การแต่งงานในอิสลาม
อิสลามกำหนดบัญญัติให้แต่งงานโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ได้ดำรงคงอยู่และสืบทอดต่อไป และเพื่อปฏิบัติตนในฐานะผู้แทนของอัลลอฮ์ บนโลกนี้อย่างต่อเนื่องสืบไป มนุษย์ซึ่งเป็นผู้แทนของอัลลอฮ์ จะต้องเป็นผู้ที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ซึ่งการได้มาของเกียรติและศักดิ์ศรีนั้น จึงต้องอาศัยการแต่งงานตามบทบัญญัติทางศาสนาเท่านั้น
อิสลามเป็นศาสนาที่สอดคล้องกับสามัญสำนึกของมนุษย์ อิสลามไม่อนุญาตให้มนุษย์ทั้งชายและหญิง ยึดปรัชญาใช้ชีวิตอยู่ลำพังคนเดียวอย่างสันโดษ โดยมุ่งบำเพ็ญตนเยี่ยงนักพรตที่ตัดขาดจากโลกภายนอก อิสลามถือว่าปรัชญาชีวิตของการเป็นนักพรต นักบวช หรือใช้ชีวิตสันโดษเป็นสิ่งที่ขัดแย้งต่ออารมณ์ความรู้สึกและธรรมชาติของมนุษย์ และไม่ได้อยู่ในคำสอนของอิสลาม ท่านนะบีมุฮัมมัดจึงได้มอบคำสอนให้แก่เด็กหนุ่ม โดยกล่าวว่า
“โอ้บรรดาชายหนุ่มทั้งหลาย ผู้ใดในหมู่พวกเจ้านี้มีความสามารถ(ในการครองคู่) ก็จงแต่งงานเถิด
เพราะแท้จริงนั้น(การแต่งงาน)เป็นการลดสายตาให้ต่ำลง อีกทั้งให้พวกเจ้าสามารถสงวนอวัยวะเพศได้
และผู้ใดที่ไม่มีความสามารถก็จงถือศีลอดเสียเถิด เพราะการถือศีลอดเป็นการยับยั้งอารมณ์ใคร่ได้”
( บันทึกโดย อัลบุคอรีย์/5066 , มุสลิม/3464)
อิสลามถือว่าการแต่งงาน และการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา เป็นส่วนหนึ่งของความดีที่ได้รับผลบุญจากอัลลอฮ์ ดังที่นะบีมุฮัมมัด ได้กล่าวไว้ว่า
“การที่คนๆ หนึ่งมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขา ถือเป็นการบริจาคทาน
บรรดาเศาะฮาบะฮ์ถามว่า การมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาได้รับผลบุญกระนั้นหรือ
นะบีมุฮัมมัด ตอบว่า หากชายคนหนึ่งไปปลดเปลื้องอารมณ์ของตนเอง ณ สถานที่ที่ไม่เป็นที่อนุมัติ เขาย่อมได้รับบาปฉันใด การที่เขาปลดเปลื้องอารมณ์ ณ สถานที่ที่เป็นที่อนุมัติ เขาจึงสมควรได้รับผลบุญฉันนั้น”
(บันทึกโดยมุสลิม/2376)
และอีกฮะดิษกล่าวว่า
“แม้กระทั่งอาหารเพียงคำเดียวที่สามีป้อนให้ภรรยาของเขา ก็ยังถือว่าเป็นทานส่วนหนึ่ง และสมควรได้รับการตอบแทนที่ดี”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์/2742, มุสลิม/4296)
จากหนังสือ"แต่งงานง่าย ซินายาก"/โดย อ.มัสลัน มาหะมะ