่อไปนี้ เมื่ออวัยะเพศทั้งสองสัมผัสกัน
ท่านนบี กล่าวว่า "เมื่ออวัยวะทั้งสองมาสัมผัสกัน จำเป็นจะต้องอาบน้ำญะนาบะอ์"
(อะหมัด มุสลิม)
แม้ว่าน้ำอสุจิจะหลั่งหรือไม่หลั่งก็ตามจำเป็นต้องอาบน้ำยกหะดัษใหญ่ เมื่อมีน้ำอสุจิหลั่งออกมา ท่านนบี กล่าวว่า "เมื่อน้ำหลั่งออกมาด้วยกับมัน"
ท่านอิหม่ามอัลบักวี อธิบายเอาไว้ในหนังสืออัซุนนะว่า จำเป็นจะต้องอาบน้ำญานาบะหนึ่งในสองประการนี้ คือ "เมื่ออวัยวะของผู้ชายเข้าไปในอวัยวะเพศของสตรี และเมื่อมีน้ำหลั่งออกมาไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง"
การอาบน้ำร่วมกัน อนุญาตให้เขาทั้งสองอาบน้ำร่วมกันในที่เดียวกัน ถึงแม้จะมีการมองเห็นซึ่งกันและกันในห้องน้ำในบ้านของเขาก็ตามที
รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า
عَنْ عَائِشَةَ، قَالَتْ كُنْتُ أَغْتَسِلُ أَنَا وَالنَّبِيُّ، صلى الله عليه وسلم مِنْ إِنَاءٍ وَاحِدٍ مِنْ قَدَحٍ يُقَالُ لَهُ الْفَرَقُ.
"ฉันและท่านนบี (หรือฉันพร้อมกับท่านนบี) เคยอาบน้ำ(ญะนาบะห์)จากภาชนะเดียวกัน
คือจากถังที่เรียกกันว่า“อัลฟะร๊อก”(ถังใส่น้ำขนาดใหญ่)
8. อนุญาตสำหรับผู้ที่มีญุนุบ ที่ยังไม่ต้องการอาบน้ำยกหะดัษใหญ่ ส่งเสริมสำหรับเขาจะต้อง ล้างอวัยวะเพศแล้วก็ทำน้ำละหมาดก่อนเข้านอน
عَنْ عَبْدِ اللَّهِ، قَالَ اسْتَفْتَى عُمَرُ النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم أَيَنَامُ أَحَدُنَا وَهْوَ جُنُبٌ قَالَ " نَعَمْ، إِذَا تَوَضَّأَ "
อับดุลลอฮ์ อิบนิ อุมัร รายงานว่า อุมัรได้ถามท่านนบี ว่า "พวกเราจะนอนในขณะมีญุนุบได้หรือไม่ ? "
ท่านตอบว่า "ได้ แต่อาบน้ำละหมาดก่อนนอน(โดยยังไม่ต้องอาบน้ำญะนาบะห์)"
9. ถือว่า เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับสามีในการที่จะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา ในขณะที่นางกำลังมีประจำเดือน หรือมีนิฟาส(เลือดอันเนื่องมาจาการคลอดบุตร) กุรอานได้ย้ำอย่างหนักแน่นห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการมีรอบเดือน
อัลลอฮ์ ตรัสว่า
فَاعْتَزِلُواْ النِّسَاء فِي الْمَحِيضِ وَلاَ تَقْرَبُوهُنَّ حَتَّىَ يَطْهُرْنَ فَإِذَا تَطَهَّرْنَ فَأْتُوهُنَّ مِنْ حَيْثُ أَمَرَكُمُ اللّهُ إِنَّ اللّهَ يُحِبُّ التَّوَّابِينَ وَيُحِبُّ الْمُتَطَهِّرِينَ
"ดังนั้นท่านทั้งหลายจงปลีกตัวเองจากพวกผู้หญิง ขณะมีประจำเดือนเถิด และท่านทั้งหลายอย่าเข้าใกล้พวกนาง (คือทิ้งการร่วมประเวณีกับพวกนาง) จนกว่าพวกนางจะสะอาด ดังนั้นเมื่อพวกนางสะอาดแล้ว พวกท่านจงมาสู่พวกนางเถิด จากด้านที่อัลลอฮ์ทรงบัญชาแก่พวกท่าน แน่แท้อัลลอฮ์ทรงรักพวกที่กลับตัวสู่พระองค์และทรงรักพวกที่สะอาด"
(อัลบะกอเราะฮ์ 222)
แต่เป็นที่อนุมัติสำหรับสามีที่จะหาความสุขกับภรรยาในช่วงที่นางมีรอบเดือนได้ทั้งหมด เว้นแต่การมีเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว และไม่อนุญาตให้สามีภรรยานำเรื่องความลับบนเตียงไปเล่ากับคนอื่นฟัง
ท่านนบี กล่าวว่า "คนที่น่ารังเกลียดที่สุด ณ ที่อัลลอฮฺ คือคนที่นำความลับระหว่างสามีภรรยาไปเล่าให้คนอื่นฟัง"