โลกใบนี้มีผู้สร้างหรือไม่ ?
โดย เชค มุหัมมัด ศอลิห์ อัลมุนัจญิด
คำถาม :
ท่านคิดว่า โลกนี้ถูกสร้างและบริหารโดยผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ ชาญฉลาด และมีพลังอำนาจ กระนั้นหรือ ?
คำตอบ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...
เราต้องขอขอบคุณต่อท่านที่ได้ถามคำถามนี้ เราต้องการที่จะตอบคำถามของท่านด้วยกับส่วนหนึ่งจากโองการต่างๆ ที่มีปรากฏในคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ซึ่งเป็นคำตรัสของพระองค์ ต่อจากนั้นให้ท่านได้คิดใคร่ครวญด้วยกับตัวของท่านเอง เมื่อสัจธรรมได้เป็นที่ประจักษ์แก่ท่านก็จะไม่มีหนทางใดที่ท่านจะไม่ปฏิบัติตามมันอีก
อัลลอฮฺตรัสว่า
(أَمْ خُلِقُوا مِنْ غَيْرِ شَيْءٍ أَمْ هُمُ الْخَالِقُونَ، أَمْ خَلَقُوا السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ بَل لَّا يُوقِنُونَ، أَمْ عِندَهُمْ خَزَائِنُ رَبِّكَ أَمْ هُمُ الْمُصَيْطِرُونَ) (الطور : 35 - 37 )
“ หรือว่าพวกเขาถูกบังเกิดมาโดยไม่มีผู้ให้บังเกิด หรือว่าพวกเขาเป็นผู้ให้บังเกิดตนเองหรือว่าพวกเขาเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนี้ เปล่าเลย พวกเขาไม่เชื่อมั่นต่างหาก หรือว่าพวกเขามีขุมทรัพย์แห่งพระเจ้าของเจ้า หรือว่าพวกเขาเป็นผู้มีอำนาจจัดการ “
(อัฏฏูร 35-37)
(إِنَّ فِي خَلْقِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَاخْتِلاَفِ اللَّيْلِ وَالنَّهَارِ وَالْفُلْكِ الَّتِي تَجْرِي فِي الْبَحْرِ بِمَا يَنفَعُ النَّاسَ وَمَا أَنزَلَ الله مِنَ السَّمَاءِ مِن مَّاء فَأَحْيَا بِهِ الأرْضَ بَعْدَ مَوْتِهَا وَبَثَّ فِيهَا مِن كُلِّ دَآبَّةٍ وَتَصْرِيفِ الرِّيَاحِ وَالسَّحَابِ الْمُسَخِّرِ بَيْنَ السَّمَاء وَالأَرْضِ لآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يَعْقِلُونَ) (البقرة : 164 )ُ
“แท้จริงในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวันและเรือที่วิ่งอยู่ในทะเลด้วยสิ่งที่อำนวยประโยชน์แก่มนุษย์ และน้ำที่อัลลอฮฺให้ทรงหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยน้ำนั้นหลังจากที่มันตายไปแล้ว
และได้ทรงให้สัตว์แต่ละชนิด แพร่สะพัดไปในแผ่นดิน และในการให้ลมเปลี่ยนทิศทาง และให้เมฆซึ่งถูกกำหนดให้บริการ(แก่โลก)ผันแปรไประหว่างฟากฟ้าและแผ่นดินนั้น แน่นอน ล้วนเป็นสัญญาณนานาประการแก่กลุ่มชนที่ใช้ปัญญา“
(อัลบะกอเราะฮฺ 164)
(وَهُوَ الَّذِيَ أَنزَلَ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَخْرَجْنَا بِهِ نَبَاتَ كُلِّ شَيْءٍ فَأَخْرَجْنَا مِنْهُ خَضِراً نُّخْرِجُ مِنْهُ حَبّاً مُّتَرَاكِباً وَمِنَ النَّخْلِ مِن طَلْعِهَا قِنْوَانٌ دَانِيَةٌ وَجَنَّاتٍ مِّنْ أَعْنَابٍ وَالزَّيْتُونَ وَالرُّمَّانَ مُشْتَبِهاً وَغَيْرَ مُتَشَابِهٍ انظُرُواْ إِلِى ثَمَرِهِ إِذَا أَثْمَرَ وَيَنْعِهِ إِنَّ فِي ذَلِكُمْ لآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يُؤْمِنُونَ) (الأنعام : 99 )
“ และพระองค์นั้นคือผู้ที่ทรงให้น้ำลงมาจากฟากฟ้า แล้วทรงให้ออกมาด้วยน้ำนั้น ซึ่งพันธุ์พืชของทุกสิ่ง และเราให้ได้ออกจากพันธุ์พืชนั้นซึ่งสิ่งที่มีสีเขียว จากสิ่งที่มีสีเขียวนั้นเราได้ให้ออกมาซึ่งเมล็ดที่ซ้อนตัวกันอยู่
และจากต้นอินทผลัมนั้น จากจั่นของมันให้ออกมาเป็นทะลายต่ำ (และทรงให้ออกมาด้วยน้ำนั้นอีก) ซึ่งสวนองุ่นและซัยตูน(มะกอก)และทับทิม โดยมีสภาพคล้ายกันและไม่คล้ายกัน พวกเจ้าจงมองดูผลของมัน เมื่อมันเริ่มออกผล และเมื่อมันแก่จะสุก
แท้จริงในสิ่งเหล่านั้นแน่นอน มีสัญญาณมากมายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา “
(อันอาม 99)
(وَهُوَ الَّذِي يُرْسِلُ الرِّيَاحَ بُشْراً بَيْنَ يَدَيْ رَحْمَتِهِ حَتَّى إِذَا أَقَلَّتْ سَحَاباً ثِقَالاً سُقْنَاهُ لِبَلَدٍ مَّيِّتٍ فَأَنزَلْنَا بِهِ الْمَاء فَأَخْرَجْنَا بِهِ مِن كُلِّ الثَّمَرَاتِ كَذَلِكَ نُخْرِجُ الْموْتَى لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ) (الأعراف : 57 )
“ และพระองค์นั้นคือ ผู้ที่ทรงส่งลมมาเป็นข่าวดีเบื้องหน้าความเอ็นดูเมตตาของพระองค์(หมายถึงลมพัดก่อนฝนตก) จนกระทั่งเมื่อมันได้แบกเมฆ อันหนักอึ้งไว้ เราก็นำมันไปสู่เมืองที่แห้งแลง แล้วเราก็ให้น้ำหลั่งลงมาที่เมืองนั้น แล้วเราได้ให้ผลไม้ทุกชนิดออกมาด้วยน้ำนั้น ในทำนองนั้นแหละเราจะให้บรรดาผู้ที่ตายแล้วออกมา เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รำลึก”
( อัลอะรอฟ 57 )
(أَوَلَمْ يَرَ الَّذِينَ كَفَرُوا أَنَّ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ كَانَتَا رَتْقاً فَفَتَقْنَاهُمَا وَجَعَلْنَا مِنَ الْمَاء كُلَّ شَيْءٍ حَيٍّ أَفَلَا يُؤْمِنُونَ) (الأنبياء : 30 )
“และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกัน
แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ”
(อัลอัมบิยาอ์ 30 )
(أَمَّنْ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَأَنزَلَ لَكُم مِّنَ السَّمَاءِ مَاء فَأَنبَتْنَا بِهِ حَدَائِقَ ذَاتَ بَهْجَةٍ مَّا كَانَ لَكُمْ أَن تُنبِتُوا شَجَرَهَا أَإِلٰهٌ مَّعَ الله بَلْ هُمْ قَوْمٌ يَعْدِلُونَ) (النمل : 60 )ِ
“หรือผู้ใดเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงหลั่งน้ำจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้า แล้วเราได้ให้สวนต่าง ๆ ได้งอกเงยอย่างสวยงาม พวกเจ้านั้นไม่สามารถที่จะทำให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นมาได้ จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ? เปล่าดอก ทว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ตั้งภาคี”
(อัลนัมลุ 60)
(خَلَقَ السَّمَاوَاتِ بِغَيْرِ عَمَدٍ تَرَوْنَهَا وَأَلْقَى فِي الْأَرْضِ رَوَاسِيَ أَن تَمِيدَ بِكُمْ وَبَثَّ فِيهَا مِن كُلِّ دَابَّةٍ وَأَنزَلْنَا مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَنبَتْنَا فِيهَا مِن كُلِّ زَوْجٍ كَرِيمٍ) (لقمان : 10 )
“พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย โดยปราศจากเสาที่พวกเจ้าจะมองเห็นมันได้ และทรงปักเทือกเขาไว้อย่างมั่นคงในแผ่นดิน เพื่อมิให้มันสั่นคลอนไปกับพวกเจ้า
และทรงให้สัตว์ทุกชนิดแพร่หลายในมัน (แผ่นดิน) และเราได้ให้น้ำ(ฝน) หลั่งลงมาจากฟากฟ้า และเราได้ให้พืชทุกชนิดงอกเงยออกมาเป็นคู่ ๆ อย่างดีงาม”
(ลุกมาน 10 )
(أَلَمْ تَرَوْا أَنَّ الله سَخَّرَ لَكُم مَّا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ وَأَسْبَغَ عَلَيْكُمْ نِعَمَهُ ظَاهِرَةً وَبَاطِنَةً وَمِنَ النَّاسِ مَن يُجَادِلُ فِي الله بِغَيْرِ عِلْمٍ وَلَا هُدًى وَلَا كِتَابٍ مُّنِيرٍ) (لقمان : 20 )َِ
“ พวกเจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงอำนวยความสะดวกให้แก่พวกเจ้า ด้วยสิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดิน และพระองค์ได้ประทานความโปรดปรานมากหลายของพระองค์อย่างครบครันแก่พวกเจ้า ทั้งที่เปิดเผยและที่ซ่อนเร้น
และในหมู่มนุษย์มีผู้โต้เถียงในเรื่องของอัลลอฮฺ โดยปราศจากความรู้และปราศจากแนวทางที่ถูกต้องและปราศจากคัมภีร์ที่ให้ความสว่าง (แก่พวกเขา) “
(ลุกมาน 20)
(وَمَا يَسْتَوِي الْبَحْرَانِ هَذَا عَذْبٌ فُرَاتٌ سَائِغٌ شَرَابُهُ وَهَذَا مِلْحٌ أُجَاجٌ وَمِن كُلٍّ تَأْكُلُونَ لَحْماً طَرِيّاً وَتَسْتَخْرِجُونَ حِلْيَةً تَلْبَسُونَهَا وَتَرَى الْفُلْكَ فِيهِ مَوَاخِرَ لِتَبْتَغُوا مِن فَضْلِهِ وَلَعَلَّكُمْ تَشْكُرُونَ) (فاطر : 12 )
“และทะเลทั้งสองนั้นไม่เหมือนกัน อันนี้จืดสนิทอร่อยน่าดื่ม เครื่องดื่มของมันคล่องคอ(หมายถึงแม่น้ำ) และอันนี้เค็มจัด และจากแต่ละทุกแห่งนั้นพวกเจ้าจะได้กินเนื้ออันอ่อนนุ่ม
และพวกเจ้าเอาออกมาจาก(ทะเลทั้งสอง)ซึ่งเครื่องประดับเพื่อใช้มันเป็นอาภรณ์ และเจ้าเห็นเรือแล่นฝ่าผิวน้ำไป เพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ“
( ฟาฏิร12 )
أَلَمْ تَرَ إِلَى رَبِّكَ كَيْفَ مَدَّ الظِّلَّ وَلَوْ شَاء لَجَعَلَهُ سَاكِناً ثُمَّ جَعَلْنَا الشَّمْسَ عَلَيْهِ دَلِيلاً ( 45 ) ثُمَّ قَبَضْنَاهُ إِلَيْنَا قَبْضاً يَسِيراً ( 46 ) وَهُوَ الَّذِي جَعَلَ لَكُمُ اللَّيْلَ لِبَاساً وَالنَّوْمَ سُبَاتاً وَجَعَلَ النَّهَارَ نُشُوراً ( 47 ) وَهُوَ الَّذِي أَرْسَلَ الرِّيَاحَ بُشْراً بَيْنَ يَدَيْ رَحْمَتِهِ وَأَنزَلْنَا مِنَ السَّمَاءِ مَاءً طَهُوراً ( 48 ) لِنُحْيِيَ بِهِ بَلْدَةً مَّيْتاً وَنُسْقِيَهُ مِمَّا خَلَقْنَا أَنْعَاماً وَأَنَاسِيَّ كَثِيراً ( 49 ) [سورة الفرقان : 45-49]
“เจ้ามิได้พิจารณายัง (อานุภาพแห่ง) พระเจ้าของเจ้าดอกหรือว่า พระองค์ทรงแผ่เงาออกอย่างไร และหากพระองค์ทรงประสงค์แน่นอนพระองค์จะทรงทำให้มันหยุดนิ่ง แล้วเราได้ทำให้ดวงอาทิตย์เป็นสัญญาณหนึ่งในการนี้ แล้วเราได้ให้เงาสูญสิ้นไปยังเราทีละน้อย ๆ
และพระองค์คือผู้ทรงทำให้กลางคืนเป็นอาภรณ์สำหรับพวกเจ้า(หมายถึงให้ปกคลุมพวกเจ้าและได้ใช้กลางคืนเป็นช่วงเวลาพัก) และให้การนอนเป็นการพักผ่อน
และทำให้กลางวันเป็นการเคลื่อนไหว และพระองค์คือผู้ส่งลมซึ่งนำข่าวดีล่วงหน้าก่อนความเมตตาของพระองค์(หมายถึงลมพัดก่อนฝนตก) และเราได้ประทานน้ำบริสุทธิ์ลงมาจากฟากฟ้า เพื่อเราจะให้มีชีวิตด้วยมัน(น้ำ)แก่แผ่นดินที่แห้งแล้ง และเราจะทำให้สิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาเช่นปศุสัตว์และมนุษย์มากมายได้ดื่มมัน “
(อัลฟุรกอน 45-49 )
وَهُوَ الَّذِي مَرَجَ الْبَحْرَيْنِ هَذَا عَذْبٌ فُرَاتٌ وَهَذَا مِلْحٌ أُجَاجٌ وَجَعَلَ بَيْنَهُمَا بَرْزَخاً وَحِجْراً مَّحْجُوراً ( 53 ) وَهُوَ الَّذِي خَلَقَ مِنَ الْمَاء بَشَراً فَجَعَلَهُ نَسَباً وَصِهْراً وَكَانَ رَبُّكَ قَدِيراً ( 54 ) [سورة الفرقان : ٥٣-٥٤]
“ และพระองค์คือผู้ทรงทำให้ทะเลทั้งสองบรรจบติดกัน(หมายถึงแม่น้ำที่บรรจบกับทะเล) อันนี้จืดสนิทและอันนี้เค็มจัด และทรงทำที่คั่นระหว่างมันทั้งสองและให้มีที่กั้นขวางอันแน่นหนา
และพระองค์ผู้ทรงบังเกิดมนุษย์จากน้ำ (อสุจิ) และทรงทำให้มีเชื้อสายและเครือญาติ และพระเจ้าของเจ้านั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพ”
( อัลฟุรกอน 53-54 )
وَآيَةٌ لَّهُمُ الْأَرْضُ الْمَيْتَةُ أَحْيَيْنَاهَا وَأَخْرَجْنَا مِنْهَا حَبّاً فَمِنْهُ يَأْكُلُونَ (33) وَجَعَلْنَا فِيهَا جَنَّاتٍ مِن نَّخِيلٍ وَأَعْنَابٍ وَفَجَّرْنَا فِيهَا مِنْ الْعُيُونِ ( 34 ) لِيَأْكُلُوا مِن ثَمَرِهِ وَمَا عَمِلَتْهُ أَيْدِيهِمْ أَفَلَا يَشْكُرُونَ ( 35 ) سُبْحَانَ الَّذِي خَلَقَ الْأَزْوَاجَ كُلَّهَا مِمَّا تُنبِتُ الْأَرْضُ وَمِنْ أَنفُسِهِمْ وَمِمَّا لَا يَعْلَمُونَ (36) وَآيَةٌ لَّهُمْ اللَّيْلُ نَسْلَخُ مِنْهُ النَّهَارَ فَإِذَا هُم مُّظْلِمُونَ ( 37 ) وَالشَّمْسُ تَجْرِي لِمُسْتَقَرٍّ لَّهَا ذَلِكَ تَقْدِيرُ الْعَزِيزِ الْعَلِيمِ ( 38 ) وَالْقَمَرَ قَدَّرْنَاهُ مَنَازِلَ حَتَّى عَادَ كَالْعُرْجُونِ الْقَدِيمِ ( 39 ) لَا الشَّمْسُ يَنبَغِي لَهَا أَن تُدْرِكَ الْقَمَرَ وَلَا اللَّيْلُ سَابِقُ النَّهَارِ وَكُلٌّ فِي فَلَكٍ يَسْبَحُونَ ( 40 ) وَآيَةٌ لَّهُمْ أَنَّا حَمَلْنَا ذُرِّيَّتَهُمْ فِي الْفُلْكِ الْمَشْحُونِ ( 41 ) وَخَلَقْنَا لَهُم مِّن مِّثْلِهِ مَا يَرْكَبُونَ ( 42 ) وَإِن نَّشَأْ نُغْرِقْهُمْ فَلَا صَرِيخَ لَهُمْ وَلَا هُمْ يُنقَذُونَ (43) إِلَّا رَحْمَةً مِّنَّا وَمَتَاعاً إِلَى حِينٍ ( 44 ) [سورة يس : ٣٣-٤٤]
“ และสัญญาหนึ่งสำหรับพวกเขาก็คือแผ่นดินที่แห้งแล้งเราได้ให้มันมีชีวิตขึ้นมา และเราได้นำเมล็ดพืชออกมาจากมัน ซึ่งส่วนหนึ่งจากเมล็ดพืชนั้นพวกเขาใช้กิน และเราได้ทำให้มีในแผ่นดินนั้นเรือกสวนมากมาย จากอินทผลัมและองุ่น และเราได้ทำให้มีตาน้ำในนั้น เพื่อพวกเขาจะได้กินผลไม้ของมัน และจากสิ่งที่มือของพวกเขาได้กระทำมันขึ้น แล้วพวกเขาจะไม่ขอบคุณกระนั้นหรือ ?
มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทั้งหมดเป็นคู่ ๆ จากสิ่งที่แผ่นดินได้(ให้มัน)งอกเงยขึ้นมา และจากตัวของพวกเขาเอง และจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ และสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกเขาก็คือกลางคืน เราได้ถอนกลางวันออกจากมัน แล้วพวกเขาก็อยู่ในความมืด
และดวงอาทิตย์โคจรตามวิถีของมัน เหล่านั้นคือการกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้ และดวงจันทร์นั้น เราได้กำหนดให้มันโคจรตามตำแหน่ง จนกระทั่งมันได้วนกลับมาเป็นเช่นกิ่งอินผลัมแห้ง(กลายเป็นจันทร์เสี้ยวอีกครั้ง)
ดวงอาทิตย์ก็ไม่สมควร (อนุมัติ)แก่มันที่จะไล่ตามใกล้ดวงจันทร์ และกลางคืนก็จะไม่ล้ำหน้ากลางวันและทั้งหมดนั้นจะเวียนว่ายอยู่ในจักรราศี
และสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกเขาก็คือเรา ได้บรรทุกลูกหลานของพวกเขาไว้ในเรือจนเต็ม และเราได้สร้างทำนองเดียวกันนี้(เรือใหญ่)แก่พวกเขา เพื่อให้พวกเขาขับขี่ และถ้าเราประสงค์เราก็จะจมพวกเขาเสีย แล้วจะไม่มีผู้ร้องตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือให้แก่เขา และพวกเขาก็จะไม่ถูกช่วยให้รอดพ้น(จากการจมน้ำตาย)ด้วย เว้นแต่ด้วยความเมตตาจากเรา และ(ด้วยกำหนดการที่เราจะปล่อยให้พวกเขา)เพลิดเพลินไปชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น”
( ยาซีน33-44 )
نَحْنُ خَلَقْنَاكُمْ فَلَوْلَا تُصَدِّقُونَ ( 57 ) أَفَرَأَيْتُم مَّا تُمْنُونَ ( 58 ) أَأَنتُمْ تَخْلُقُونَهُ أَمْ نَحْنُ الْخَالِقُونَ ( 59 ) نَحْنُ قَدَّرْنَا بَيْنَكُمُ الْمَوْتَ وَمَا نَحْنُ بِمَسْبُوقِينَ ( 60 ) عَلَى أَن نُّبَدِّلَ أَمْثَالَكُمْ وَنُنشِئَكُمْ فِي مَا لَا تَعْلَمُونَ ( 61 ) وَلَقَدْ عَلِمْتُمُ النَّشْأَةَ الْأُولَى فَلَوْلَا تَذكَّرُونَ ( 62 ) أَفَرَأَيْتُم مَّا تَحْرُثُونَ ( 63 ) أَأَنتُمْ تَزْرَعُونَهُ أَمْ نَحْنُ الزَّارِعُونَ ( 64 ) لَوْ نَشَاء لَجَعَلْنَاهُ حُطَاماً فَظَلْتُمْ تَفَكَّهُونَ ( 65 ) إِنَّا لَمُغْرَمُونَ ( 66 ) بَلْ نَحْنُ مَحْرُومُونَ ( 67 ) أَفَرَأَيْتُمُ الْمَاء الَّذِي تَشْرَبُونَ ( 68 ) أَأَنتُمْ أَنزَلْتُمُوهُ مِنَ الْمُزْنِ أَمْ نَحْنُ الْمُنزِلُونَ ( 69 ) لَوْ نَشَاء جَعَلْنَاهُ أُجَاجاً فَلَوْلَا تَشْكُرُونَ ( 70 ) أَفَرَأَيْتُمُ النَّارَ الَّتِي تُورُونَ ( 71 ) أَأَنتُمْ أَنشَأْتُمْ شَجَرَتَهَا أَمْ نَحْنُ الْمُنشِؤُونَ ( 72 ) نَحْنُ جَعَلْنَاهَا تَذْكِرَةً وَمَتَاعاً لِّلْمُقْوِينَ ( 73 ) فَسَبِّحْ بِاسْمِ رَبِّكَ الْعَظِيمِ ( 74 ) فَلَا أُقْسِمُ بِمَوَاقِعِ النُّجُومِ ( 75 ) وَإِنَّهُ لَقَسَمٌ لَّوْ تَعْلَمُونَ عَظِيمٌ (76) إِنَّهُ لَقُرْآنٌ كَرِيمٌ ( 77 ) [سورة الواقعة : ٥٧-٧٧]
“เรานั้นได้สร้างพวกเจ้าขึ้นมา ไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่เชื่อ (ในวันฟื้นคืนชีพ) ? พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้าหลั่ง(อสุจิ)ออกมา แล้วมิใช่หรือ พวกเจ้าสร้างมันขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้สร้าง? เรานั้นเป็นผู้กำหนดความตายขึ้นในระหว่างพวกเจ้า และเราก็จะไม่ถูกขัดขวางในการที่เราจะเปลี่ยนบุคคลเยี่ยงพวกเจ้า และเราจะให้พวกเจ้า(อีกพวกหนึ่ง)เกิดขึ้นมาอีกในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้
และโดยแน่นอนพวกเจ้าได้รู้มาแล้วถึงการเกิดครั้งแรก แล้วไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่ใคร่ครวญ? พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้าหว่านมาแล้วมิใช่หรือ พวกเจ้าทำให้มันงอกเงยขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้ทำให้มันงอกเงยขึ้นมา? หากเราประสงค์ทำให้มันหักออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว แน่นอนเราก็ย่อมทำมันได้ แล้วพวกเจ้าจะประหลาดใจ
(พวกเจ้าจะกล่าวขึ้นว่า) แท้จริงเราได้รับความหายนะแล้ว ไม่เพียงแต่เท่านั้น เรายังขาดแคลนปัจจัยเพาะปลูกอีกด้วย พวกเจ้าเห็นน้ำที่พวกเจ้าดื่มแล้วมิใช่หรือ พวกเจ้าเป็นผู้หลั่งมันลงมาจากก้อนเมฆ หรือว่าเราเป็นผู้หลั่งมันลงมา? หากเราประสงค์ เราจะทำให้มันเค็มจัด แล้วไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่กตัญญู?
พวกเจ้าเห็นไฟที่พวกเจ้าจุดขึ้นมาแล้วมิใช่หรือ พวกเจ้าเป็นผู้ทำให้ต้นไม้ของมันงอกเงยขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้ทำให้มันงอกขึ้นมา? เราได้ทำให้มันมีขึ้นเพื่อเป็นการเตือนสติและอำนวยประโยชน์แก่ผู้เดินทางรอนแรม
ดังนั้นเจ้าจงสดุดีด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่เถิด ข้า (อัลลอฮฺ)ขอสาบานด้วยตำแหน่งต่าง ๆ ของดวงดาว และแท้จริงมันเป็นการสาบานอันยิ่งใหญ่ หากพวกเจ้ารู้ แท้จริงนั่นคืออัลกุรอานอันทรงเกียรติ”
( อัลวากิอะฮฺ 57-77 )
فَسُبْحَانَ الله حِينَ تُمْسُونَ وَحِينَ تُصْبِحُونَ ( 17 ) وَلَهُ الْحَمْدُ فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَعَشِيّاً وَحِينَ تُظْهِرُونَ ( 18 ) يُخْرِجُ الْحَيَّ مِنَ الْمَيِّتِ وَيُخْرِجُ الْمَيِّتَ مِنَ الْحَيِّ وَيُحْيِي الْأَرْضَ بَعْدَ مَوْتِهَا وَكَذٰلِكَ تُخْرَجُونَ ( 19 ) وَمِنْ آيَاتِهِ أَنْ خَلَقَكُم مِّن تُرَابٍ ثُمَّ إِذَا أَنتُم بَشَرٌ تَنتَشِرُونَ ( 20 ) وَمِنْ آيَاتِهِ أَنْ خَلَقَ لَكُم مِّنْ أَنفُسِكُمْ أَزْوَاجاً لِّتَسْكُنُوا إِلَيْهَا وَجَعَلَ بَيْنَكُم مَّوَدَّةً وَرَحْمَةً إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يَتَفَكَّرُونَ ( 21 ) وَمِنْ آيَاتِهِ خَلْقُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَاخْتِلَافُ أَلْسِنَتِكُمْ وَأَلْوَانِكُمْ إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّلْعَالِمِينَ ( 22 ) وَمِنْ آيَاتِهِ مَنَامُكُم بِاللَّيْلِ وَالنَّهَارِ وَابْتِغَاؤُكُم مِّن فَضْلِهِ إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يَسْمَعُونَ ( 23 ) وَمِنْ آيَاتِهِ يُرِيكُمُ الْبَرْقَ خَوْفاً وَطَمَعاً وَيُنَزِّلُ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَيُحْيِي بِهِ الْأَرْضَ بَعْدَ مَوْتِهَا إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يَعْقِلُونَ ( 24 ) وَمِنْ آيَاتِهِ أَن تَقُومَ السَّمَاء وَالْأَرْضُ بِأَمْرِهِ ثُمَّ إِذَا دَعَاكُمْ دَعْوَةً مِّنَ الْأَرْضِ إِذَا أَنتُمْ تَخْرُجُونَ ( 25 ) وَلَهُ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ كُلٌّ لَّهُ قَانِتُونَ ( 26 ) وَهُوَ الَّذِي يَبْدَأُ الْخَلْقَ ثُمَّ يُعِيدُهُ وَهُوَ أَهْوَنُ عَلَيْهِ وَلَهُ الْمَثَلُ الْأَعْلٰى فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَهُوَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ (27) [سورة الروم : ١٧-٢٧]ِ
“ดังนั้นมหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ เมื่อพวกเจ้าย่างเข้าสู่ยามเย็น และเมื่อพวกเจ้าย่างเข้าสู่ยามเช้า มวลการสรรเสริญในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และในยามพลบค่ำ และเมื่อพวกเจ้าย่างเข้าสู่ยามบ่าย พระองค์ทรงให้มีชีวิตหลังจากการตาย และทรงให้ตายหลังจากมีชีวิต และทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาขึ้น หลังจาการแห้งแล้งของมัน และเช่นนั้นแหละพวกเจ้าจะถูกนำออกมา(ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ)
และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างพวกเจ้าจากดิน แล้วพวกเจ้าเป็นมนุษย์แพร่กระจายออกไป และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือทรงสร้างคู่ครองให้แก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้าเอง เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความสุขอยู่กับนาง และทรงให้มีความรักใคร่และเมตตาระหว่างพวกเจ้า แท้จริงในการนี้ แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใคร่ครวญ
และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการแตกต่างของภาษาของพวกเจ้าและผิวพรรณของพวกเจ้า แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณสำหรับบรรดาผู้มีความรู้
และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การหลับนอนของพวกเจ้าในกลางคืนและกลางวัน และการแสวงหาของพวกเจ้าซึ่งความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ฟังเพื่อใคร่ครวญ
และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงให้พวกเจ้าเห็นสายฟ้าแลบเป็นที่หวาดกลัว และเป็นความหวัง และทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้า และทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาด้วยมัน (น้ำฝน) หลังจากการแห้งแล้งของมัน แท้จริงในการนั้น ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใช้สติปัญญา
และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือชั้นฟ้าและแผ่นดินที่มั่นคงอยู่ตามพระบัญชาของพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงร้องเรียกพวกเจ้าอีกครั้งหนึ่งให้ออกจากแผ่นดิน เมื่อนั้นพวกเจ้าก็จะออกมากัน และผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ทั้งมวลเป็นผู้จงรักภักดีต่อพระองค์
และพระองค์คือผู้ทรงเริ่มแรกในการสร้างแล้วทรงให้มันกลับขึ้นมาอีกครั้ง(หลังจากที่มันตายไปแล้ว) และมัน(การทำให้ฟื้น)เป็นการง่ายยิ่งแก่พระองค์ และคุณลักษณะอันสูงส่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาชาญ“
( อัรรูม 17-27)
أَمَّنْ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَأَنزَلَ لَكُم مِّنَ السَّمَاءِ مَاء فَأَنبَتْنَا بِهِ حَدَائِقَ ذَاتَ بَهْجَةٍ مَّا كَانَ لَكُمْ أَن تُنبِتُوا شَجَرَهَا أَإِلٰهٌ مَّعَ الله بَلْ هُمْ قَوْمٌ يَعْدِلُونَ ( 60 ) أَمَّن جَعَلَ الْأَرْضَ قَرَاراً وَجَعَلَ خِلَالَهَا أَنْهَاراً وَجَعَلَ لَهَا رَوَاسِيَ وَجَعَلَ بَيْنَ الْبَحْرَيْنِ حَاجِزاً أَإِلٰهٌ مَّعَ الله بَلْ أَكْثَرُهُمْ لَا يَعْلَمُونَ ( 61 ) أَمَّن يُجِيبُ الْمُضْطَرَّ إِذَا دَعَاهُ وَيَكْشِفُ السُّوءَ وَيَجْعَلُكُمْ خُلَفَاء الْأَرْضِ أَإِلٰهٌ مَّعَ الله قَلِيلاً مَّا تَذَكَّرُونَ ( 62 ) أَمَّن يَهْدِيكُمْ فِي ظُلُمَاتِ الْبَرِّ وَالْبَحْرِ وَمَن يُرْسِلُ الرِّيَاحَ بُشْراً بَيْنَ يَدَيْ رَحْمَتِهِ أَإِلٰهٌ مَّعَ الله تَعَالَى اللَّهُ عَمَّا يُشْرِكُونَ ( 63 ) أَمَّن يَبْدَأُ الْخَلْقَ ثُمَّ يُعِيدُهُ وَمَن يَرْزُقُكُم مِّنَ السَّمَاءِ وَالْأَرْضِ أَإِلٰهٌ مَّعَ الله قُلْ هَاتُوا بُرْهَانَكُمْ إِن كُنتُمْ صَادِقِينَ ( 64 ) قُل لَّا يَعْلَمُ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ الْغَيْبَ إِلَّا الله وَمَا يَشْعُرُونَ أَيَّانَ يُبْعَثُونَ ( 65 ) [سورة النمل : ٦٠-٦٥]ُِِِِِ
“ หรือผู้ใดเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงหลั่งน้ำลงจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้าแล้วเราได้ให้สวนต่าง ๆ งอกเงยอย่างสวยงาม พวกเจ้า ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นมาได้ จะมีพระเจ้าอื่นเคียงคู่กับอัลลอฮฺอีกหรือ? เปล่าดอก ทว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ตั้งภาคี
หรือผู้ใดเล่าที่ทำให้แผ่นดินเป็นที่พำนัก และทรงให้มีลำน้ำหลายสายไหลระหว่างมัน และทรงทำให้ภูเขายึดตรึงมันไว้ และทรงทำให้มีที่กั้นระหว่างน่านน้ำทั้งสอง จะมีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ?เปล่าดอก ทว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์ และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น และทรงทำให้พวกเจ้าเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าจะใคร่ครวญ
หรือผู้ใดเล่าจะชี้แนะทางแก่พวกเจ้าในความมืดทึบของแผ่นดินและน่านน้ำ และผู้ใดทรงส่งลมแจ้งข่าวดีก่อนหน้าความเมตตาของพระองค์(ลมพัดก่อนฝนตก) จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ? อัลลอฮฺนั้นทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี
หรือผู้ใดเล่าจะริเริ่มในการสร้าง แล้วทรงให้มันเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และผู้ใดทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า จากฟากฟ้าและแผ่นดิน จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ?
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) จงนำหลักฐานของพวกท่านมา หากว่าพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัยนอกจากอัลลอฮฺ
และพวกเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อใดพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ”
(อัลนัมลุ 60-65 )
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากโองการของอัลกุรอานที่อัลลอฮฺประทานลงมาเพื่อชี้แจงเป็นคำตอบต่อคำถามของท่าน เราขอเชิญชวนท่านก้าวมาสู่การโดยสารสู่เส้นทางชีวิตไปพร้อมกับบรรดาผู้ศรัทธา โดยการเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นเพียงศาสนาเดียวที่อัลลอฮฺทรงพอพระทัยและรับรองแก่มวลมนุษยชาติ และความศานติจะประสบกับผู้ที่ได้ปฏิบัติตามทางนำแห่งอิสลาม.
www.islamqa.com หมายเลข 4548
ผู้แปล ยูซุฟ อบูบักร / Islam house