ปฏิญญาครอบครัว
โดย ยูซุฟ อบูบักร
อิสลามเป็นศาสนาที่พระองค์อัลลอฮฺทรงคัดสรรมาให้แก่มวลมนุษยชาติ เป็นศาสนาแห่งความเมตตาปราณี ถูกส่งมาเพื่อจรรโลงโลกใบนี้ให้เกิดดุลยภาพในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะด้านวัตถุหรือด้านจิตวิญญาณ อิสลามไม่ได้แยกออกจากกันระหว่างศาสนจักรกับอาณาจักร เป็นวิถีที่ครอบคลุมทั้งศาสนา การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ การค้า การศึกษา จรรยามารยาท ฯลฯ
อิสลามเป็นวิถีที่ครอบคลุม ตั้งแต่การใช้ชีวิตในระดับปัจเจกบุคคลตลอดจนการใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม คุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้แก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เข็มแข็ง ผู้อ่อนแอ หรือทุพลภาพ ให้เกียรติผู้ใหญ่ เมตตาต่อเด็กน้อย มีสิทธิเท่าเทียมกันระหว่างเพศชายและเพศหญิง ตามสิทธิของแต่ละฝ่ายที่พึงจะได้รับ การให้เกียรติแก่ผู้รู้ และส่งเสริมให้สั่งเสียตักเตือนแก่ผู้ที่ไม่รู้ ไม่ด่าท่อว่าร้ายผู้อื่นไม่ว่าเขาจะเป็นมุสลิมหรือชนต่างศาสนิก
สอนให้สนใจต่อโลก ทรัพยากรทั้งหมดที่พระองค์ทรงสรรค์สร้างมาต้องร่วมกันหวงแหนปกปักษ์รักษา ไม่ตัดต้นไม้ทำลายผืนป่า หรือฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพียงเพื่อความสนุกสนานหรือเป็นเพียงเกมส์กีฬา มีความเอื้อเฟื้อเมตตาต่อสรรพสิ่งที่ถูกสร้างไม่ยกเว้นแม้กระทั่งสัตว์ เช่น สุนัข หรือแมว และส่วนหนึ่งจากคำสอนแห่งอิสลามแนะนำไม่ให้ละเลยต่อความดีงามที่ดูว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นการยิ้มแย้มให้แก่พี่น้อง ศาสนาอิสลามมีคำตอบในทุกๆ คำถาม บอกไว้ตั้งแต่เรื่องเล็กสุดอย่างอะตอม สสาร จนกระทั่งไปถึงเรื่องใหญ่อย่างโลกและจักรวาล ทุกอักขระ ทุกวลีของคัมภีร์อัลกุรอานเป็นบทบัญญัติที่ล้ำสมัยไม่มีวันล้าหลังหรือดับสูญ
ท่านนบีมุฮัมมัด ถูกส่งมาเพื่อเผยแผ่ความดีงาม นำความเมตตามาแบ่งปันชาวโลก และเชิญชวนมนุษยชาติสู่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว เพราะนัยยะของการบังเกิดมนุษย์ขึ้นมาบนโลกนี้ คือการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺอย่างศิโรราบ ดั่งที่พระองค์ตรัสไว้ ความว่า
“และข้าไม่ได้สร้างญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใด นอกจาการเคารพภักดีต่อข้า”
(อัซซาริยาต / 56)
ฉะนั้นการดำเนินชีวิตของมุสลิมย่อมมีขอบเขตหรือกรอบ เขาจะไม่ปล่อยวิถีให้ดำเนินไปตามอำเภอใจหรือขึ้นอยู่กับภาวะอารมณ์แห่งตน สิทธิหน้าที่ที่เขาพึงมีต่อพระเจ้าผู้ทรงสร้าง สิทธิระหว่างตัวเขากับผู้ถูกสร้างด้วยกัน การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลทั่วไปที่ร่วมอยู่อาศัยในสังคมเดียวกัน จะต้องไม่หลุดออกไปจากกรอบ หรือแนวทางที่บทบัญญัติแห่งอิสลามได้กำหนดไว้
ครอบครัว...นับเป็นแหล่งแรกและสำคัญที่สุดในการอบรมตักเตือน เป็นสถาบันหลักในการร่วมฟูมฟัก ผลิตทรัพยากรมนุษย์ออกมาโลดแล่นในสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบครัวมิได้เป็นแค่แหล่งอบรมฟูมฟักมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรม เป็นดั่งสายธารที่ให้ความอบอุ่นแก่สมาชิก ดังนั้นเพื่อให้การสร้างสถาบันครอบครัวประสบความสำเร็จและสอดรับกับปรัชญาในการครองเรือน จำเป็นต้องมีปฏิญญาหรือคำมั่นสัญญาของครอบครัว หรือต้องมีธรรมนูญในการดำเนินชีวิตภายใต้สถาบันครอบครัว และส่วนหนึ่งของปฏิญญาครอบครัวที่เราจะนำเสนอ มีดังต่อไปนี้
1. ต้องศรัทธาต่ออัลลอฮฺอย่างจริงจัง
ปัจจัยส่วนหนึ่งคือต้องมีความบริสุทธิ์ในการเคารพภักดีต่อพระองค์ เกรงกลัวและยำเกรงต่อพระองค์อย่างหนักแน่นมั่นคง ปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ละเว้นสิ่งจากที่พระองค์ทรงห้าม และจงรำลึกถึงพระองค์อัลลอฮฺให้มากๆ
2. ต้องศรัทธาต่อบรรดาเทวทูต (มะลาอิกะฮฺ) บรรดาคัมภีร์ บรรดาศาสนทูต วันปรโลก และกฎสภาวการณ์ที่อัลลอฮฺทรงกำหนด
อัลลอฮฺตรัสไว้ ความว่า
“รอสูล (มุฮัมมัด) ได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เขาที่มาจากพระผู้อภิบาลของเขา
และบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายก็ได้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ บรรดเทวทูต (มลาอิกะฮฺ) ของพระองค์ บรรดาคัมภีร์ของพระองค์
และบรรดารอสูลของพระองค์ (พวกเขากล่าวว่า) เราจะไม่แยกระหว่างท่านหนึ่งท่านใดจากบรรดารอสูลของพระองค์”
(อัลบะกอเราะฮฺ / 285)
3. ต้องศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด
และปฏิบัติตนตามจริยวัตรของท่านอย่างหนักแน่น ปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านสั่งใช้ ออกห่างจากสิ่งที่ท่านห้าม อัลลอฮฺตรัสไว้ ความว่า
“และสิ่งใดที่รอสูล (ศาสนทูต) นำมายังพวกสูเจ้าก็จงยึดปฏิบัติ และสิ่งใดที่เขาได้ห้ามปรามพวกสูเจ้าก็จงละเว้นเสีย”
(อัลฮัชรฺ / 7)
4. ดำรงการละหมาด
และรักษาให้อยู่ในเวลาที่ศาสนากำหนด อัลลอฮฺตรัสไว้ ความว่า
“แท้จริงการละหมาดนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย”
(อัลนิสาอฺ / 103)
5. บริจาคทานบังคับ (ซะกาต) และทานสมัครใจ (เศาะดะเกาะฮฺ)
ส่วนหนึ่งจากทรัพย์ที่อัลลอฮฺ ประทานให้ อัลลอฮฺตรัสไว้ ความว่า
“และบรรดาผู้ที่ทรัพย์สินของพวกเขามีส่วนที่ถูกกำหนดไว้ สำหรับผู้ที่มาร้องขอและผู้ที่ไม่ร้องขอ”
(อัลมะอาริจญฺ / 24-25)
6. ถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน
อัลลอฮฺตรัสไว้ ความว่า
“บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายการถือศีลอดนั้นได้ถูกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว
เช่นเดียวกับที่ได้ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้มาก่อนหน้าพวกเจ้ามาแล้ว เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ยำเกรง”
(อัลบะกอเราะฮฺ / 183)
7. เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์
ในกรณีที่มีความสามารถ อัลลอฮฺตรัสไว้ ความว่า
“และสิทธิของอัลลอฮฺที่มีต่อมนุษย์นั้นคือการมุ่งสู่บ้านหลังนั้น อันได้แก่ผู้ที่มีความสามารถหาทางไปยังบ้านหลังนั้น”
(อาละอิมรอน / 97)
8. สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างคู่สามี-ภรรยา
โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของชีวิตคู่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความเมตตาอาทร อัลลอฮฺตรัสไว้ ความว่า
“และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือ ทรงสร้างคู่ครองให้แก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความสุขขณะอยู่กับเธอ
และทรงให้มีความรักใคร่และความเมตตาระหว่างพวกเจ้า แท้จริงในเรื่องดังกล่าวนี้ แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่บรรดากลุ่มชนผู้ใคร่ครวญ”
(อัรรูม /21)
และนับเป็นความจำเป็นที่คู่สามี-ภรรยาจะต้องร่างกำหนดธรรมนูญในการดำเนินชีวิต วางรากฐานเพื่อสร้างความเข้าใจในชีวิตการครองเรือน เพื่อว่าความรัก ความเมตตา จะดำเนินไปอย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน และก้าวบรรลุถึงความเปี่ยมสุขที่แท้จริง
9. สามีจะต้องมีวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำของครอบครัว
อัลลอฮฺตรัสไว้ ความว่า
“บรรดาบุรุษนั้นเป็นผู้ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาสตรี เนื่องด้วยการที่อัลลอฮฺได้ทรงให้บางคนจากพวกเขาประเสริฐกว่าอีกบางคน
และด้วยการที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปจากทรัพย์สินของพวกเขา”
(อัลนิสาอฺ /34)
10. เอาใจใส่ต่อสิทธิและหน้าที่ภายในบ้านที่พึงมีระหว่างคู่สามี-ภรรยา
ท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวไว้ ความว่า
“สามีมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อสมาชิกในครอบครัว และเขาจะถูกสอบสวนในสิ่งที่รับผิดชอบ
และภรรยาก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อบ้านของสามี และเธอจะถูกสอบสวนในสิ่งที่รับผิดชอบ”
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ และมุสลิม)
.
.
อ่านต่อ Click >>>>> part 2 ......
>>>>> part 3......