อัลเลาะห์จะทรงรับคำขอดุอาอฺของผู้ถูกอธรรม
รายงานจากมุอ๊าซ กล่าวว่า :
ท่ารอซูล ได้ส่งฉัน (ไปยังเมืองเยเมน) ท่านกล่าวว่า :
แท้จริงท่านจะไปยังกลุ่มชนชาว อะห์ลุลกิตาบ(ยิวและคริสต์) ดังนั้น ท่านจงเรียกร้องพวกเขาไปสู่คำปฏิญาณที่ว่า : ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์ และแท้จริงฉัน (มุฮัมหมัด) เป็นรอซูลของอัลเลาะห์
ถ้าหากพวกเขาปฏิบัติตามเช่นนั้นแล้ว ก็จงบอกให้พวกเขาทราบว่า อัลเลาะห์ทรงกำหนดให้เป็นฟัรฎู (จำเป็นต้องปฏิบัติ) แก่พวกเขาซึ่งการละหมาด 5 เวลา ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ถ้าหากพวกเขาปฏิบัติตามเช่นนั้นแล้ว ก็จงบอกให้พวกเขาทราบว่า อัลเลาะห์ทรงกำหนดเป็นฟัรฎูแก่พวกเขาจะต้องบริจาคทานซะกาต โดยจะเก็บจากคนรวย แล้วนำมาจ่ายให้กับคนยากจน ถ้าหากพวกเขาปฏิบัติตามเช่นนั้นแล้ว ท่านก็จงระวังทรัพย์ที่มีค่า และจงระวังการขอดุอาอฺของผู้ที่ถูกอธรรม เพราะแท้จริงไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ระหว่างคำวิงวอนนั้นกับพระองค์เลย
(บันทึกโดยบุคอรีย์ และ มุสลิม)
ดูในบุคอรีย์เล่ม 3 หน้า 283 และดูในมุสลิมฮะดีษเลขที่ 19
คำอธิบาย
คำสั่งเสียของท่านรอซูล ที่มีต่อท่านมุอ๊าซ อิบนิญะบัล ก่อนที่จะส่งไปเป็นข้าหลวงที่ประเทศเยเมน ท่านรอซูล บอกให้เขาทราบถึงสภาพของกลุ่มชนว่า พวกนั้นเป็นชาวยิว และคริสต์ เป็นกลุ่มชนที่มีศาสนา ท่านรอซูล สั่งให้มุอ๊าซเชิญชวนให้พวกเขาเข้ารับอิสลาม ด้วยหลักฐานแห่งสัจธรรมซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจน เมื่อพวกเขาเชื่อฟังแล้ว ก็ให้สอนพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องละหมาด การชำระซะกาต เมื่อพวกเขารับฟังและได้ปฏิบัติตามแล้ว ก็จงระวังรักษาความยุติธรรมในการเก็บซะกาต อย่าอธรรมต่อคนรวย โดยเก็บซะกาตในส่วนที่เป็นทรัพย์สินดีๆของพวกเขาเพื่อเอาไปจ่ายแก่คนจน และจงอย่าอธรรมต่อคนจน ด้วยการจ่ายแต่สิ่งที่ไม่ดีไปให้ จงเก็บซะกาตจากทรัพย์ที่อยู่ในระดับปานกลาง ไม่ดีเลิศ หรือคุณภาพต่ำเกินไป แท้จริงการอธรรมนั้น บั้นปลายของมันเป็นความอัปยศ และคำขอวิงวอนต่ออัลเลาะห์ จากผู้ถูกอธรรมนั้น จะไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางได้เลย
สิ่งที่ได้รับจากฮะดีษนี้
1. ซะกาตนั้นให้เจ้าหน้าที่เรียกเก็บจากคนรวย แจกจ่ายให้คนยากจน
2. ผู้เก็บซะกาตจะเลือกเก็บแต่เฉพาะทรัพย์ที่ดีเลิศเท่านั้นไม่ได้
3. ให้ระวังการอธรรม เพราะอัลเลาะห์จะทรงรับคำขอดุอาอฺของผู้ถูกอธรรม
ที่มา: ริยาดุสซอลีฮีน
โดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ