บรรดามลาอิกะฮ์(เทวทูต)
  จำนวนคนเข้าชม  15890

บรรดามลาอิกะฮ์(เทวทูต)

ความหมายการศรัทธาต่อบรรดามลาอิกะฮ์

          หมายถึง ศรัทธาและยอมรับว่ามะลาอิกะฮ์คือสิ่งถูกสร้าง(มัคลูก)ที่รี้ลับของอัลลอฮ์  ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นจากรัศมี คุณลักษณะด้านกายภาพและบุคลิกภาพ เป็นผู้เชื่อฟังในทุกสิ่งทุกประการที่พระองค์ทรงบัญชาใช้โดยไม่มีการฝ่าฝืนและขัดคำสั่ง

          มลาอิกะฮ์มีจำนวนมากมาย ซึ่งแต่ละท่านมีหน้าที่แตกต่างกันตามภารกิจที่ได้กำหนดไว้ เช่นประทานโองการ (วะห์ยู)  ประทานน้ำฝนและปัจจัยยังชีพ  เคลื่อนก้อนเมฆ  ตรึงภูเขา  บันทึกบัญชีการงานของมนุษย์  และหน้าที่แบกบัลลังค์(อะรัช)ของอัลลอฮ์    ผู้เฝ้าสวรรค์  ผู้เฝ้านรก  เป็นต้น

          การศรัทธาต่อบรรดามลาอิกะฮ์ ในที่นี้หมายถึงการศรัทธายอมรับต่อพวกเขาโดยรวม  โดยเฉพาะบรรดามลาอิกะฮ์ ผู้ทรงเกียรติที่มีหน้าที่สำคัญเป็นพิเศษ เช่น ญิบรีล ซึ่งเป็นผู้นำของบรรดามลาอิกะฮ์ทั้งมวลมีหน้าที่รับส่งคำวิวรณ์ของอัลลอฮ์ มายังบรรดาศาสนทูต  มีกาอีล มีหน้าที่ประทานปัจจัยยังชีพแก่ทุกสิ่งที่มีชีวิต  อิสรอฟีล มีหน้าที่เป่าแตรเพื่อประกาศถึงวันกิยามะฮ์(วันปรโลก)เป็นต้น

          การศรัทธาในบรรดามลาอิกะฮ์ เป็นหลักการศรัทธาประการที่สองและมีความสำคัญมาก เพราะจะกลั่นกรองแนวคิดเรื่องเอกภาพของพระเจ้าให้หมดจด จากความไม่บริสุทธิ์ทั้งมวลและทำให้รอดพ้นจากอันตรายของร่องรอยแห่งการบูชาเทพเจ้าหลายองค์และการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์

      พวกบูชาเพทเจ้าหลายองค์ได้นำเอาสิ่งถูกสร้างสองอย่างมาเป็นภาคีกับพระเจ้า นั่นคือ :

           (1) สิ่งที่เป็นวัตถุหรือมีตัวตนที่มนุษย์สามารถมองเห็นด้วยสายตาได้ เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ไฟ น้ำ สัตว์ ต้นไม้ หิน มนุษย์ เป็นต้น

           (2) สิ่งที่ไม่มีตัวตนไม่สามารถมองเห็นด้วยสายตาและไม่สามารถพิสูจน์ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง5 ได้ ซึ่งเป็นสิ่งเร้นลับที่ถูกเชื่อว่ามีส่วนในการบริหารจักรวาล เช่น สิ่งหนึ่งควบคุมอากาศ สิ่งหนึ่งคอยให้แสงสว่าง อีกสิ่งหนึ่งนำฝนมา สิ่งหนึ่งเนรมิตความดีงาม สิ่งหนึ่งบันดาลความชั่วร้าย และอื่น ๆ

         เทพเจ้าประเภทแรกเป็นสิ่งที่มีตัวตนเป็นวัตถุและปรากฏอยู่ต่อสายตามนุษย์ แต่ความเชื่อเหล่านี้ได้ถูกลบล้างด้วยคำว่า ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ เป็นการพอแล้วที่จะลบล้างความคิดที่ว่าสิ่งเหล่านั้นมีส่วนในความเป็นพระเจ้าหรือสมควรที่จะได้รับการเคารพสักการะ ส่วนเทพเจ้าประเภทที่สองซึ่งมิได้เป็นวัตถุนั้นถูกซ่อนเร้นจากสายตามนุษย์และเป็นสิ่งเร้นลับ พวกบูชาเทพเจ้าให้ความเชื่อถือศรัทธามากกว่าประเภทแรก พวกเขาเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเทพเจ้าและลูกของพระเจ้า พวกเขาสร้างรูปปั้นขึ้นมาสักการบูชา ดังนั้น เพื่อที่จะสร้างความสะอาดบริสุทธิ์ให้แก่ความศรัทธาในเอกภาพของพระเจ้า และมิให้ความศรัทธานี้ไปปะปนกับสิ่งเร้นลับประเภทสอง อิสลามจึงอธิบายและสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างละเอียด


          นะบีมุฮัมมัด บอกให้เราทราบว่าสิ่งที่มองไม่เห็นและเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าหรือเป็นบุตรของพระเจ้านั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นมะลาอิกะฮ์ ของพระองค์ มะลาอิกะฮ์ไม่มีส่วนในการเป็นพระเจ้าและไม่ฝ่าฝืนคำบัญชา พระองค์ทรงใช้ มลาอิกะฮ์ เพื่อบริหารอาณาจักร และมะลาอิกะฮ์ ปฏิบัติตามคำบัญชาอย่างถูกต้องและเที่ยงตรง มลาอิกะฮ์ไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่สามารถที่จะเสนอแผนการต่ออัลลอฮ์ และไม่ได้เป็นสื่อกลางในการติดต่อกับอัลลอฮ์ ให้แก่มนุษย์คนใด


          การเคารพสักการะและการขอความช่วยเหลือต่อสิ่งอื่นนั้น ถือเป็นการลดตัวลงต่ำ เพราะนับตั้งแต่วันแรกของการสร้างมนุษย์ อัลลอฮ์ ให้บรรดามลาอิกะฮ์ นอบน้อมต่อนะบีอาดัม เนื่องจากพระองค์ได้ประทานความรู้ให้แก่มนุษย์มากกว่ามลาอิกะฮ์ และทรงโปรดแต่งตั้งให้อาดัมเป็นตัวแทนของพระองค์บนผืนแผ่นดิน ดังนั้น จะมีอะไรที่เป็นการลดศักดิ์ศรีมนุษย์มากกว่าการที่เขาก้มลงกราบผู้ที่เคยกราบเขามาแล้ว

           นะบีมุฮัมมัด ห้ามสักการบูชามลาอิกะฮ์และห้ามนำเอามลาอิกะฮ์ มาเป็นพระเจ้าร่วมกับอัลลอฮ์ ท่านบอกให้ทราบว่ามลาอิกะฮ์เป็นสิ่งถูกสร้างที่ได้รับการคัดเลือกจากอัลลอฮ์  ไม่ทำบาป ไม่ฝ่าฝืนและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ บรรดามลาอิกะฮ์อยู่รอบตัวทุกทิศทางและคอยเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา และจดบันทึกการกระทำทุกอย่างทั้งที่ดีและเลว แฟ้มบันทึกชีวิตของมนุษย์ทุกคนจะถูกมลาอิกะฮ์เก็บรักษาไว้อย่างครบถ้วนสมบรูณ์ และเมื่อมนุษย์ถูกทำให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งหลังความตาย มลาอิกะฮ์ จะเสนอบันทึกการงานแห่งชีวิตในโลกของเราอย่างถูกต้องสมบรูณ์โดยไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย แม้เราจะปิดบังซุกซ่อนด้วยวิธีการใดก็ตาม

           เราไม่ได้รับการบอกกล่าวให้ทราบถึงลักษณะอันแท้จริงของมลาอิกะฮ์ สิ่งที่ได้รับทราบมีเพียงคุณสมบัติหรือคุณลักษณะเท่านั้น และให้เชื่อในการมีอยู่ของมลาอิกะฮ์ ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะรู้ถึงลักษณะรูปร่างและคุณสมบัติของมลาอิกะฮ์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไร้สาระที่จะไปสร้างรูปแบบหรือคุณสมบัติตามจินตนาการ เราจะต้องเชื่อในมะลาอิกะฮ์ ตามที่ได้ถูกบอกให้เชื่อ การไม่เชื่อว่ามีมลาอิกะฮ์ ถือเป็นการปฏิเสธสัจธรรม(กุฟร์) และประการที่สอง การไม่เชื่อว่ามลาอิกะฮ์มีจริงเท่ากับถือว่านะบีมุฮัมมัดพูดไม่จริง เราเชื่อในการมีอยู่ของมลาอิกะฮ์ เพราะว่านะบีของอัลลอฮ์ ได้บอกให้เราทราบ

 


الكاتب : مرسلان محمد

โดย อ.มัสลัน มาหะมะ