การขว้างหินถามทาง
โดย อ.มุนีร มูหะหมัด
คำปาฐกถาของสันตปาปา หรือ โป้ป เบเนดิกต์ที่ 16 ประมุขคริสต์จักรโรมันคาทอลิก ณ มหาวิทยาลัย เรเกนส์บูรูก ประเทศเยอรมัน เมื่อวันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ.2549 โดยยกคำพูดของจักรพรรคดิ มานูเอล ที่ 2 พาเลโอ โลกอส แห่งอาณาจักรคริสต์ออร์ทอดอกซ์ ไปเซนไทน์ ในอดีต ใจความส่วนหนึ่งว่า
"พระมุฮัมมัด ศาสดาของโลกอิสลาม นำพาโลกไปสู่หนทางแห่งความชั่วร้ายและป่าเถื่อน"
ได้ทำให้มุสลิมหลายประเทศไม่พอใจ และเรียกร้องให้โป๊ปขอโทษ พร้อมกับถอนคำพูด ที่จะนำไปสู่การปลุกเร้าให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนา ระหว่างชาวคริสเตียน กับชาวมุสลิม
การแสดงออกของโป๊ปเช่นนี้ เป็นปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งมีมาเป็นครั้งคราว ในการนำเสนอความเท็จ อันจะสร้างความเข้าใจผิด และความสับสนให้แก่ผู้ที่ไม่มีความรู้อย่างแท้จริงเกี่ยวกับอิสลาม โดยเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2548 หนังสือพิมพ์รายวันของเดนมาร์ก ชื่อ จิลสันด์ส โพสเทน ได้ตีพิมพ์ภาพวาดการ์ตูนของนะบีมุฮัมมัด 12 ภาพ บางภาพระบุว่า นะบีมุฮัมมัด สวมระเบิดเวลา และมีผ้าพันศรีษะทับไว้ อีกทั้งยังวาดรูปดวงตา แสดงออกถึงความดุร้าย ภาพหนึ่งคือ ตายแบบอาหรับทะเลทราย และมีสตรีในชุดคลุมสีดำ 2 คนยืนขนาบข้าง ฯลฯ บรรดามุสลิมจึงทำการประท้วงแต่ก็ไม่มีการกล่าวคำขอโทษ ยิ่งไปกว่านั้น วารสารคริสเตียน ของนอร์เวย์ , หนังสือพิมพ์ฟรังซัว ของฝรั่งเศส , ดีฟันต์ ของเยอรมัน , สัสตัมยา ของอิตาลี , และอิลบรีโยดีโก ของสเปน และหนังสือพิมพ์ของฮอลแลนด์ ก็นำมาตีพิมพ์ซ้ำอีก โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อยืนยันเสรีภาพในการแสดงออก
ถึงแม้ว่า จะอ้างเหตุผลอย่างไรก็ตาม แต่ภาพที่ปรากฏออกมานั้น แสดงออกถึงการย่ำยีต่อศาสนาอิสลาม และท่านนะบีมุฮัมมัด เช่นเดียวกับคำกล่าวอ้างของบาทหลวงเฟรเดอริโก ลอมบาร์ดี หัวหน้าโฆษกสำนักวาติกัน องค์กรปกครองคริสต์คาทอลิก ทีกล่าวว่า สิ่งที่โป๊ปกล่าวนั้นเป็นการยกตัวอย่างอ้างอิงจากถ้อยคำของจักรรพรรดิ อาณาจักรโรมัน ไบเซ็นไทน์ ไม่ใช่คำพูดของโป๊ปเอง โป๊ปไม่มีเจตนาที่จะดูหมิ่น ศาสดาของชาวมุสลิม เพียงแต่ยกรากฐานความเชื่อทางคริสต์กับอิสลามในอดีต ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง โป๊ปทรงหาทางที่จะปลูกฝังทัศนคติที่เคารพ และพูดคุยถึงศาสนาและวัฒนธรรมอื่น ซึ่งแน่นอนว่าเห็นได้ชัดในศาสนาอิสลาม
คำกล่าวของหัวหน้าโฆษกสำนักวาติกัน เช่นนี้เป็นการแก้ตัวมากกว่า เพราะถ้าหากโป๊ปมีความจริงใจ และความสุจริตใจแล้ว ก็ควรที่จะออกมากล่าวคำขอโทษ แต่ข้อความนี้ไม่ปรากฏไม่ว่าเป็นคำพูดหรือข้อเขียน เช่นเดียวกับการนำภาพล้อเลียนนะบีมุฮัมมัด มาตีพิมพ์ สิ่งทีหลุดออกมาจากปากผู้รับผิดชอบ หรือข้อเขียนคือ คำว่า"เสียใจ"
ปรากฏการณ์เหล่านี้ เหมือนกับเป็นการขว้างหินถามทาง หรือหยั่งดูปฏิกิริยาของมุสลิม ว่าจะยังคงมีความรัก ความหวงแหนศาสนา และศาสดาของตนหรือไม่ หรือมีความสนใจ มีความรู้ข้อเท็จจริงของศาสนาอิสลาม และนะบีมุฮัมมัด หรือไม่
บางคนอาจจะอ่านคำปาฐกถาของโป๊ป หรือดูภาพล้อเลียน นะบีมุฮัมมัด โดยมีวามรู้สึกเฉยๆ สาเหตุก็อาจจะซึมซับคำว่า "เสรีภาพ" แบบตะวันตก เพราะถึงแม้ว่าจะไปหมิ่นต่อเกรียติหรือศักดิ์ศรีของผู้อื่น ก็ไม่เป็นไร แต่ในอิสลามไม่ใช่เช่นนั้น เพราะอัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่าตะอาลา ทรงให้เกียรติแก่มนุษย์ และห้ามมิให้ละเมิด แม้แต่เกีรยติตัวเอง และเกียรติของผู้อื่น
การที่มุสลิมให้ความสนใจ ในการศึกษาอิสลามและซึมซับความศรัทธาอย่างแน่นแฟ้น จะทำให้มุสลิมมีศักดิ์ศรีมีเกียรติภูมิ ได้รับการสรรเสริญยกย่องจากผู้อื่น ทำให้มุสลิมมีความเข้มแข็ง เป็นที่น่าเกรงขาม แต่ตราบใดที่มุสลิมมีความอ่อนแอ ตกต่ำ ผู้มีความอคติต่ออิสลาม ก็จะกระทำการจาบจ้วง และย่ำยี เมื่อสบโอกาส