สิทธิของสามีที่จำเป็นสำหรับภรรยาจะต้องปฏิบัติ
จากอัลกุรอาน
อัลเลาะห์ตรัสว่า :
บรรดาชายนั้นคือ ผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง (ภรรยา) เนื่องด้วยการที่อัลเลาะห์ได้ทรงให้บางคนของพวกเขา เหนือกว่าอีกบางคน (ให้ชายแข็งแรง กล้าหาญกว่าหญิง) และด้วยการที่พวกเขาได้จ่ายไปจากทรัพย์ของพวกเขา (ในกากรเลี้ยงดูภรรยา) บรรดากุลสตรีนั้นคือผู้จงรักภักดี ผู้รักษาในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่ลับหลังสามี (ขณะสามีไม่อยู่บ้าน) เนื่องด้วยสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงรักษาไว้(หมายถึง สิ่งที่อัลเลาะห์ทรงกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสามีที่จะต้องปฏิบัติ นับตั้งแต่ การให้ค่ามะฮัร และค่าใช้จ่ายในชีวิตความเป็นอยู่ของนางทุกอย่าง)
ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 34
จากอัลหะดีษ
หะดีษที่ 1
รายงานจาก อบีฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า :
เมื่อสามีเรียกภรรยาให้ไปที่ที่นอน (หมายถึงชวนไปมีสัมพันธ์ทางเพศ) แต่นางไม่ยอมไปหาเขาคืนนั้น สามีนอนหลับไปด้วยความโกรธนาง เช่นนี้แล้ว มะลาอีกะห์จะสาปแช่งนางจนกระทั่งสว่าง
บันทึกโดย บุคคอรีย์ และ มุสลิม
(ในบุคคอรีย์ เล่ม 9 หน้า 258 ดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 1436 , 121 , 122)
อีกสำนวนหนึ่ง บันทึกอยู่ในบุคคอรีย์ มุสลิมกล่าวว่า :
เมื่อภรรยานอนกลางคืน โดยแยกที่นอนกับสามี มะลาอีกะห์จะสาปแช่งนางจนกระทั่งสว่าง
อีกสำนวนหนึ่ง บันทึกอยู่ในมุสลิม ท่านร่อซูล กล่าวว่า :
ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในมือของพระองค์ ไม่มีสามีคนใดที่เขาเรียกภรรยาของเขาไปที่ที่นอน แต่นางไม่ยอม นอกจากผู้ที่อยู่บนฟ้า (หมายถึง อัลเลาะห์) จะทรงโกรธนาง จนกว่าสามีจะ (หายโกรธ) พึงพอใจนาง
คำอธิบาย
เมื่อภรรยามีสิทธิ์มากมายให้สามีต้องปฏิบัติต่อนาง สามีก็มีสิทธ์ให้ภรรยาต้องปฏิบัติตามเช่นกัน สิทธิ์สำคัญของสามีคือ การได้ร่วมหลับนอนกับนาง กล่าวคือ ภรรยาจะต้องสนองความต้องการ และให้ความอบอุ่นทำให้สามีพึงพอในเสมอ ถ้าหากสามีเรียกภรรยาให้ไปหาความสุขด้วยกัน แต่ภรรยากลับดื้อดึง ไม่ยินอมจนกระทั่งทำให้สามีต้องนอนหลับไปด้วยความโกรธ จากการกระทำเช่นนี้ของผู้เป็นภรรยา จะทำให้มะลาอีกะห์ สาปแช่งนางจนกระทั่งถึงรุ่งเช้า หรือจนกว่านางจะเลิกล้มการดื้อดึงนั้นเสีย เท่าที่มะลาอีกะห์โกรธนางก็เพราะอัลเลาะห์ทรงโกรธนาง
พึงทราบเถิดว่า จุดมุ่งหมายหลักของการสมรสก็คือ เพื่อเปิดทางให้มีความสัมพันธ์ทางเพศที่ฮะล้าล แต่เมื่อภรรยาขัดขืนก็จะทำให้สามีเบื่อหน่าย และอาจจะหันไปกระทำและหาทางออกในสิ่งที่ผิดๆ เช่น ทำซินา เป็นต้นหรืออาจเป็นเหตุนำพาไปสู่การหย่าร้าง ก็อาจจะเป็นได้ ด้วยเหตุนี้เองภรรยาจะต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันสามีไม่ให้ตกสู่สภาพสิ่งเลวร้าย และโดยหน้าที่แล้ว ภรรยาจะต้องกระทำตนให้เป็นที่น่ารักของสามีอยู่เสมอ เพื่อสามีจะไม่หันเหไปหาความสุขนอกบ้าน
จึงกล่าวได้ว่า ศาสนาอิสลามให้ความสำคัญในเรื่องความผูกพันระหว่างสามี ภรรยา เพราะการเช่นนั้นจะทำให้สังคมสงบสุข และส่วนหนึ่งที่จะทำให้สังคมสมบูรณ์ได้ก็คือ ความสัมพันธ์ของครอบครัวจะต้องราบรื่น
สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้
1. ภรรยาจำเป็นจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามสามี เมื่อสามีเรียกให้ไปหาที่ที่นอน
2. ภรรยาจะต้องแสวงหาสิ่งที่จะทำให้สามีพึงพอใจ ตราบใดที่สิ่งนั้นไม่ผิดหลักการศาสนา
3. สามีมักจะมีความอดทน ในเรื่องงดร่วมเพศได้น้อยกว่าภรรยา
4. การขอดุอาอฺของบรรดามะลาอิกะห์นั้น อัลเลาะห์จะทรงรับไม่ว่าจะขอดุอาอฺให้ลงโทษ หรือขอดุอาอฺให้ตอบแทนผู้ทำดีก็ตาม
หะดีษที่ 2
รายงานจาก อบีฮุรอยเราะห์ อีกเช่นเดียวกันว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า :
ไม่อนุญาตให้ภรรยาถือศีลอดโดยที่สามีอยู่บ้าน เว้นแต่จะต้องได้รับอนุมัติจากสามี และไม่อนุญาตให้นางยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้ามาในบ้าน นอกจากจะต้องได้รับอนุญาตจากสามีเท่านั้น
บันทึกโดย บุคคอรีย์ และ มุสลิม สำนวนนี้เป็นของบุคคอรีย์
(ดูใน บุคคอรีย์ เล่ม 9 หน้า 259 , 260 และดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 1026)
คำอธิบาย
บ้านเป็นที่พำนักอาศัย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจเมื่อสามีอยู่ในบ้านหรือกลับเข้าบ้านเป็นประจำตอนกลางวัน ขณะที่พักงาน และอาจจะถือโอกาสอยู่กับภรรยาบ้าง ด้วยเหตุนี้จึงไม่อนุญาตให้ภรรยาถือศีลอดสุนัต เว้นแต่จะต้องได้รับอนุญาตจากสามีก่อน เพราะบางทีสามีอาจจะมีความต้องการในตัวของนาง แต่การถือศีลอดสุนัตเป็นอุปสรรค ซึ่งจะทำให้สามีเกิดความไม่สบายใจขึ้นได้
และเนื่องจากสามีนั้นเป็นผู้รับผิดชอบรายจ่ายของครอบครัว เขาจึงมีสิทธ์ที่จะได้รับการให้เกียรติ และรับรู้กิจการทุกอย่างภายในบ้าน ดังนั้นไม่ยอมให้ภรรยาอนุญาตให้ผู้หนึ่งผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงเข้ามาในบ้าน เว้นแต่จะต้องได้รับอนุมัติจากสามีเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความระแวง ซึ่งจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างสามี ภรรยาได้
สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้
1. เมื่อสามีอยู่บ้าน (ไม่ได้ออกเดินทางไกล) ไม่อนุญาตให้ภรรยาถือศีลอดสุนัต เว้นแต่สามีอนุมัติ เพื่อรักษาสิทธ์ของสามีเอาไว้
2. ภรรยาจะให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าบ้านของสามีไม่ได้ เว้นแต่เมื่อได้รับอนุญาต
3. ภรรยาจะต้องไม่กระทำการใดๆ ที่จะทำให้สามีคิดว่านางอาจจะคิดนอกใจ
หะดีษที่ 3
รายงานจาก อิบนิ อุมัร จากท่านนบี กล่าวว่า :
ทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้ปกครอง และทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง และทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง ผู้นำประเทศเป็นผู้ปกครอง สามีเป็นผู้ปกครองครอบครัว ภรรยาเป็นผู้ปกครองบ้านเรือนของสามีและลูกๆ ดังนั้น ทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้ปกครอง และทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง
บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม
(ดูในบุคอรีย์เล่ม 2 หน้า 317 ดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 1829)
คำอธิบาย
ทุกคนเกิดมาต้องเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตามแต่สถานภาพของตัวเองทั้งสิ้น ผู้ใดเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองก็จะต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ในด้านงานเกี่ยวกับการปกครอง กล่าวคือ เขาจะต้องมีความยุติธรรม ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทำทุกอย่างให้ประชาชนเป็นผู้มีสิทธิ์และได้รับสิทธิ์ ถ้าหากเขาเป็นสามี เขาก็จะต้องรับผิดชอบครอบครัวซึ่งประกอบด้วยภรรยาและบุตร และบุคคลในบ้าน เขาจะต้องเป็นผู้จัดหาอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆที่จำเป็น และจะต้องให้การศึกษา อบรมสั่งสอนให้ทุกคนในครอบครัวเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี ใช้ให้กระทำความดี ละเว้นความชั่ว ถ้าหากเขาเป็นภรรยา เขาก็จะต้องรับผิดชอบกิจการงานภายในบ้าน และทรัพย์สินของสามี นางจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่าย สิ่งใด งานใดภายในบ้านที่พอสามารถจะทำได้โดยไม่เกินกำลังก็ควรจะทำ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของสามี เช่น การเลี้ยงดูบุตร เป็นต้น
จึงกล่าวได้ว่า ทุกๆคนเป็นผู้รับผิดชอบตามหน้าที่ที่ศาสนากำหนดไว้ ภายในขอบข่ายเท่าที่มีความสามารถ และทุกคนจะต้องดำเนินตามคำแนะนำนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์อันสูงส่งของศาสนาอิสลาม
สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้
1. สังคมมุสลิมทุกระดับจะต้องมีความรับผิดชอบ ตามความรู้ความสามารถของทุกคน
2. ชอบให้แบ่งภาระหน้าที่ไปยังผู้มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละคน
3. ผู้นำ หรือผู้ที่มีอำนาจในสังคมมุสลิมจะต้องรับผิดชอบหนักที่สุด เช่นการทำให้ผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแล ยึดมั่นในหลักการอิสลามที่ถูกต้อง การจัดให้มีบทลงโทษอย่างยุติธรรม การ ญิฮาด ต่อสู้เพื่อเชิดชูไว้ซึ่งศาสนาอิสลาม การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นต้น ถ้าหากผู้มีอำนาจขาดความรับผิดชอบ เขาก็จะต้องถูกลงโทษ
4. สามี ภรรยา และบุตร จะต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวร่วมกันตามสิทธิและหน้าที่ของแต่ละบุคคล
หะดีษที่ 4
รายงานจากอบี อาลี ฏ็อลกฺ อิบนิ อาลี ว่า ท่านรอซูล กล่าวว่า :
เมื่อสามีเรียกภรรยาให้มาหา เพื่อให้ทำธุระให้เขา ภรรยาก็จงมาหาเขาเถิด ถึงแม้ว่ากำลังอยู่ที่เตาอบขนมปังก็ตาม
บันทึกโดยติรมิซีย์ และนะซาอีย์ ติรมิซีย์ กล่าวว่า หะดีษ หะซัน
(ดูในติรมิซีย์ หะดีษเลขที่ 1160)
คำอธิบาย
ความรู้สึกทางเพศนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ อัลเลาะห์ทรงมอบไว้ให้แก่ทุกๆคน อิสลามอนุญาตให้มีความสัมพันธ์ทางเพศได้เฉพาะชายหญิงที่สมรสกันอย่างถูกต้องตามหลักการศาสนาเท่านั้น และอิสลามให้สิทธิ์สามีจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับภรรยาได้ทุกเวลา คราใดที่เขามีความปรารถนา ภรรยาจะต้องสนองตอบตามต้องการ และภรรยาจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ยิ่งกว่าการงานที่กระทำอยู่ ถึงแม้ว่าเขากำลังปิ้งขนมปังอยู่บนเตาก็ตาม ก็จะต้องปล่อยไว้ก่อน ขนมปังจะไหม้ก็ไม่สำคัญ เพราะภรรยานั้นจะปล่อยให้สามีมีอารมณ์ โดยที่นางไม่สนองตอบไม่ได้
สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้
1. สิทธิ์ของสามีมีความสำคัญมาก ภรรยาต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมสำหรับตอบสนองความปรารถนาของสามีอยู่เสมอ
2. ชอบให้ภรรยาปฏิบัติตามความพึงพอใจของสามี เพราะสามีนั้นเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะสูงส่ง เป็นผู้ปกครองและดูแลครอบครัวของเขาให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
3. การงานแต่ละอย่างนั้น มีระดับความสำคัญเร่งด่วน แตกต่างกันออกไป สิ่งใดสำคัญกว่าให้รีบกระทำก่อนเสมอ
โปรดติดตามตอนต่อไป
สิทธิของสามีที่จำเป็นสำหรับภรรยาจะต้องปฏิบัติ 2 >>>Click