ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย... ผู้ชายเลี้ยวขวา
By Karima K Burns
แปลรูป : เจ้าบ่าว ปรุงรส : เจ้าสาว
ระหว่างชายกับหญิงนั้น มีความเข้าใจผิด ๆ อยู่ด้วยกันหลายเรื่อง ผู้ชายมักจะบอกว่าผู้หญิงนั้นจู้จี้ขี้บ่น ขณะที่ผู้หญิงก็จะบอกว่าผู้ชายไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของพวกเธอ แต่เชื่อไหมคะว่า ในเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้พูดถูกไปเสียทั้งหมด จริง ๆ แล้ว มีผู้ชายมากมายที่แคร์ความรู้สึกของภรรยาตัวเอง เพียงแต่วิธีการแสดงออกของผู้ชายนั้นอาจจะแตกต่างไปจากการแสดงออกของผู้หญิงอยู่บ้างนั่นเอง
ในโลกของผู้หญิง เธอมักจะใส่ใจห่วงใยคนรอบข้างและคนในครอบครัวในระดับของอารมณ์ เธอมักจะเป็นคนที่คอยพาลูก ๆ เข้านอน คอยกอดพวกเขา หุงหาอาหาร ตลอดจนจัดหาดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้กับทุก ๆ คน เพราะพวกเธอคิดแบบนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงมักจะรู้สึกว่าการรับฟัง “ความต้องการทางอารมณ์” ของคนในครอบครัวนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพื่อที่เธอจะได้เข้าใจและคอยช่วยเหลือพวกเขาได้
แต่ในอีกโลกหนึ่ง ผู้ชายนั้นก็ให้ความสำคัญกับความต้องการและความรู้สึกของผู้หญิงเช่นเดียวกัน แต่ด้วยกับวิธีการที่แตกต่างกัน ผู้ชายส่วนใหญ่แล้วมักจะประเมินความสุขของภรรยาตัวเองด้วยความสะดวกสบายทางกายที่จับต้องได้ มากกว่าความต้องการทางอารมณ์ของเธอ และนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจเธอ แต่มันหมายถึงว่าผู้ชายหลาย ๆ คนอาจจะไม่เข้าใจว่า “การตอบสนองทางอารมณ์” นั้นมีความสำคัญมากเพียงใดสำหรับผู้หญิงนั่นเอง
หากภรรยาต้องการให้สามีเข้าใจถึงความต้องการทางอารมณ์ของเธอนั้น บางครั้งเธออาจจะต้องบอกเขาตรง ๆ เพราะหากเธอมัวแต่คอยให้สามีคิดได้เองถึงความต้องการภายในจิตใจของเธอ เช่นการต้องการให้เขาอยู่ใกล้ ๆ เวลาที่เธอมีเรื่องเสียใจแล้วนั้น เธออาจจะต้องคอยไปตลอดโดยที่เขาไม่ได้รับรู้เลยว่าเธอต้องการอะไร แต่ในทางตรงข้าม หากเธอบอกเขาตรง ๆ ว่า “วันนี้คุณเจอเรื่องแย่ ๆ มาและอยากจะให้เขาช่วยสวมกอดให้กำลังใจคุณไว้แน่น ๆ” การพูดสิ่งที่คุณต้องการออกมาตรง ๆ จะเป็นการช่วยเปลี่ยนสภาพความต้องการที่เป็น “นามธรรม” ในจิตใจของคุณออกมาเป็นสิ่งที่เป็น “รูปธรรม” จับต้องได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายจะเข้าใจได้ดีกว่า และยังรู้สึกดีที่ได้ตอบสนองในความต้องการนั้น ๆ ของคุณเพราะเขารู้ว่ากำลังมอบให้ในสิ่งที่คุณต้องการนั่นเอง
และเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ชายด้วยเช่นเดียวกัน ผู้หญิงนั้นมักจะคอยช่วยปลอบโยนหรือคอยตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ให้แก่สมาชิกในครอบครัวเพราะพวกเธอจะรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของพวกเธอโดยธรรมชาติ และสำหรับผู้หญิงบางคนนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่อาจบอกปัดหน้าที่นี้ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะการดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นเป็นนิสัยโดยธรรมชาติของพวกเธอจริง ๆ เธอไม่ได้ต้องการ “ความสำเร็จ” ใด ๆ หากแต่บางครั้ง พวกเธอก็รู้สึกดีที่ได้รู้ว่าการเอาใจใส่ของพวกเธอต่อผู้อื่นนั้นมีคน “เห็นคุณค่า”
ผู้ชายนั้น ในทางตรงข้าม กลับไม่ได้ใส่ใจนักกับ “การเห็นคุณค่า” ในสิ่งที่พวกเขาทำ แต่พวกเขากลับต้องการ “ความสำเร็จ” ที่เป็นรูปธรรมมากกว่า เมื่อผู้ชายตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ให้กับผู้หญิง เขามักจะไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จใด ๆ และในขณะเดียวกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงจะไม่รู้สึกว่าการตอบสนองเช่นนั้นของผู้ชายนั้นเพียงพอและจะบอกเขาว่าว่าเขาน่ะ “ทำผิด” “พูดผิด” หรือไม่ก็ “ไม่เข้าใจความต้องการของเธอ” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ผู้ชายก็มักจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะพวกเขาต้องการที่จะรู้สึกว่าตนเองประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือภรรยาของตนและทำให้เธอมีความสุข หากผู้ชายโดนผู้หญิงของเขาบอกอยู่เสมอ ๆ ว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของเธอนั้นมัน “ผิด”... ก็มีโอกาสสูงที่สุดท้ายแล้วเขาจะเลือกกลับไปอยู่ในพื้นที่ที่เขารู้สึกสบายและเข้าใจได้ดีกว่า ซึ่งก็คือการตอบสนองความต้องการทาง “รูปธรรม” มากกว่าจะมาให้ความสำคัญกับ “อารมณ์” นั่นเอง
ต่อไปนี้เป็นหลักปฏิบัติง่าย ๆ ในการช่วยให้สามีสามารถตอบสนองความต้องทางอารมณ์ของภรรยาได้ดีขึ้น
1. ต้องการสิ่งใดก็บอกเขาไปเลยตรง ๆ
มันจำเป็นด้วยหรือที่เขาจำเป็นต้องสามารถ “อ่านใจคุณได้” หรือ “รู้เสมอว่าคุณต้องการอะไร” จึงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขา “รักคุณ”? จริงอยู่ที่การที่ใครสักคนมองออกว่าคุณต้องการอะไรแล้วตอบสนองให้คุณได้โดยที่คุณไม่ต้องบอกนั้นเป็นการแสดงออกถึงความรักอย่างหนึ่ง แต่การที่คุณบอกเขาไปตรง ๆ ว่าคุณต้องการอะไร แล้วเขาตอบกลับมาว่า “ครับ” ก็เป็นการแสดงออกของความรักเช่นกัน ดังนั้น หากคุณจำเป็นต้องบอกสามีของคุณเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ จงอย่าไปกังวลหรือรู้สึกแย่กับมัน เพราะการที่เขาไม่ได้มีอำนาจวิเศษอ่านใจคุณได้เองนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขา “ไม่รัก” คุณแม้แต่น้อย
2. พอใจในสิ่งที่เขาให้คุณได้
ผู้ชายที่สามารถตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของผู้หญิงได้อย่างเต็มที่อย่างใจคุณผู้หญิงนั้นเรียกได้ว่ามีน้อยมากเหลือเกิน ดังนั้นจงยอมรับและพอใจในสิ่งที่เขาพร้อมมอบให้คุณได้เถอะ มันอาจจะยัง “ดูไม่ใช่นัก” หรือตรงกับความต้องการของคุณร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หากคุณดูที่ความตั้งใจของเขาเป็นหลักมากกว่าผลของมัน คุณอาจจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณมี “เพชรเม็ดงาม” อยู่ในมือแล้วก็เป็นได้นะ
3. ให้กำลังใจและแสดงให้เขารู้ว่าเขาประสบความสำเร็จ
หากทำได้แบบนี้ เขาก็จะมีกำลังใจที่จะสนองตอบความต้องการทางอารมณ์ของคุณต่อไปทั้งในปัจจุบันและอนาคต บอกให้เขารู้ว่าคุณ “เห็นคุณค่า” ในสิ่งที่เขาทำ เช่น เขาอาจจะเป็นผู้ฟังที่ดี อาจจะคอยโอบกอดให้กำลังใจคุณ อาจจะชอบช่วยคุณจัดเตรียมอาหาร หรือมักจะมีคำพูดดี ๆ มาพูดให้ฟังเพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้น จงพร้อมรับและพึงพอใจในสิ่งที่เขาพร้อมหยิบยื่นให้แก่คุณ
4. จงจำไว้ว่า ผู้ชายนั้นชอบที่จะเป็นผู้ “แก้ปัญหา”
หากคุณบอกเล่าปัญหาของคุณให้ฟัง เขาอาจจะพยายามที่จะหาวิธีแก้ปัญหานั้นให้กับคุณ แม้ว่าบางครั้งคุณอาจจะต้องการเพียงแค่ใครสักคนที่คอย “รับฟังปัญหา” ของคุณเท่านั้นก็ตาม ผู้ชายมักจะไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้ พวกเขาชอบที่จะแก้ปัญหาให้เพราะคิดว่าจะทำให้คุณมีความสุข คุณอาจจะค่อย ๆ บอกเขาดูก็ได้ว่าบางครั้งคุณต้องการเพียง “ผู้ฟังที่ดี” แล้วดูว่าหนุ่ม ๆ ของคุณจะจัดการกับสัญชาติญาณที่ต้องการจะแก้ปัญหาในตัวเขาอย่างไร หรืออีกทางหนึ่ง คุณอาจจะเลือกที่จะไม่บอกรายละเอียดของปัญหาของคุณให้เขาฟังทั้งหมด แต่เลือกข้ามไปจนถึงประเด็นเฉพาะที่คุณต้องการให้เขาทราบก็ทำได้
หากชายและหญิงเข้าใจดีแล้วว่าพวกเขามักจะมองโลกในมุมที่แตกต่างกัน ความไม่พึงใจกันในเรื่องต่าง ๆ ก็น่าจะลดน้อยลง ในขณะที่ “ความเข้าใจในรัก” ก็จะมีมากขึ้นในที่สุด
แปลและเรียบเรียงโดย มารุต & มัรยัม เมฆลอย