คอลีฟะห์ อาลี
เชื้อสาย
คอลีฟะห์อาลี เป็นบุตรของท่านอบูฏอลิบ ซึ่งเป็นลุงของท่านนบีมูฮำหมัด ท่านมีฉายานามว่า อบูตุร้อย ท่านเกิดภายหลังท่านนบีมูฮำหมัด เป็นเวลา 32 ปี ท่านนบีมูฮำหมัด ได้เลี้ยงดูท่านอาลีตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นนบี ท่านอาลีเป็นเด็กคนแรกที่นับถือศาสนาอิสลาม ขณะนั้นท่านมีอายุไม่ถึง 13 ปี ท่านเป็นผู้ที่นอนแทนท่านนบีมูฮำหมัด ในค่ำคืนที่ท่านนบีอพยพ ท่านได้เข้าร่วมทำสงครามกับท่านนบีมูฮำหมัดทุกครั้ง นอกจากสงครามตะบู้ก
ท่านอาลีมีรูปร่างค่อนข้างเตี้ย อ้วน ผิวดำแดง มีเคราขาว ตาโต มีความกล้าหาญ ฉลาดรอบรู้ พูดจาฉะฉาน ท่านแต่งงานกับท่านหญิงฟาติมะห์ บุตรสาวของท่านนบีมูฮำหมัด
การเป็นคอลีฟะห์
เมื่อคอลีฟะห์อุสมานถูกสังหาร บรรดามุสลิมต่างมีความเห็นแตกต่างกัน เกี่ยวกับผู้ที่จะดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์หลังจากนี้ แต่ส่วนมากได้ให้สัตยาบันแก่ท่านอาลี เป็นคอลีฟะห์ โดยเป็นผู้อาศัยอยู่ในแคว้นหิญ้าซ ประเทศอิรัก อียิปต์ และคูรอซาน แต่ซ่อฮาบะห์ของท่านนบีมูฮำหมัด และผู้ที่อยูในตระกูลอุมัยยะห์ไม่ยอมให้สัตยาบันแก่ท่านอาลี ที่สำคัญได้แก่ ท่านฏอลฮะห์ อิบนุอุบัยดิลลาห์ ท่านสุเบร อิบนุเอาวาม ท่านมุอาวียะห์ อิบนิอบีซุฟยาน มุสลิมในประเทศชาม และท่านอัมรฺ อิบนุอาศ
การทำสงครามสมัยคอลีฟะห์อาลี
คอลีฟะห์อาลีเริ่มงานของท่านด้วยการสอบสวนหาผู้ที่ฆ่าคอลีฟะห์อุสมาน แต่ก็ไม่สามารถจับกุมผู้ที่ฆ่าคอลีฟะห์อุสมาน หลังจากนั้นท่านได้ถอดผู้ปกครองหัวเมืองบางคนที่คอลีฟะห์อุสมานแต่งตั้งออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการร้องเรียนของประชาชน ในพฤติกรรมของพวกเขา ในจำนวนนี้ยังมีท่านมุอาวียะห์ อิบนิอบีซุฟยาน รวมอยู่ด้วย โดยเหตุนี้จึงทำให้บางคนไม่พอใจต่อการกระทำของท่าน ขณะเดียวกันผู้ที่อยู่ในตระกูลอุมัยยะห์ ก็กล่าวหาว่าท่านละเลย ไม่จัดการหาฆาตกรผู้ฆ่าคอลีฟะห์อุสมานมาลงโทษ และได้เรียกร้องให้ล้างแค้นให้แก่คอลีฟะห์อุสมาน ซึ่งทำให้ชาวชามและมุสลิมบางคนคล้อยตามคำเรียกร้องของพวกเขา ขณะเดียวกันคอลีฟะห์อาลี ก็ได้ย้ายที่ทำการจากเมืองมะดีนะฮ์ไปอยู่ ณ เมืองกูฟะห์ ประเทศอิรัก
สมรภูมิอูฐ
ท่านฏอลละห์ อิบนุอุบัยดิลลาห์ และท่านสุเบร อิบนุลเอาวาม ได้เดินทางออกจากเมืองมะดีนะห์ไปยังเมืองมักกะห์ และได้พบกับท่านอาอีซะห์ ในการประกอบพิธีฮัจญ์ แล้วทั้งสองก็เดินทางออกไปเพื่อทำสงครามกับคอลีฟะห์ อาลี โดยท่านหญิงอาอีซะห์ได้เดินทางติดตามไปด้วย กำลังทหารฏอลละห์และสุเบร ได้เข้ายึดครองเมืองบัศเราะห์ ท่านอาลีจึงได้นำกองทัพของท่านออกมาเพื่อทำการปราบปราม และสิ้นสุดลงด้วยการที่ท่านฏอลละห์และท่านสุเบรถูกฆ่าตายในสนามรบ และอูฐที่ท่านหญิงอาอีซะห์ขี่มาก็ถูกเชือด เมื่อเสร็จสิ้นสงคราม คอลีฟะห์อาลี จึงส่งท่านหญิงอาอีซะห์ กลับมายังเมืองมะดีนะห์อย่างมีเกียรติ
สมรภูมิซิฟฟีน
เมื่อฏอลละห์และสุเบรถูกฆ่าตายในสมรภูมิอูฐ มุอาวียะห์จึงได้จัดกองทัพชาวชามแล้วออกมาทำสงครามกับคอลีฟะห์อาลี เมื่อคอลีฟะห์อาลีทราบเช่นนั้น จึงได้จัดกองทัพเพื่อทำสงครามกับท่านมุอาวียะห์ ณ สมรภูมิซิฟฟีน ทั้งสองฝ่ายได้ทำการสู้รบกันเป็นเวลา 40 วัน ในที่สุดกองทัพของท่านมุอาวยะห์เป็นฝ่านพ่ายแพ้ จึงมีการเสนอให้นำอัลกุรอานมาตัดสินข้อพิพาทดังกล่าว ซึ่งฝ่ายคอลีฟะห์อาลียอมรับและยุติการสู้รบ
การตัดสินข้อพิพาท
หลังจากที่ยุติการทำสงคราม ทั้งสองฝ่ายจึงแต่งตั้งตุลาการร่วมขึ้น โดยที่ฝ่ายท่านมุอาวียะห์ ได้แต่งตั้งให้ท่านอัมรฺ อิบนุอาศ เป็นตุลาการร่วม และฝ่ายท่านอาลีได้แต่งตั้งให้มูซา อัลอัชอะรีย์ เป็นตุลาการร่วม ทั้งสองได้ตกลงกันในการถอดถอนท่านอาลีและท่านมุอาวียะห์ออกจากตำแหน่ง เมื่อถึงวันประกาศคำตัดสิน ท่านอบูมูซา ก็ประกาศถอดทั้งคอลีฟะห์อาลี และท่านมุอาวียะห์ ออกจากตำแหน่ง ส่วนท่านอัมรฺ อิบนุอาศ ได้ประกาศถอดท่านอาลีออกจากตำแหน่งและท่านมุอาวียะห์คงอยู่ในตำแหน่งเช่นเดิม ในการนี้ได้สร้างความปั่นป่วนให้แก่บรรดามุสลิมและเมื่อข่าวไปถึงท่านอาลี ท่านจึงได้เตรียมการทำสงครามกับท่านมุอาวียะห์อีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันผู้ที่ให้การสนับสนุนท่านบางส่วน ก็เลิกให้การสนับสนุนท่าน กลุ่มนี้จึงมีชื่อว่า “ค่อวาริจ”
การสังหารท่านอาลี
ขณะเกิดความยุ่งเหยิงในหมู่มุสลิม พวกค่อวาริจ 3 คนคือ อิบนุลมุลญิม อัลบิกรฺ อิบนุอับดิลลาห์ และอัมรฺ อิบนุบักร ได้ตกลงกันที่จะสังหารบุคคล 3 คนคือ ท่านอาลี อิบนุอบีฏอลิบ ท่านมุอาวียะห์ อิบนุอบีซุฟยาน และท่านอัมรฺ อิบนุลด้าศ แต่อับดุลเราะห์มาน อิบนุลมุลญิม เพียงคนเดียวที่ปฏิบัติตามแผนการได้สำเร็จ โดยฆ่าท่านอาลี ขณะที่ท่านกำลังเดินทางออกจากที่พัก เพื่อไปละหมาดซุบฮิ โดยใช้ดาบอาบยาพิษฟันที่หน้าผากของท่าน จึงทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นอีก2วัน ท่านก็เสียชีวิต เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี ฮ.ศ. 40 โดยที่ท่านมีอายุ 63 ปี และดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์เป็นเวลา 5 ปี
วัสสลาม
จาก : หลักสูตรอิสลามศึกษา
โรงเรียนอิกอมะตุ้ลมุอฺมีนีน