มะฮัร (ค่าสินสอด)
  จำนวนคนเข้าชม  59820

 มะฮัร (ค่าสินสอด)

 

           อิสลามได้กำหนดเงื่อนไขที่ทำให้การแต่งงานใช้ได้หรือไม่ ด้วยการที่เจ้าบ่าวต้องจ่ายมะฮัร(ค่าสินสอด) แก่เจ้าสาว แม้ว่าฝ่ายเจ้าสาวจะยินยอมแต่งโดยไม่คิดค่าสินสอดก็ตาม ดังที่อัลกุรอานกล่าวว่า

  “พวกเจ้าจงมอบปัจจัยทานเป็นของขวัญแก่เหล่าสตรีเถิด”

(อันนิสาอฺ : 4)

           มะฮัร(สินสอด)ถือเป็นของขวัญและสินน้ำใจที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิงด้วยความเต็มใจ เป็นข้อผูกพันที่สานสายใยแห่งความรักและความเข้าใจกัน

           มะฮัรจึงไม่ใช่ค่าตัวในการประเมินราคาของสินค้า "ผู้หญิง"จึงมิใช่สินค้าที่ผู้ปกครองสามารถตั้งราคาค่าตัวเพื่อซื้อขายกัน ถ้าค่าตัวสูงกลับกลายเป็นว่าสินค้านั้นต้องดี แต่ถ้าค่าตัวถูกสินค้าที่ได้อาจไม่ใช่ของดี การมอบในลักษณะนี้ถือเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของสตรี  เพราะของแพงอาจไม่ดีอย่างที่คิดไว้ก็ได้ อิสลามจึงไม่กำหนดค่าสินสอด แต่ได้มอบหมายให้กับความพร้อมของฝ่ายชายและความสบายใจของฝ่ายหญิง ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละสังคมที่แตกต่างกันไป


“นะบีมูฮัมมัด ได้กล่าวแก่ชายคนหนึ่งที่ต้องการแต่งงานกับสตรีนางหนึ่งว่า

จงหาค่ามะฮัรถึงแม้จะเป็นแหวนเหล็กเพียงวงหนึ่งก็ตาม แต่ชายคนนั้นไม่สามารถหาได้เช่นเดียวกัน

ท่านนะบี จึงแต่งงานด้วยการให้ชายคนนั้นสอนบางซูเราะฮ์ในอัลกุรอานให่แก่สตรีที่จะแต่งงานด้วย”

(รายงานโดยอัลบุคอรีย์/5135)

           อัลกุรอานได้กล่าวถึงเรื่องราวในอดีตที่นะบีชูอัยบ์ได้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับนะบีมูซาโดยตั้งเงื่อนไขว่า ให้นะบีมูซา ทำงานเป็นลูกจ้างเป็นเวลา 8 ปีเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการแต่งงานในครั้งนี้ ซึ่ง นะบีมูซา ได้เพิ่มอีก 2 ปี รวมเป็น 10 ปี (ดูอัลกุรอาน ซูเราะฮ์อัลเกาะศ็อศ/23-28) การทำงานโดยไม่คิดค่าจ้างในครั้งนี้ หากประเมินเป็นตัวเลขแล้วเป็นจำนวนที่มากมาย แต่ไม่ใช่เป็นหลักฐานเพื่อนำจะมาปฏิบัติ อย่างน้อยเพื่อเป็นบทเรียนว่าการกำหนดค่าสินสอดระหว่างแหวนเหล็กเพียงหนึ่งวง หรือการสอนอัลกุรอาน กับการเป็นลูกจ้างเป็นระยะเวลาถึง 10 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกันในสังคม และในแต่ละยุค แต่ละเหตุการณ์

 

           ปัญหาที่ต้องแก้ไขในปัจจุบันอย่างเร่งด่วน คือ สินสอด(มะฮัร)ที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ และได้เกิดค่านิยมวัตถุในสังคมมุสลิม ซึ่งพ่อแม่ฝ่ายหญิงมักจะเรียกค่าสินสอดที่เกินความพอดี เพื่อการโอ้อวด จนบางครั้งฝ่ายเจ้าบ่าวต้องยอมแพ้พร้อมท่องประโยคยอดฮิตว่า “รักแท้แพ้มะฮัร” ด้วยความตรอมใจ

 

          สังคมมุสลิมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องเป็นผู้ที่แก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะหากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข จะกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้การแต่งงานเป็นเรื่องยาก และการซินาเป็นเรื่องง่าย

(ขออัลลอฮ์ทรงคุ้มครอง)

 


จากหนังสือ "แต่งงานง่าย  ซินายาก"

โดย  อ.มัสลัน  มาหะมะ