แต่งงาน วิถีที่ถูกเปลี่ยนแปลง
อุมมุ อุ้ลยา
แต่งงาน คือพันธสัญญาระหว่างชายหญิง ระหว่างคู่ครอง ระหว่างบ่าวกับพระเจ้า ในการรักษาขอบเขตของพระองค์ ในการดำเนินรอยตามร่อซู้ลของพระองค์
วันวิวาห์ จึงเป็นวันที่สดชื่นที่สุดของคู่บ่าวสาวปลื้มปิติที่สุดของผู้เป็นบุพการี วันที่ยินดีปรีดาที่สุดของญาติสนิทมิตรสหาย หากแต่ร่องรอยของการจัดงานเลี้ยงสมรสในปัจจุบัน แถบไม่หลงเหลือแบบฉบับของอิสลามที่แท้จริง และลดน้อยลงจนแทบมองไม่เห็น แยกไม่ออก ว่าวิถีปฏิบัติที่ยึดตามกันมา ค่านิยม ความเชื่อ เหล่านั้นคงเหลือรูปแบบอิสลามไว้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด ?
ความเรียบง่ายของการแต่งงานแบบมุสลิม มีเพียงวลี พยาน และ มะฮัร มีเพียงการเสนอของผู้เป็นวลี และการสนองของผู้เป็นเจ้าบ่าว มีมะฮัรอย่างน้อยที่สุด แค่แหวนเงินสักวง หรือ กุรอานที่ไว้สอนภรรยา มีการเลี้ยงสมรสเพียงแค่แกะสักตัว นั่นก็เพียงพอแล้ว เราจะหาความง่ายดายอื่นใดได้ในการแต่งงานในศาสนาอื่นเหมือนกับที่อิสลามได้วางแนวทางไว้ให้ไม่มีแล้ว กี่ศาสนา กี่ธรรมเนียม กี่ประเพณี ก็ไม่เหมือนอิสลามอีกแล้ว ซุบฮานัลลอฮ อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ แบบแผนที่ยึดถือปฏิบัติของมุสลิม จึงง่ายดายและเรียบง่ายที่สุด เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม การแต่งงานของหนุ่มสาว ไม่ใช่ต้องรอให้มีเงินทอง รอให้อายุมาก หรือรอให้พร้อมทุกอย่าง !
การแต่งงาน เป็นเนี๊ยะมัต ที่อัลลอฮ์ ทรงเลือกที่จะให้กับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ไม่ใช่ทุกคนที่ได้แต่งงาน และไม่ใช่ทุกคนที่ชีวิตคู่จะราบรื่น มีความสุข และหนทางในการรักษาเนี๊ยะมัตนี้ก็คือ เริ่มต้นดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติ หรือให้ใกล้กับความพอพระทัยของพระองค์ ใกล้กับขอบเขตของพระองค์ให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถ
ธรรมเนียมปฏิบัติของงานวิวาห์ของมุสลิม ทุกวันนี้ได้ใกล้ชิดและกลืนกินไปกับธรรมเนียมปฏิบัติของมุชริก และนัศรอนีย์จนแทบแยกไม่ออก อาจเพราะไม่มีความรู้ หรือเพราะความเคยชิน หรือเพราะคิดว่า “ ไม่เป็นไร ” หรือเพราะไม่อยากที่จะรับรู้ ทำให้เจ้าสาวจึงต้องเลือกชุดวิวาห์ พร้อมชุดเพื่อนเจ้าสาว ให้มีสีสันออกโทนเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันทั้งหมด ดังกล่าวคือวิถีปฏิบัติของคริสเตียน ซึ่งได้มีการทำพิธีในโบสถ์
: "لتتبعن سنن من كان قبلكم حذو القذة بالقذة حتى لو دخلوا جحر ضب خرب لدخلتموه"
“ท่านทั้งหลายจะติดตามแนวทางของบุคคลก่อนหน้าพวกท่าน ทีละคืบทีละศอก (คล้อยตามพวกเขาในการฝ่าฝืนบทบัญญัติโดยแทบไม่รู้ตัว) จนกระทั่งแม้ว่าพวกเขาจะล่วงเข้าไปในรู้แย้ที่มันจะทลายลง พวกท่านก็ยังตามเข้าไป”
(บันทึกโดยอิมามบุคอรีและอิมามมุสลิม)
หลากหลายกรณี ในหลากหลายพิธีกรรมของมุสลิม เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าสิ่งที่กำลังกระทำคือแบบอย่างของมุชริก คือแนวทางของผู้ปฏิเสธศรัทธา ความฟุ่มเฟือยในการจัดงาน การปะปนกันระหว่างชายหญิง การบันทึกภาพอย่างพร่ำเพรื่อ การใช้มัสญิดเป็นฉากหลังเพื่อบันทึกภาพ เปลี่ยนสถานที่อิบาดะฮฺเป็นสตูดิโอสำหรับการจัดภาพ การแต่งกายของบ่าวสาว หรือแม้แต่ผู้ร่วมงาน ที่ไม่ต่างอะไรกับเครื่องแต่งกายของ กุฟฟาร เพียงอ้างว่าแฟชั่น อ้างว่าปกปิดแล้ว รวมทั้งการโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว การปูพรมทางเดินพร้อมตกแต่งช่อดอกไม้ การยืนต้อนรับของสตรี ฯลฯ
จากพฤติกรรมที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบบไม่รู้สึกตัว ก็คงยังอีกยาวไกลที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพราะสังคมมุสลิมทุกวันนี้ได้ก้าวเข้าไปอยู่เกือบสุดทางของการเลียนแบบแล้ว (ตัชบีฮ) จนกลายเป็นว่า ถ้าไม่ทำ หรือถ้าไม่มี ก็จะกลายเป็นเรื่องแปลกแยกที่ไม่คุ้นชิน ( วัล อิยาซุบิ้ลลาฮ )
((اللهم أرنا الحق حقاً وارزقنا إتباعه ، وأرنا الباطل باطلاً وارزقنا اجتنابه))..
“ ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอพระองค์โปรดทรงให้เหล่าข้าพระองค์ เห็นความจริง เป็นความจริง และให้เหล่าข้าพระองค์ได้ดำเนินตามความจริงนั้น และโปรดทรงให้เหล่าข้าพระองค์ เห็นความเท็จ เป็นความเท็จ และให้เหล่าข้าพระองค์ได้ออกห่างจากความเท็จนั้นด้วยเถิด “
อามีน ยาร็อบบั้ลอาละมีน