ท่านอัมร์ อิบนุ ญะมัวะฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  9138

ท่านอัมร์ อิบนุ ญะมัวะฮ์ 

ชายชราที่ต้องการเข้าสวรรค์ ทั้งๆที่มีขาพิการ

     

           ในสมัยญาฮิลียะฮฺนั้น บรรดาผู้ดีมีเกียรติมียศฐาบรรดาศักดิ์ ต้องมีรูปปั้นอยู่ในบ้านเป็นส่วนตัวทุกคน เพื่อบูชาและขอความศิริมงคลทุกเช้าเย็น นอกจากนั้นเมื่อถึงวันสำคัญๆ ก็ต้องเชือดสัตว์ ถวายและขอความคุ้มครองป้องกันให้พ้นเคราะห์ร้ายภัยพิบัติและความหายนะ

           รูปปั้นของอัมรุบนุลญะมัวะห์นั้นมีชื่อว่า "มะนาต" ซึ่งถูกสร้างมาจากแก่นไม้อันล้ำค่า เขาเอาใจใสดูแลเป็นพิเศษใช้น้ำหอมอย่างดีลูบไล้เป็นประจำ ต้องสิ้นเปลืองค่าบำรุงรักษา มิใช่น้อย

          เมื่อแสงรัศมีแห่งการศรัทธาเริ่มกระจายปกคลุมเกือบทั่วทุกบ้านในเมืองยัษริบ ทั้งนี้ด้วยการ เผยแผ่ของท่านมุศอับ บินอุมัยรฺ ซึ่งขณะนั้นท่านอัมรุบนุลญะมัวะฮฺ มีอายุมากกว่า 60 ปี และลูก ทั้งสามคน คือ มุเอาวัซ มุอ๊าซและค๊อลลาด ต่างก็ศรัทธาในศาสนาอิสลาม ตลอดจนพี่เลี้ยงคนสนิท ชื่อมุอ๊าซ อิบนิล ญะบัล และภรรยาที่ชื่อฮินดฺก็รับอิสลามพร้อมลูกๆด้วย โดยที่อัมรุบนุลญะมัวะฮฺ ไม่รู้เรื่องระแคะระคายมาก่อนเลย

            ฮินดฺภรรยาของอัมรุบนุลญะมัวะฮฺเห็นว่า ชาวเมืองยัษริบ ส่วนมากรับอิสลามกันหมดแล้ว ไม่มีหัวหน้าคนใดที่ยังจมปลักอยู่ในชิรกฺ นอกจากสามีของนางและอีกไม่กี่คน เธอรักและเทิดทูนสามีคอยดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอเกรงว่าเขาจะตายในสภาพที่เป็นกุฟรฺซึ่งจะต้องอยู่ ในนรกตลอดกาล

          ในขณะเดียวกัน อัมรุบนุลญะมัวะฮฺก็กลัวว่าลูกๆจะทิ้งศาสนาของปู่ย่าตายายและ คล้อยตามท่านมุศอับ บิน อุมัยรฺ นักดะอฺวะห์ ผู้สามารถใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเปลี่ยนแปลงประชาชนส่วนมากให้เลิกนับถือศาสนาดั้งเดิมกลับมานับถือศาสนาอิสลาม ที่ท่านนบีมุฮัมมัด นำมา
  
อัมรุบนุลญะมัวะฮฺจึงพูดกับภรรยาว่า :
 
         ฮินดฺเอ๋ย..จงระมัดระวังลูกๆอย่าให้ไปพบกับชายผู้นั้นนะ(หมายถึงท่านมุศอับ บิน อุมัยรฺ) จนกว่าเรา จะเห็นด้วยเสียก่อน 

ฮินดฺตอบว่า :

         เกี่ยวกับเรื่องนี้ฉันจะระวังลูกๆเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ว่าแต่ว่าท่านจะลองฟังลูกมุอ๊าซเล่าเรื่องราว ของชายผู้นั้นสักนิดหน่อยไหม?

อัมรุบนุลญะมัวะฮฺพูดว่า :

          เธอเลวมาก..นี่มุอ๊าซของเราออกนอกศาสนาไปเสียแล้ว โดยที่เราไม่รู้เรื่องเลยหรือ?

ภรรยาที่แสนดียังคงรักษาน้ำใจสามีผู้ชราภาพ เธอตอบว่า :

           ไม่ใช่เช่นนั้นดอก มุอ๊าซเพียงแต่เคยร่วมรับฟังคำเชิญชวนในบางสถานที่ และจดจำมาบ้าง เล็กน้อยเท่านั้นเอง

สามีจึงสั่งว่า :

          ถ้าเช่นนั้นจงเรียกเขามาหาฉันหน่อยซิ

เมื่อมุอ๊าซมาถึงก็กล่าวว่า :

         คุณพ่อครับ โปรดฟังสิ่งที่ผมได้ยินมาจากชายผู้นั้นสักนิดก่อนนะครับ

แล้วเขาก็อ่านอัลกุรอาน "อัลฟาติฮะห์" ซึ่งมีความว่า :

          " ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ การสรรเสริญทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิ์ ของอัลเลาะห์ผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ผู้ทรงอภิสิทธิ์แห่งวันตอบแทนเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่ข้าพระองค์เคารพอิบาดะห์ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ ขอพระองค์ทรงแนะนำพวก ข้าพระองค์ซึ่งทางอันเที่ยงตรง คือทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงโปรดปรานแก่พวกเขามาแล้ว และไม่ใช่ทางของพวกที่หลงผิด"

เมื่ออัมรุบนิลญะมัวะฮฺฟังลูกอ่านจบจึงกล่าวว่า :

         เป็นถ้อยคำที่ซาบซึ้งน่าประทับใจจริงๆ นี่ชายผู้นั้นบอกอย่างนี้ทั้งหมดหรือ?

มุอ๊าซตอบว่า :

         คุณพ่อครับ ถ้อยคำที่ประทับใจยิ่งกว่านี้ยังมีอีกครับ แล้วคุณพ่อจะยอมรับเขาได้แล้วหรือยังครับ ทั้งๆที่หมู่คณะของคุณพ่อก็ยอมรับเขาหมดแล้ว 

ชายชราหยุดนิ่งครู่หนึ่ง ต่อจากนั้นก็กล่าวว่า :

         พ่อจะยังไม่ทำอะไรทั้งสิ้น จนกว่าจะต้องขอคำแนะนำจากมะนาตเสียก่อนและจะคอยดูว่า ท่านจะบอกอย่างไร

ชายหนุ่มผู้เป็นบุตรจึงกล่าวว่า :

         คุณพ่อครับ ไม่มีวันที่มะนาตจะบอกอะไรคุณพ่อได้หรอกครับ เพราะมันเป็นเพียงไม้ท่อนหนึ่ง หูหนวก ตาบอด ไม่มีปัญญา ไม่สามารถพูดจาใดๆได้เลย

ชายชราผู้เป็นพ่อจึงพูดว่า :

         นี่พ่อบอกเจ้าแล้วนะว่า อย่าเพิ่งตัดสินอะไรๆในตอนนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ มะนาต ดีกว่า

         ต่อมา อัมรุบนุลญะมัวะฮฺจึงเข้าไปยืนด้านหน้าของมะนาตตามปกติในสมัยญาฮิลียะฮฺนั้น เมื่อต้องการจะให้รูปปั้นบอกสิ่งใดเขาก็จะให้หญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังรูปปั้นเพราะพวกเขาเชื่อว่ารูปปั้นจะดลใจให้หญิงผู้นั้นตอบ เขาจึงยืนตรงต่อหน้ารูปปั้นโดยยึดขาข้างหนึ่งเป็นหลัก ส่วนขาอีกข้างหนึ่งของเขานั้นไม่สามารถใช้การได้เพราะไม่สมประกอบ

พลางกล่าวคำสดุดีและเริ่มกล่าวว่า :

           โอ้ มะนาต แน่นอนเหลือเกินว่าท่านต้องรู้เรื่องของนักเชิญชวนชาวมักกะห์ ที่มาเผยแผ่ศาสนาใหม่ ให้แก่พวกของเรา เขามุ่งมาเพื่อจะทำลายท่านโดยเฉพาะ เพราะว่าเขาห้ามพวกเราให้เลิกอิบาดะห์เคารพภักดีต่อท่าน และตัวข้าเองไม่อยากจะไปสวามิภักดิ์กับเขาด้วยหรอก จนกว่าจะได้รับคำแนะนำจากท่านเสียก่อน ทั้งๆที่ข้าประทับใจในถ้อยคำที่เขานำมาเหลือเกิน ดังนั้น จงบอกข้ามาเถิดว่าจะเอาอย่างไรดี

แต่มะนาตไม่ให้คำตอบใดๆเลย เขาจึงกล่าวขึ้นว่า :

          คิดว่าท่านคงโกรธ เอาละ ต่อไปจะไม่ทำอะไรที่จะเป็นเรื่องรบกวนท่านอีก แต่ไม่เป็นไรข้าจะปล่อย ท่านให้อยู่ตามลำพังสักชั่วระยะหนึ่งจนกว่าท่านจะหายโกรธ

          บรรดาลูกๆ ของอัมรุบนุลญะมัวะฮฺ รู้ดีถึงความผูกพันของพ่อกับรูปปั้นมะนาต แต่เมื่อสักครู่นี้ ได้เกิดอะไรขึ้นหรือว่าความสัมพันธ์เจือจางลงแล้ว? พวกเขารู้ได้ทันทีว่า ในหัวใจของพ่อเกิดความหวั่นไหวไม่มั่นใจ ในฐานะของมะนาตเสียแล้ว ดังนั้น จำเป็นต้องฉวยโอกาสนี้แย่งตัวของพ่อให้หลุดพ้นจากการเคารพรูปปั้นนี้ให้ได้ เพราะนั่นคือหนทางเดียวที่จะนำเขาออกไปสู่แสงสว่างแห่งความศรัทธา

โปรดติดตามตอนต่อไป


ท่านอัมรฺ อิบนิล ญะมัวะฮฺ  2 >>>Click