40 โอวาท ครอบครัวเปี่ยมสุข (3)
  จำนวนคนเข้าชม  18005

40 โอวาท ครอบครัวเปี่ยมสุข (3)


โดย ดร.อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา


โอวาทแด่…ผู้เป็นสามี

        26) จงจำไว้ว่า วินาทีที่เจ้ากล่าวคำรับนิกะฮฺนั้น ย่อมหมายถึงว่า เจ้าได้ทำสัญญาผูกมัดที่แข็งแรงมั่นคงที่สุดในชีวิต ซึ่งอัลลอฮฺได้นิยามมันว่า “สัญญาที่หนักแน่น” เพราะฉะนั้นแล้ว ภรรยาของท่านคือ อะมานะฮฺที่อัลลอฮฺฝากไว้กับท่าน ซึ่งพระองค์ได้มีบัญชาและท่านรอซูล ได้สั่งกำชับหนักหนาให้ท่านยำเกรงต่ออัลลอฮฺอย่างจริงจัง เพื่อให้พวกท่านได้ร่วมชีวิตอย่างผาสุกกับนางและปฏิบัติคลุกคลีด้วยจรรยามารยาทที่ทรงเกียรติ เรียกนางด้วยการเรียกขานที่น่าฟัง ผูกใจให้ชิดใกล้และหวงแหนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าบางครั้งจำเป็นต้องจากกันไกลห่างในบางเวลา จงใช้ดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

“และจงคลุกคลีร่วมกับพวกนางด้วยดี”

และจงใช้คำสั่งเสียของท่านรอซูล ที่ว่า

“ผู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกเจ้า คือผู้ที่ทำดีที่สุดต่อภรรยา”


         27) ให้จ่าย “นัฟเกาะฮฺ” (ปัจจัยดำรงชีพ) ที่ครบแก่ผู้เป็นภรรยา ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย ที่วาญิบและสุนัต ตามสถานะของผู้เป็นภรรยา  เท่าที่เจ้ามีความสามารถจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย พาหนะ เสื้อผ้า อาหารการกิน การคลุกคลี และความจำเป็นในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงนัฟเกาะฮฺที่ไม่เปิดเผย นั่นคือ การอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยากับนาง

ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

“บรรดาชายนั้น คือผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง เนื่องด้วยการที่อัลลอฮฺได้ทรงให้บางคนของพวกเขา (ผู้ชาย) เหนือกว่าอีกบางคน (ผู้หญิง)

 และด้วยการที่พวกเขาได้จ่ายไปจากทรัพย์ของพวกเขา (แก่บรรดาภรรยา)


         28) พึงจำไว้ว่า สามีคือหัวหน้าโดยรวมที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของครอบครัว ดังนั้น จงปกป้องเลี้ยงดูลูกๆ และภรรยาให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายหายนะในโลกนี้และไฟนรกในโลกหน้า สั่งสอนพวกเขาด้วยความรู้อิสลามในด้านอะกีดะฮฺ (ความเชื่อ) อิบาดะฮฺ (การปฏิบัติศาสนกิจ) และมุอามะลาต (การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น) รวมทั้งในเรื่องมารยาทที่สูงส่งตามหลักการของอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ให้อบรมพวกเขาตามวิถีทางอิสลามด้วยวิธีการที่เปี่ยมด้วยปัญญาอย่างสม่ำเสมอและเท่าทันต่อปัจจุบัน


          29) พยายามชมเชยความดีงามและความพิเศษของภรรยาด้วยความจริงใจ พร้อมทั้งให้คุณค่าแก่ความสำเร็จ ความสูงส่งในเรื่องต่างๆ หรือการกระทำใดๆ ของนาง ด้วยการชมเชยและให้ของขวัญที่เหมาะสม โดยเฉพาะต่อสิ่งที่นางได้ช่วยเหลือภารกิจในบ้านที่เป็นความรับผิดชอบของสามี เพราะการชมเชยและการให้ของขวัญที่คัดเลือกโดยใจที่เปี่ยมรักของสามีต่อภรรยานั้น มีความหมายที่ส่งผลสูงยิ่งแก่จิตใจของนาง และสมาชิกครอบครัวเพื่อร่วมสร้างครอบครัวเปี่ยมสุข


          30) ควรต้องอดทนต่อความบกพร่อง ความผิดพลาด และความดื้อรั้นของภรรยาในบางช่วงบางเวลา พร้อมทั้งยอมรับความบกพร่องดังกล่าวด้วยใจที่เปิดกว้างและน้ำใจที่ให้อภัยโดยบริสุทธิ์และด้วยการชั่งใจที่สูงเปี่ยม โดยเฉพาะในเวลาที่นางเหน็ดเหนื่อยและเครียดจากการทำงานในบ้าน ซึ่งนับเป็นงานหนักสำหรับนาง หรือในยามที่เจ้าเองบกพร่องในการให้บริการและช่วยเหลือนาง นับประสาอะไรกับช่วงเวลาที่นางมีรอบเดือน หลังคลอดบุตร หรือกำลังตั้งครรภ์ เพราะความรู้สึกของสตรีในช่วงเวลาเหล่านี้ถือว่าไม่ปรกติ นี่เป็นการน้อมรับตามพระบัญชาของอัลลอฮฺที่ได้มีคำสั่งว่า

“และจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี หากพวกเจ้าเกลียดพวกนาง (อันเนื่องจากการประพฤติที่ไม่สมควร พวกเจ้าอย่าได้รีบร้อนใช้ความแข็งกร้าว หรือหย่าร้างกับนาง)

เพราะอาจเป็นไปได้ว่า การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขณะเดียวกัน อัลลอฮฺก็ทรงให้มีในสิ่งนั้นซึ่งความดีอันมากมาย (สำหรับพวกเจ้าทั้งสอง)

และท่านรอซูล  ก็ได้สั่งเสียว่า

“จงสั่งเสียกันเถิด เพื่อให้ปฏิบัติกับบรรดาสตรี เพราะพวกนางถูกสร้างมาจาก กระดูกซี่โครงข้างซ้าย (ของอาดัม)

และส่วนที่คดงอที่สุดของกระดูกซี่โครง คือส่วนบนสุด

ถ้าท่านแข็งขืนจะดัดมันให้ตรง (ด้วยความแข็งกร้าว) ท่านก็จะทำให้มันหัก

และถ้าท่านปล่อยมันเช่นนั้น มันก็จะงออยู่เหมือนเดิม ดังนั้น จงสั่งเสียกันให้ปฏิบัติต่อบรรดาสตรีเถิด”

ให้หมั่นขอดุอาร์เพื่อให้ปลอดภัยว่า

“โอ้ พระผู้อภิบาลแห่งเรา ได้โปรดประทานแก่เราจากบรรดาภริยาและเชื้อสายของเรา ซึ่งความรื่นรมย์แก่สายตา และได้โปรดประทานให้เราเป็นผู้นำของบรรดาผู้ยำเกรง”

“โอ้ พระผู้อภิบาลแห่งเรา ได้โปรดปกป้องเรา บรรดาภริยาของเรา และลูกหลานของเรา ให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายและความโสมม แท้จริง พระองค์นั้นทรงรับฟังและรอบรู้ยิ่ง”

         และอย่าได้เป็นเช่นผู้คนประเภท “ดัยยูษ” นั่นคือ ผู้ที่สุขใจหรือพอใจกับการกระทำฮะรอม (ต้องห้าม) ที่ภรรยาของตนประพฤติปฏิบัติ เพราะคนพวกนี้คือ พรรคพวกของชาวนรก (ขออัลลอฮฺทรงปกป้องเราให้รอดพ้นด้วยเถิด)

 

โอวาทแด่…ผู้เป็นภรรยา

          31) พึงจำไว้ว่าสามีของเธอ คือผู้จัดการในชีวิตครอบครัวของเธอ ดังนั้น จงเชื่อฟังสามีของเธอในทุกๆ เรื่องที่ไม่เป็นมะอฺศิยัต เพราะการเชื่อฟังของภรรยาต่อสามีมักจะนำมาซึ่งความรักใคร่ที่เพิ่มขึ้น ไม่เพียงเฉพาะระหว่างสามีภรรยาเท่านั้น ทว่ามันจะซึมซาบสู่สมาชิกครอบครัวอื่นๆ ควรซุโกรฺให้มากต่อความดีงามของสามี แม้จะเพียงเล็กน้อย เพราะหนึ่งในจำนวนสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงต้องตกนรก คือ การปฏิเสธหรือไม่สำนึกต่อนิอฺมัตต่างๆ ของอัลลอฮฺที่ทรงประทานผ่านสามีของนาง (ขออัลลอฮฺทรงปกป้องเราให้พ้นจากสิ่งนั้นด้วยเถิด)


         32) ขานรับการเรียกร้องของสามีด้วยความงดงามน่าดึงดูดอย่างที่สุด จริงใจและอดทน แม้ในสถานการณ์ใดก็ตาม และต้องชั่งใจให้มากในความเหน็ดเหนื่อยของสามีจากภารกิจการงาน ที่บางครั้งอาจจะทำให้เขาบกพร่องในการดูแลเธอ ควรให้เวลาและพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปรนนิบัติเขาด้วยความอ่อนโยนที่เปี่ยมล้น โดยเฉพาะเวลาที่เขาคร่ำเครียด เพื่อว่าเธอจะรวมอยู่ในหมู่สตรีชาวสวรรค์


          33) เอาใจใส่เรื่องกลิ่นและสายตาของสามีที่มีต่อเธอ อย่าให้สามีของเธอได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ และเห็นสิ่งที่ไม่ดี นอกเสียจากด้วยสิ่งที่พึงควร มีกลิ่นหอมและภาพที่ชวนมอง และต้องเอาใจใส่ในเรื่องความหิว ความเหน็ดเหนื่อย ง่วงนอน และความคร่ำเครียดต่อปัญหาหนึ่งปัญหาใด เพราะสิ่งเหล่านี้หากปล่อยไว้เช่นนั้นมักจะเลยเถิดก่อให้เกิดอารมณ์บูดบึ้งและการกระทำไม่ดี ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเน้นหนักการปรนนิบัติในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ คือช่วงของมื้ออาหาร ช่วงพักผ่อนเวลากลางคืน และช่วงของการผ่อนคลายความเครียด แน่แท้ว่าชีวิตของเธอจะพบกับความสุข


          34) ควรต้องดูแลรักษาบ้านเรือน ทรัพย์สิน และเกียรติของสามี จากสิ่งต่างๆ ที่อัลลอฮฺห้ามและไม่เป็นที่ประสงค์ของสามี โดยเฉพาะเมื่อเขาไม่อยู่บ้าน ต้องห่างไกลจากการต้อนรับและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอยู่สองต่อสองกับชายอื่นที่แต่งงานกันได้ ถึงแม้จะมีความสัมพันธ์ด้านเครือญาติ เป็นมิตรสหายหรือผู้รับใช้ใกล้ตัวก็ตาม เพราะนั่นคือความเลวทรามที่จำเป็นต้องหลีกห่าง (อัลลอฮฺทรงปกป้องเราให้พ้นด้วยเถิด)


          35) พยายามช่วยเหลือสามีในการเลี้ยงดูลูกๆ และดูแลกิจการภายในบ้านอย่างดี ด้วยความขยันและรับผิดชอบ เพื่อความปลอดภัยทั้งดุนยาและอาคิเราะฮฺ และไม่ออกจากบ้าน เว้นแต่ด้วยการอนุญาตและความพอใจของสามี และไม่ปฏิบัติศาสนกิจที่สุนัตซึ่งอาจจะกระทบต่อการปรนนิบัติสามี ยกเว้นเมื่อเขาอนุญาตแล้ว ไม่พบและพูดคุยกับชายอื่นไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยโทรศัพท์ ฯลฯ ยกเว้นเมื่อสามีอยู่ด้วยหรือได้รับอนุญาตจากเขา โดยต้องคำนึงถึงกรอบบทบัญญัติของอัลลอฮฺ แน่แท้ว่า ครอบครัวของเธอจะประสบกับความสุข

 

โอวาทแด่…ผู้ปกครอง

          36) ควรต้องขอบคุณอย่างสม่ำเสมอต่ออัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งด้วยความรู้และปรีชาญาณที่ได้ประทานการครองคู่แก่ลูกๆ ทั้งสอง บนฐานแห่งกฎเกณฑ์ของพระองค์ที่เปี่ยมยิ่งด้วยปัญญา พร้อมทั้งหมั่นขอดุอาร์ให้อัลลอฮฺประทานความปลอดภัยแก่ทั้งสอง และเพื่อให้ได้รับลูกหลานที่ศอลิฮฺและที่อัลลอฮฺประทานบะเราะกะฮฺสืบไปจนวันกิยามะฮฺ

 

         37) ให้ความอิสระแก่ทั้งสองและการดูแลเอาใจใส่ที่ดี ด้วยใจรักและเมตตา รวมทั้งคิดในแง่ดีต่อการประพฤติตนของทั้งสอง และต้องหมั่นซักถามข่าวคราวของทั้งสองคนและลูกๆ ด้วยความเป็นห่วง ไม่กล่าวถึงความเป็นอยู่ของทั้งสองต่อหน้าพวกเขาเอง หรือต่อหน้าคนอื่น นอกเสียจากด้วยสิ่งที่ดีและน่าฟัง และให้คำตักเตือนแก่ทั้งสองด้วยวิธีการที่เปี่ยมด้วยปัญญา แต่ไม่ควรถึงกับส่งผลกระทบต่อเสรีภาพของพวกเขา เพราะเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากเกินควรในเรื่องครอบครัว ตราบใดที่ไม่ขัดกับหลักคำสอนอิสลาม

 

          38) พยายามช่วยเหลือทั้งสองคนในช่วงแรกของการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเดียว เมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ และโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เป็นบททดสอบของชีวิต ด้วยความอดทนและยุติธรรมระหว่างผู้เป็นเขยและผู้เป็นสะใภ้ อีกทั้งควรให้การเอาใจใส่เฉพาะแก่ลูกๆ ของพวกเขา ซึ่งคือหลานๆ ของเราเอง

 

         39) อย่าหวังในสิ่งใดๆ ที่เป็นวัตถุจากทั้งสองอย่างเด็ดขาด แต่ทว่าสิ่งที่ควรจะหวัง คือความรักและความสุขในชีวิตครอบครัวของพวกเขา บนหลักแห่งความพึงพอใจของอัลลอฮฺ รวมทั้งให้วิสัยทัศน์และประสบการณ์ที่ดีต่ออนาคตของครอบครัว และควรต้องอดทนให้มากต่อการประพฤติที่ยังดิบของทั้งสองต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งอาจจะไม่งดงามและไม่สอดคล้องกับความรู้สึกของเรา โดยเฉพาะในช่วงแรกของการร่วมครองคู่ของพวกเขา

 

       40) พยายามทำให้เราเป็นศูนย์กลางของการสานสายใยความรักระหว่างลูกเขยและสะใภ้ทุกๆ คน โดยเฉพาะกับคู่ครองมือใหม่ เพื่อให้ได้รับการดูแลและความรักใคร่จากเขยและสะใภ้คนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเขยและสะใภ้ที่มีอายุมากกว่า ทางที่ดีที่สุดควรจัดให้มีการพบปะสังสรรค์ทุกๆ ปีสำหรับลูกๆ หลานๆ ด้วยกิจกรรมที่เสริมสร้างความรักใคร่และสุขสันต์ เช่น วันหนึ่งวันใดในจำนวนวันตัซรีก นอกจากนี้ ควรจะต้องเป็นเหมือนร่มเงาในยามที่พวกเขามีความทุกข์ร้อน และเป็นน้ำทิพย์ในยามที่พวกเขาถูกทำร้ายโดยซัยฏอน พร้อมๆ กับต้องเป็นเหมือนดังศาลที่พร้อมจะรับฟังและไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ที่มิอาจจะแก้ไขโดยทั้งสองเพียงลำพัง ด้วยความชั่งใจ ความยำเกรง และปัญญาที่หลักแหลมยิ่งอย่างที่สุด

 

 

 

ผู้แปล: ซุฟอัม อุษมาน / Islamhouse