
ใคร...คือ...ผู้สร้าง ?
เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
ในโลกยุคใหม่ มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่กล่าวว่า“ฉันไม่เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น”และใช้เหตุผลนี้เป็นข้ออ้างในการปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า โดยอ้างว่าสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสหรือพิสูจน์ด้วยประสาทสัมผัสโดยตรงย่อมไม่สมควรถูกเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่มนุษย์ควรถามอย่างซื่อสัตย์ คือ มนุษย์เชื่อเฉพาะสิ่งที่มองเห็นจริงหรือ ? และหากไม่ใช่ เหตุใดการปฏิเสธพระเจ้าจึงถูกนำเสนอในนามของสติปัญญา ?
มนุษย์เชื่อสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน มนุษย์เชื่อในสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่ามากมาย เช่น แรงโน้มถ่วง คลื่นวิทยุ พลังงาน ความคิด สติปัญญา และจิตใจ แม้ไม่สามารถจับต้องได้ แต่มนุษย์ยอมรับการมีอยู่ของมัน เพราะเห็น “ผลของการมีอยู่”
ดังนั้น การไม่เห็นด้วยตาไม่เคยเป็นหลักฐานว่า “ไม่มีอยู่จริง” แต่เป็นเพียงข้อจำกัดของประสาทสัมผัสมนุษย์เท่านั้น
อัลกุรอานจึงวางหลักการศรัทธาไว้ตั้งแต่ต้นว่า
“บรรดาผู้ศรัทธา คือผู้ที่ศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับ”
(อัลบะเกาะเราะฮฺ 2:3)
ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเชื่อโดยไร้เหตุผล แต่หมายถึงการยอมรับความจริงที่อยู่เหนือการรับรู้ของประสาทสัมผัส
หลักสติปัญญาพื้นฐาน : ระบบย่อมต้องมีผู้จัดการ
สติปัญญามนุษย์ยอมรับโดยธรรมชาติว่า ทุกระบบที่มีความซับซ้อน ต้องมีผู้ออกแบบและผู้ควบคุม ไม่มีใครเชื่อว่าระบบคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นเอง เมืองขนาดใหญ่เกิดจากความบังเอิญ เครื่องจักรทำงานได้โดยไม่มีผู้ตั้งโปรแกรม ยิ่งระบบซับซ้อนมากเท่าใด การมีอยู่ของผู้จัดการระบบก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
อัลกุรอานกล่าวอย่างชัดเจนว่า
“พระองค์ทรงสร้างทุกสิ่ง และทรงกำหนดมันอย่างมีแบบแผน”
(อัลฟุรกอน 25:2)
ความซับซ้อนของจักรวาล : ระเบียบที่ไม่อาจเกิดจากความวุ่นวาย
จักรวาลไม่ได้ดำรงอยู่ด้วยความโกลาหล แต่ถูกควบคุมด้วยกฎที่แม่นยำอย่างยิ่ง การโคจรของดวงดาว ล้วนทำงานอย่างสอดประสาน อัลกุรอานกล่าวสอดคล้องกันว่า
“แท้จริง ในการสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการสลับกันของกลางคืนและกลางวัน
ย่อมเป็นสัญญาณสำหรับผู้มีสติปัญญา”
(อาลิอิมรอน 3:190)
ร่างกายมนุษย์ : หลักฐานใกล้ตัวที่สุด
หากจักรวาลยังดูไกลตัว ร่างกายมนุษย์คือหลักฐานที่ชัดเจนและใกล้ที่สุด ระบบประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานพร้อมกันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมนุษย์ไม่ต้องสั่งการ อัลกุรอานกล่าวว่า
“และแท้จริงเราได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างประณีตยิ่ง”
(อัตตีน 95:4)
ไม่มีมนุษย์คนใดอ้างตนว่าเป็นผู้สร้างทะเลและภูเขา ตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ไม่มีใครลุกขึ้นมาอ้างว่า ตนคือผู้สร้างทะเล ภูเขา หรือจักรวาล ไม่ใช่เพราะมนุษย์ถ่อมตน แต่เพราะ ไม่มีใครจะเชื่อสติปัญญามนุษย์ รู้โดยธรรมชาติว่า สิ่งยิ่งใหญ่เกินขอบเขตมนุษย์ ย่อมไม่อาจเป็นผลงานของมนุษย์
อัลกุรอานตั้งคำถามเชิงตรรกะว่า
“หรือพวกเขาถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่มีผู้สร้าง? หรือพวกเขาเป็นผู้สร้างตัวเอง?”
(อัฏฏูร 52:35)
จากรถยนต์สู่จักรวาล : ตรรกะที่ย้อนแย้ง
รถยนต์เพียงหนึ่งคันซึ่งมีระบบซับซ้อนนับพันชิ้นส่วน มนุษย์ยังยอมรับทันทีว่า ต้องมีผู้ออกแบบและผู้สร้าง หากรถยนต์ยังต้องมีผู้สร้าง จักรวาลที่ซับซ้อนกว่านั้นนับไม่ถ้วน จะเกิดขึ้นเองได้อย่างไร ?
อัลกุรอาน : คำตอบของคำถามว่าใครคือผู้สร้าง
เมื่อสติปัญญาชี้ว่า ต้องมีผู้สร้างและผู้จัดการระบบ คำถามต่อมาคือ ผู้สร้างนั้นคือใคร ?
อัลกุรอานตอบอย่างชัดเจนว่า
“อัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง”
(อัสสุญูด 32:4)
อัลกุรอานไม่เพียงบอกว่า “ทรงสร้าง” แต่กล่าวถึงรายละเอียดของการสร้าง การวางภูเขา การสร้างสิ่งมีชีวิตจากน้ำ และการสร้างมนุษย์เป็นขั้นตอน
“เราจะแสดงบรรดาสัญญาณของเราแก่พวกเขาทั้งในขอบฟ้า และในตัวของพวกเขาเอง
จนเป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาว่า แท้จริงมันคือความจริง”
(ฟุศศิลัต 41:53)
เมื่อการปฏิเสธพระเจ้าถูกนำเสนอในนามของสติปัญญา ในปัจจุบัน มีกลุ่มคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่พยายามใช้ “เหตุผลและวิทยาศาสตร์” เป็นเครื่องมือโน้มน้าวผู้อื่นไม่ให้เชื่อ
อย่างไรก็ตาม ความย้อนแย้งคือ พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า “พระเจ้าไม่มีอยู่จริง” การไม่พบหลักฐาน ไม่ใช่หลักฐานของการไม่มีอยู่
อิสลามไม่ปฏิเสธสติปัญญา แต่ตำหนิการไม่ใช้สติปัญญาอย่างซื่อสัตย์
“พวกเขามีหัวใจ แต่ไม่ใช้มันพิจารณา”
(อัลอะอ์รอฟ 7:179)
โลกใบนี้ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่ดำรงอยู่ด้วยระบบที่แม่นยำ ซับซ้อน และมีเป้าหมาย สติปัญญา วิทยาศาสตร์ และอัลกุรอาน ล้วนชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า จักรวาลนี้ต้องมีผู้สร้างและผู้สร้างนั้นไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่ธรรมชาติ และไม่ใช่ความบังเอิญ แต่คือ อัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงจัดการ และผู้ทรงควบคุมทุกระบบในจักรวาล
การศรัทธาในอัลลอฮฺ จึงไม่ใช่การละทิ้งเหตุผล แต่เป็นผลลัพธ์ของการใช้เหตุผลอย่างสมบูรณ์ที่สุด