จะแต่งงานทั้งทีต้องหาวันดีๆ !
เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
การใช้ชีวิตคู่กันระหว่างผู้หญิงผู้ชายนั้นเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺได้กำหนดมา เพราะการใช้ชีวิตคู่เป็นสาเหตุที่คงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ ซึ่งอิสลามนั้นได้วางกรอบในเรื่องนี้ไว้ ไม่ใช่ว่าผู้หญิงผู้ชายคนใดมีความพอใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันก็ไปใช้ชีวิตได้ตามลำพังโดยไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆทางศาสนามาปฏิบัติ
ตามหลักการอิสลามใครที่จะใช้ชีวิตร่วมกันนั้นไม่อนุญาตให้ตกลงกันสองต่อสองโดยที่ไม่มีใครรับรู้และเป็นสักขีพยาน อิสลามได้กำหนดกฏเกณฑ์ในการใช้ชีวิตร่วมกันของผู้หญิงผู้ชายจะต้องผ่านการนิกาฮ(การสมรส)ตามบทบัญญัติอิสลามที่ได้ถูกประทานมาจากอัลลอฮซุบหานาฮูวาตาอาลา ดังนั้นการแต่งงานอิสลามไม่ได้เป็นประเพณี เหมือนที่ผู้คนทั่วไปได้ปฏิบัติกันในสังคม แต่ว่าการแต่งงานเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอิบาดะห์ของมุสลิม และจำเป็นต้องปฎิบัติตามแบบอย่างของบรรดารอซูล
ดังนั้นการที่คนหนุ่มคนสาวจะใช้ชีวิตร่วมกันในการสร้างครอบครัว เขาจะต้องมีเจตนาที่ดีในการแต่งงาน เพราะการแต่งงานในอิสลามเป็นหนึ่งในอิบาดะห์ ที่ทำการภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งการประกอบอิบาดะห์ที่ภักดีต่ออัลลอฮฺ ต้องประกอบด้วยกับเงื่อนไขสองประการ คือ
1.ต้องมีความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮ
2. ต้องตรงตามแบบอย่างของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม
การแต่งงานในสมัยปัจจุบัน มีมุสลิมจำนวนมากที่พอถึงเวลาแต่งงานได้ไปยึดแนวปฏิบัติที่ไม่ใช่แนวทางของบรรดามุสลิม ตั้งแต่การดูฤกษ์ยามวันเวลาทีไปสู่ขอ และเมื่อไปสู่ขอเสร็จแล้วก็ยังดูฤกษ์ให้วันเป็นมงคล วันดีๆ ที่จะกำหนดเวลาในการแต่งงาน คำว่า วันดีๆ เป็นความเชื่อของคนต่างศาสนาแต่มุสลิมกลับนำมายึดถือปฏิบัติ และเชื่อเช่นนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการดูวันในการปลูกบ้าน ดูวันในการซื้อรถคันใหม่ ดูวันในการแต่งงานเพื่อเป็นศิริมงคล หรือหลายคนมีความเชื่อว่าหากได้ดูวันที่ดีๆ และนำวันดีเหล่านั้นมากำหนดการแต่งงาน ก็จะทำให้การใช้ชีวิตคู่นั้นมีความราบรื่นและมีความสุข แท้จริงแล้วการมีความเชื่อเช่นนั้นไปค้านกับหลักคำสอนของอิสลาม และถือว่าเป็นความเชื่อที่เข้าข่ายการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ เหมือนกับไปยอมรับว่ามีคนรู้ในสิ่งที่เร้นลับ และรู้อนาคตสามารถบอกวันเวลาที่ดีได้ ซึ่งความรู้ในสิ่งเร้นลับนั้นเป็นความรู้ของอัลลอฮฺ มนุษย์เรานั้นไม่สามารถรู้ได้ และการเชื่อในโชคลางก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มาค้านกับคำสอนของอิสลามเช่นเดียวกัน
อัลลอฮฺตาอาลา ตรัสไว้ความว่า
قُل لَّا يَعْلَمُ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ الْغَيْبَ إِلَّا اللَّهُ ۚ وَمَا يَشْعُرُونَ أَيَّانَ يُبْعَثُونَ
"จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัย นอกจากอัลลอฮ์
และพวกเขาจะไม่รู้ว่า เมื่อใดพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ”
(สูเราะฮฺ อัน-นัมล์ 65)
จากอายะห์นี้นั้นเป็นการบอกให้เราทราบความรู้ในสิ่งอนาคต สิ่งเร้นลับเป็นความรู้ของอัลลอฮเพียงพระองค์เดียว หากเราไปเชื่อว่าบุคคลอื่นมีคุณลักษณะเช่นเดียวกับอัลลอฮนั้นถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ เช่นกันการที่เราไปยึดถือคำนายในการกำหนดวันดีๆ ก็เหมือนกับว่าเรายอมรับว่า อื่นจากอัลลอฮฺนั้นมีผู้ที่รู้ในสิ่งที่เร้นลับ การเชื่อเช่นนั้นมันจะทำลายหลักความเชื่อของเราด้วย
ในฐานะที่เราเป็นมุสลิมอิสลามคือคำสอนของเรา และเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของเรา การไปยึดเอาแนวทางอื่นที่ค้านต่อแนวทางของอัลอิสลามเป็นสิ่งที่ต้องห้าม เพราะการแต่งงานในอิสลาม คือ หลักคำสอนของศาสนา ไม่ได้เป็นประเพณีปฏิบัติ มุสลิมไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ใดของโลกหากเขาจะทำการแต่งงานก็ต้องปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาแบบเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องไปดูฤกษ์ดูยามหาวันดีๆ
วันแต่งงานที่ดีที่สุดก็คือวันที่เราพร้อมและมีความสามารถจะทำการแต่งงานได้ และการปฏิบัติตามซุนนะห์ของท่านนบี ซึ่งจะทำให้การใช้ชีวิตคู่ในการแต่งงานราบรื่น ดังนั้นมุสลิมต้องหลีกห่างละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่มาทำให้หลักความเชื่อของเขาให้เกิดความบกพร่อง เพื่อเขาจะได้รับความพอพระทัยจากอัลลอฮฺซุบหานาอูวาตาอาลา และพระองค์ก็จะประทานการใช้ชีวิตที่ดีให้แก่เขาอย่างแน่นอน