ถึงเวลาตรวจตราเต้านม
  จำนวนคนเข้าชม  4447

ถึงเวลาตรวจตราเต้า

 

มาตรวจเต้านมกันเถอะ

          การตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นวิธีป้องกันมะเร็งเต้านมได้ทางหนึ่ง ควรสำรวจเต้านมของคุณเป็นประจำเดือนละครั้ง ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ 7-10 วันหลังจากเริ่มมีประจำเดือน ในสุภาพสตรีที่หมดประจำเดือนแล้วควรเลือกวันใดวันหนึ่ง เช่น วันแรกของเดือน เพื่อความสะดวกและเตือนตนเองในการตรวจเป็นประจำทุกเดือน โดยสามารถตรวจได้หลายวิธีดังนี้

ตรวจหน้ากระจก

• ยืนตรง มือแนบลำตัว สังเกตเต้านมทั้งสองข้างมีความผิดปกติหรือไม่

• ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นประสานกันทางด้านหลังของศีรษะ แล้วออกแรงดันศีรษะมาด้านหน้า

• ยกมือเท้าเอว ออกแรงกดสะโพก พร้อมกับโน้มข้อศอกและหัวไหล่ไปด้านหน้า แล้วกลับสู่ท่าเดิม เพื่อให้เกิดการหดตัวและเกร็งตัวของกล้ามเนื้ออก สังเกตลักษณะที่ผิดปกติ

ตรวจขณะอาบน้ำ

• ยกแขนข้างซ้ายขึ้น  ใช้ปลายนิ้วมือข้างขวา วางราบลงบนเต้านมข้างซ้าย บริเวณส่วนนอกและเหนือสุดของเต้านม

• เริ่มคลำในลักษณะคลึงเบาๆ เป็นวงกลมเล็กๆ เคลื่อนเป็นวงกลมไปช้าๆ รอบเต้านม แล้วค่อยๆเขยิบเข้ามาเป็นวงแคบสู่บริเวณหัวนม  และคลำบริเวณระหว่างเต้านมกับรักแร้ สังเกตดูว่ามีก้อนเนื้อแข็งเป็นไตหรือไม่

• บีบหัวนมเบาๆ ดูว่ามีของเหลว เช่น น้ำเหลือง หรือน้ำเลือดออกมาหรือไม่ แล้วทำการตรวจซ้ำด้วยวิธีเดียวกันบนเต้านมข้างขวา

ตรวจในท่านอนราบ

• นอนราบ ยกแขนข้างซ้ายขึ้นเหนือศีรษะ

• ใช้หมอนหรือผ้ารองบริเวณใต้ไหล่ซ้าย

• ใช้วิธีการคลำและตรวจเช่นเดียวกับวิธีการตรวจในขณะอาบน้ำ

หากพบสิ่งผิดปกติ เช่น ก้อนเนื้อ หรือเนื้อที่แข็งเป็นไต ควรปรึกษาแพทย์ทันที 

เมื่อไหร่ควรตรวจแมมโมแกรม

        ผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้ ควรไปรับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ด้วยการทำแมมโมแกรมหรือการเอกซเรย์เต้านมร่วมด้วย

• อายุมากกว่า 40 ปี

• อายุมากกว่า 35 ปี และมีอาการของเต้านมที่ผิดปกติ

• อายุน้อยกว่า 35 ปี แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าปกติ เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม หรือเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน

• โสด ไม่เคยมีบุตร

• มีประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปี หรือหมดช้าหลังอายุ 55 ปี

• รับประทานฮอร์โมนเพศหญิง หรือยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน

               เนื่องจากการทำแมมโมแกรมจะช่วยให้เห็นความผิดปกติที่เราอาจคลำไม่พบได้ดี กว่า ยิ่งในปัจจุบันมีการถ่ายภาพเอกซเรย์เป็นระบบดิจิตอล หรือ Digital Mammogram ทำให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น สามารถเพิ่มความละเอียดในการแสดงภาพแม้ในก้อนแคลเซียมหรือเนื้องอกที่มีขนาด เล็กมาก โดยอาจตรวจร่วมกับการทำอัลตราซาวนด์ ที่มีความสามารถในการแยกก้อนเนื้อและถุงน้ำ (ซีสต์) ได้ดี ช่วยให้แพทย์สามารถให้การรักษาและหยุดยั้งการลุกลามของมะเร็งได้อย่างทันท่วงที