ขอบเขตของอัลลอฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  9824

การรักษาขอบเขตของอัลเลาะห์


มีรายงานจากท่านนัวอฺมาน อิบนิ บะชีร กล่าวว่า : ท่านนบี กล่าวว่า :

          “อุปมาผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของอัลเลาะห์ และผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลเลาะห์ อุปมัยดังกลุ่มชนหนึ่งที่อยู่บนเรื่อลำเดียวกันได้จับสลาก โดยกลุ่มหนึ่งได้อยู่บนเรือ และอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ด้านล่างของเรือ ดังนั้น เมื่อผู้ที่อยู่ด้านล่างต้องการจะใช้น้ำจะต้องเดินผ่านผู้ที่อยู่ด้านบน เขาเหล่านั้น(ผู้ที่อยู่ด้านล่าง) จึงกล่าวขึ้นว่า : หากเราเจาะเรือตรงส่วนของเรา(ด้านล่างเพื่อจะเอาน้ำมาใช้) และจะได้ไม่รบกวนผู้ที่อยู่ด้านบน? และถ้าหากกลุ่มที่อยู่ด้านบนปล่อยให้กลุ่มที่อยู่ด้านล่างทำตามความต้องการแล้ว พวกเขาจะต้องพินาศ(จมน้ำ) กันทั้งหมด แต่หากว่าเขาเหล่านั้นจับมือ(ห้ามปราม) กลุ่มชนนั้นเอาไว้ก็จะปลอดภัยกันทั้งหมด”

บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ อัตติรมิซีย์ และอะห์หมัด

คำอธิบาย

          ท่านนบี เป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดในบรรดามนุษยชาติ และด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ประชาชาติของท่านได้รับความสุข และปลอดภัยจากการลงโทษของอัลเลาะห์ จากฮะดีษนี้ เราจะเห็นได้ว่าท่านได้เรียกร้องประชาชาติของท่านให้ช่วยเหลือ และสนับสนุนค้ำจุนซึ่งกันและกัน และยังให้มีการใช้กันให้กระทำความดี และห้ามกันมิให้กระทำความชั่ว

          อีกทั้งท่านนบี ยังพยายามปกป้องประชาชาติของท่านจากภัยบะลาอฺต่างๆที่จะมาประสบ ซึ่งเมื่อภัยบะลาอฺมาประสบแก่กลุ่มชนใดนั้น มิได้แยกระหว่างผู้ที่ยึดมั่นในคำสั่งของอัลเลาะห์ หรือผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สนใจในคำสั่งของพระองค์

ดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า :


ความว่า :
          และพวกเจ้าจงระวังการลงโทษ ซึ่งมันจะไม่ประสบแก่บรรดาผู้อธรรมในหมู่ของพวกเจ้าเท่านั้น และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะห์นั้นเป็นผู้รุนแรงในการลงโทษ
(อัลอัมฟาล 8:25)

           และจากหะดีษที่เรากำลังทำความเข้าใจและอธิบายกันอยู่นี้ ท่านนบี ได้เปรียบถึงบทบัญญัติของอัลเลาะห์ และบรรดามุสลิมที่มีความเชื่อมั่น และศรัทธาต่อบทบัญญัติ กับเรือลำหนึ่งที่บรรทุกผู้โดยสารในการเดินทางไปยังสถานที่หนึ่ง หากว่าเขาทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการที่จะควบคุมเรือ และเอาใจใส่ในเรื่องต่างๆของบุคคลที่อยู่ในเรือ เขาเหล่านั้นก็จะไปถึงฝั่งด้วยความปลอดภัย แต่ถ้าหากพวกเขาต่างเพิกเฉยไม่สนใจ ไม่คอยชี้แนะซึ่งกันและกัน แน่นอนเรือนั้นก็จะต้องจม และเขาเหล่านั้นก็จะต้องจมน้ำกันทั้งหมดมิได้ยกเว้นว่าคนนั้นดีหรือคนนั้นไม่ดี

          บรรดาผู้โดยสารที่ได้ขึ้นมาบนเรือลำนี้ ได้จัดสรรปันส่วนที่อยู่ที่พักของแต่ละคนโดยการจับสลาก เพื่อคัดเลือก บางกลุ่มก็ได้อยู่ข้างบนของเรือ บางกลุ่มก็ได้อยู่ด้านล่างของเรือ และเมื่อผู้โดยสารที่อยู่ทางด้านล่างคิดว่า บริเวณที่พวกเขาพักอยู่นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา และจะทำอะไรก็ได้ตามความต้องการ ดังนั้นเพื่อความสะดวกแก่พวกเขา จึงคิดที่จะเจาะเรือตรงส่วน ที่พวกเขาอยู่ เพื่อจะเอาน้ำมาใช้โดยมิต้องเดินขึ้นไปทางด้านบน และผ่านผู้โดยสารที่อยู่ทางด้านบน อันจะเป็นการรบกวนผู้ที่อยู่ด้านบน โดยที่พวกเขาเหล่านั้นมิได้คำนึงถึงผลลัพท์ที่จะตามมาจากการกระทำของพวกเขา และแน่นอนหากพวกเขาทำตามที่คิดเอาไว้อันเนื่องมาจากความโง่เขลา ความไม่เข้าใจ และไม่ได้คิดถึงบั้นปลายของการกระทำแบบนี้ พวกเขาก็จะจมน้ำกันทั้งหมด

          ดังนั้นจึงจำเป็นที่คนดีๆ และผู้มีสติปัญญาที่อยู่ในเรือจะต้องยับยั้งการกระทำของพวกเขาเหล่านั้นโดยทันทีทันใด และไม่ปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยไป

          เช่นเดียวกัน บทบัญญัติต่างๆของศาสนาอิสลาม และบรรดาผู้ที่ยึดมั่นศรัทธาในอัลเลาะห์ และบทบัญญัติของพระองค์ เมื่อพวกเขาเหล่านั้นยึดมั่นตามบทบัญญัติและคำสอนของศาสนาอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อนุมัติ(ฮาล้าล) หรือสิ่งที่ต้องห้าม(ฮะรอม)ก็ตาม อีกทั้งพวกเขายังไม่ได้มีท่าทีแสดงออกว่า ไม่ชอบหรือจงเกลียดบรรดาผู้ที่เพิกเฉย และละเลยต่อบทบัญญัติของอัลเลาะห์ แต่ทว่าพวกเขาพยายามที่จะทำให้ผู้คนเหล่านั้นหันมาปฏิบัติสิ่งที่ดีงามต่างๆ หากบรรดาผู้ที่ยึดมั่นต่อบทบัญญัติปฏิบัติเช่นนี้แล้ว แน่นอนพวกเขาจะก็จะรอดพ้นจากอันตราย รอดพ้นจากความผิดพลาดต่างๆ

          อัลเลาะห์ จะทรงประทานสิ่งต่างๆที่พวกเขาปรารถนา และจะทรงให้พวกเขาได้รับเกียรติในโลกดุนยา และความสุขสบายในโลกอาคิเราะห์ แต่ถ้าหากบรรดาผู้ที่มีความรู้ มีความเข้าใจในเรื่องของศาสนา และยึดมั่นในบทบัญญัติของศาสนาอิสลามเพิกเฉย ไม่สนใจ หรือเอาใจใส่ที่จะรักษาบทบัญญัติของศาสนา ไม่พยายามต่อต้านสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมของเขา ปล่อยปะละเลยให้บรรดาคนเหล่านั้นสร้างความเสื่อมเสียบนผืนแผ่นดิน แน่นอนอัลเลาะห์ ก็จะทรงลงโทษพวกเขาทั้งหมด ทั้งผู้ที่ยึดมั่นในบทบัญญัติของพระองค์ และผู้ที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติของพระองค์

          สาเหตุที่ผู้ที่ยึดมั่นต่อบทบัญญัติของพระองค์ถูกลงโทษด้วย เพราะพวกเขานิ่งเงียบ เพิกเฉย ไม่ยอมขัดขวางสิ่งไม่ดีไม่งามที่เพื่อนพ้องหรือพี่น้องของเขาปฏิบัติ จากตรงนี้เองจะเห็นได้ว่า การกระทำความดีของคนดีๆเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจะยับยั้งภัยบะลาอฺที่จะลงมาแก่กลุ่มชนที่มีผู้ฝ่าฝืนบทบัญญัติอยู่ในนั้น

          มีผู้ถามท่านนบี ว่า : หมู่บ้านที่มีคนดี คนซอและห์อยู่นั้นจะได้รับความหายนะด้วยกระนั้นหรือ?

 ท่านนบี ตอบว่า : ใช่ เนื่องจากพวกเขานิ่งเงียบและไม่ใส่ใจต่อการฝ่าฝืน บทบัญญัติของอัลเลาะห์

แล้วท่านนบี ได้อ่านดำรัสของอัลเลาะห์ที่ว่า :


ความว่า :
          เมื่อเราปรารถนาที่จะทำลายหมู่บ้านใด เราได้บัญชาให้พวกฟุ่มเฟือยของหมู่บ้านนั้นๆ และพวกเขาก็ฝ่าฝืน ดังนั้นพระดำรัส(การลงโทษ)สมควรแก่มันแล้ว ฉะนั้นเราจะได้ทำลายมันอย่างพินาศ
(อัลอิสรออฺ 17:16)

          และเช่นเดียวกัน บรรดาบนีอิสรออีลนั้นถูกสาปแช่ง ถูกขับไล่ และถูกลงโทษอันเนื่องมาจากที่พวกเขาเหล่านั้น เพิกเฉยต่อสิ่งไม่ดีงาม และความชั่วที่เกิดขึ้น ไม่ยอมที่จะยับยั้ง และปล่อยให้สิ่งที่เป็นที่ต้องห้ามต่างๆแพร่หลายอยู่ในสังคมของพวกเขา

          อัลกุรอานได้เล่าเรื่องราวของบรรดาบนีอิสรออีลไว้ในซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 78-79 ว่า:


ความว่า :
          บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาในหมู่วงศ์วานอิสรออีลได้ถูกสาปโดยถ้อยคำของดาวู๊ด และอีซาบุตรของมัรยัม นั่นก็เนื่องมาจากการที่พวกเขาฝ่าฝืน และที่พวกเขาเคยละเมิดกัน ปรากฏว่า พวกเขาต่างไม่ห้ามปรามกันในสิ่งที่ไม่ชอบที่พวกเขาได้กระทำมันขึ้น ช่างเลวร้ายจริงๆ สิ่งที่พวกเขากระทำ
(อัลมาอิดะห์ : 78-79)

          มุสลิมนั้นเปรียบเสมือนเรือนร่างเดียวกัน เมื่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายได้รับความเจ็บปวด ส่วนอื่นๆก็ย่อมได้รับความเจ็บปวดไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบรรดาผู้ที่ยึดมั่นในบทบัญญัติของอัลเลาะห์ บรรดาผู้ชี้นำจากประชาชาติอิสลามจะต้องเอาใจใส่ และไม่หลีกเลี่ยงหรือนิ่งเงียบต่อการฝ่าฝืนที่ได้เกิดขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเขาจะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งสิ่งต่างๆที่ไม่ดีงาม เพื่อให้สังคมปลอดภัยจากการลงโทษของอัลเลาะห์

          แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงให้เกียรติประชาชาตินี้(ประชาชาติของท่านนบีมุฮัมหมัด) ว่าเป็นประชาชาติที่ดีเลิศ อันเนื่องมาจากประชาชาตินี้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ใช้กันให้ทำความดี และห้ามปรามกันไม่ให้ทำความชั่ว

ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า :

ความว่า :
          ท่านทั้งหลายเป็นประชาชาติที่ดีเลิศ ที่ถูกอุบัติมาแก่มนุษยชาติ ท่านทั้งหลายใช้กันในสิ่งดี และห้ามปรามจากสิ่งไม่ดี และศรัทธาในอัลเลาะห์
(อาละอิมรอน 3:110)

          อัลกุรอานยังได้เรียกร้องให้บรรดามุอฺมินทั้งหลายต่างตักเตือนซึ่งกันและกันในเรื่องของสัจธรรม คุณงามความดี ไม่ว่าจะเป็นในด้านคำพูดหรือการกระทำ และยังได้เรียกร้องให้มีความอดทนต่อสิ่งที่มาประสบ ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่ได้ตอบรับคำเรียกร้องของอัลกุรอาน เขาก็จะได้รับความสำเร็จ และปลอดภัย แต่ผู้ใดผินหลังให้กับคำเรียกร้อง เขาจะต้องประสบกับความผิดหวัง และขาดทุน

อัลเลาะห์ตรัสว่า :


ความว่า :
          ขอสาบานต่อเวลาอัศริ แท้จริงมนุษย์อยู่ในสภาพที่ขาดทุน เว้นแต่บรรดาผู้ที่ตักเตือนกันด้วยสัจธรรม และขันติธรรม
(อัลอัศรฺ 103 : 1-3)

สาระที่ได้รับจากฮะดีษ

1. อนุญาตให้จับสลากเมื่อมีความขัดแย้งกันในเรื่องของการแบ่งปันสิ่งของหรือสถานที่เป็นต้น
2. จำเป็นจะต้องชักชวนกันให้ทำความดี และยับยั้งกันมิให้ทำความชั่ว
3. ภัยบะลาอฺ บททดสอบนั้น เมื่อได้ลงมา ณ หมู่บ้านหนึ่ง หมู่บ้านใด หรือตำบลหนึ่ง ตำบลใด มิได้ลงมาเฉพาะแต่ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลเลาะห์เท่านั้น แต่ทว่าจะลงมาครอบคลุมทั้งหมด แม้กระทั่งคนดีๆก็ตาม
4. การที่จะได้รับชัยชนะด้วยการเข้าสวรรค์ของอัลเลาะห์ และรอดพ้นจากการถูกทรมานในไฟนรกนั้น ขึ้นอยู่กับว่าประชาชาตินั้นยึดมั่นต่อสัจธรรม และไม่เพิกเฉยปล่อยปะละเลยต่อผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลเลาะห์

 


โดย : อาจารย์ กอเซ็ม เดชเลย์