หลักความเชื่อ(อากีดะฮ์)ที่ถูกต้องและปัจจัยที่ทำให้เกิดการหลงผิด 3
โดยท่าน .... ชัยคฺ ศอและห์ อัล-เฟาซาน
แปลโดย... อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา

สาเหตุที่ทำให้ผู้คนเบี่ยงเบนออกจากหลักอากีดะฮ์ที่ถูกต้อง
การเบี่ยงเบนออกจากอากีดะฮ์ที่ถูกต้องนั้นมีสาเหตุหลายประการที่จำเป็นต้องรู้ ซึ่งสำคัญที่สุด ได้แก่:
1. ไม่เรียนรู้ในเรื่องของหลักศรัทธา(อากีดะฮ์)ที่ถูกต้อง
เนื่องจากผู้คนหันเหออกจากการศึกษาและการสอนหลักอากีดะฮ์หรือให้ความสำคัญกับมันจนทำให้เกิดคนรุ่นหลังที่ไม่รู้จักอากีดะฮ์ที่ถูกต้อง และไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ขัดแย้งหรือคัดค้านมัน จึงทำให้สิ่งที่เป็นความจริงกลายเป็นเท็จ และสิ่งที่เป็นเท็จกลายเป็นความจริง
เช่นที่ท่านอุมัร อิบนุ ค็อฏฏอบ กล่าวว่า:
ﺇﻧﻤﺎ ﺗﻨﻘﺾ ﻋﺮﻯ اﻹﺳﻼﻡ ﻋﺮﻭﺓ ﻋﺮﻭﺓ ﺇﺫا ﻧﺸﺄ ﻓﻲ اﻹﺳﻼﻡ ﻣﻦ ﻻ ﻳﻌﺮﻑ اﻟﺠﺎﻫﻠﻴﺔ
“บ่วงของอิสลามจะถูกคลายออกไปทีละบ่วง ๆ เมื่อมีคนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นในอิสลาม โดยที่พวกเขาไม่รู้จักความมืดมนของญาฮิลิยะฮ์ (ยุคก่อนอิสลาม)"
และเป็นเพราะว่า หากเขาไม่รู้จักยุคญาฮิลิยะฮ์และการกระทำชีริก(ตั้งภาคี) และสิ่งที่อัลกุรอานได้ตำหนิและประณามไว้ แล้วเขาก็จะตกลงไปในสิ่งนั้น ยอมรับมัน เชิญชวนไปสู่มัน เห็นว่ามันถูกต้อง และทำให้มันดูดี ทั้งที่เขาไม่รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ชาวยุคญาฮิลิยะฮ์เคยทิ้งไว้ก่อน หรือสิ่งที่คล้ายกัน หรือสิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าในยุคของพวกเขา หรือเบากว่าพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ บ่วงแห่งอิสลามก็จะถูกคลายออกจากหัวใจของเขา และสิ่งที่เคยเป็น ‘ความดี’ จะกลายเป็น ‘ความชั่ว’ และสิ่งที่เป็น ‘ความชั่ว’ ก็จะกลายเป็น ‘ความดี’ บิดอะฮ์จะถูกมองว่าเป็นซุนนะฮ์ และซุนนะฮ์จะถูกมองว่าเป็นบิดอะฮ์
ชายคนหนึ่งจะถูกตัดสินว่าเป็นกาฟิร เพราะแท้จริงเขายึดมั่นในหลักศรัทธาที่มีหลักเตาฮีดที่บริสุทธิ์ และเขาจะถูกมองว่าเป็นผู้สร้างบิดอะฮ์(ผู้ริเริ่มทำอุตริกรรมขึ้นในศาสนา) เพราะเขาบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติตามท่านรอซูล ﷺ และแยกตัวออกจากอารมณ์และบิดอะฮ์ทั้งหลาย
2. การยึดติดอยู่กับสิ่งที่บรรพบุรุษเคยทำเอาไว้
การยึดมั่นในแนวทางของพ่อแม่และบรรพบุรุษ แม้มันจะเป็นความเท็จและปฏิเสธสิ่งที่ขัดกับมัน แม้ว่ามันจะเป็นความจริง
อัลลอฮ์ตรัสว่า:
وَإِذَا قِيلَ لَهُمُ اتَّبِعُوا مَا أَنزَلَ اللَّهُ قَالُوا بَلْ نَتَّبِعُ مَا أَلْفَيْنَا عَلَيْهِ آبَاءَنَا أَوَلَوْ كَانَ آبَاؤُهُمْ لَا يَعْقِلُونَ شَيْئًا وَلَا يَهْتَدُونَ
“และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่าจงปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิด
พวกเขาก็กล่าวว่า มิได้ เราจะปฏิบัติสิ่งที่เราได้พบบรรดาบรรพบุรุษของเราเคยปฏิบัติมาเท่านั้น
และแม้ได้ปรากฏว่า บรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด และทั้งไม่ได้รับแนวทางอันถูกต้องก็ตามกระนั้นหรือ? “
[อัลบะเกาะเราะฮ์ 170]
3. การเลียนแบบในลักษณะลืมหูลืมตา
คือการรับเอาความเห็นของผู้คนในเรื่องหลักอากีดะฮ์โดยไม่รู้ ไม่รู้ว่ามันถูกต้องหรือไม่ เช่นที่เกิดกับบรรดากลุ่มต่าง ๆ เช่น ญะฮ์มียะฮ์ มุอฺตะซิละฮ์ อะชาอิเราะฮ์ ซูฟียะฮ์ และอื่น ๆ พวกเขาเลียนแบบอิหม่ามแห่งความหลงผิด จนทำให้พวกเขากับผู้ตามหลงออกจากอากีดะฮ์ที่ถูกต้อง
4. การสุดโต่งต่อบรรดาคนดีทั้งหลาย
เช่นยกพวกเขาขึ้นเหนือสถานะที่แท้จริงของมนุษย์จนเชื่อว่าพวกเขามีความสามารถนำคุณประโยชน์หรือปัดเป่าความเสียหายแทนที่พระเจ้า และทำให้พวกเขาเป็นสื่อกลางระหว่างอัลลอฮ์กับมนุษย์ในการตอบรับดุอาอ์และทำให้ความต้องการสำเร็จจนในที่สุดนำไปสู่การเคารพภักดีต่อหลุมศพของพวกเขา บูชายัญบนหลุมศพ อธิษฐานขอความช่วยเหลือ ขอความคุ้มครองและขอแรงสนับสนุนจากผู้ตาย
เหมือนที่เกิดกับ ชนชาติของนบีนูห์ เมื่อพวกเขากล่าวว่า:
وَقَالُوا لا تَذَرُنَّ آلِهَتَكُمْ وَلا تَذَرُنَّ وَدًّا وَلا سُوَاعًا وَلا يَغُوثَ وَيَعُوقَ وَنَسْرًا
“และพวกเขาได้กล่าวว่า พวกท่านอย่าได้ทอดทิ้งพระเจ้าทั้งหลายของพวกท่านเป็นอันขาด
พวกท่านอย่าได้ทอดทิ้งวัดดฺ และสุวาอฺ และยะฆูษ และยะอู๊ก และนัซรฺ เป็นอันขาด “
[นูห์ 23]
และเหมือนที่เกิดกับ ผู้กราบไหว้หลุมศพในยุคปัจจุบัน ในหลายประเทศมากมายทั่วโลก
5. การละเลยไม่พิจารณาในโองการของอัลลอฮ์ ทั้งจักรวาลและในคัมภีร์
การหลงใหลในอารยธรรมทางวัตถุจนคิดว่าสิ่งเหล่านี้อยู่ในความสามารถของมนุษย์เพียงลำพัง จึงยกย่องมนุษย์เกินควร และสรรเสริญความฉลาดของตนเอง
เหมือนที่กอรูนกล่าวว่า:
قَالَ إِنَّمَا أُوتِيتُهُ عَلَىٰ عِلْمٍ عِندِي
“เขา (กอรูน) กล่าวว่า ฉันได้รับมันเพราะความรู้ของฉัน “
[อัลก็อศ็อศ 78]
وَاللَّهُ خَلَقَكُمْ وَمَا تَعْمَلُونَ
“ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺทรงสร้างพวกท่าน และสิ่งที่พวกท่านประดิษฐ์มันขึ้นมา”
[อัซศอฟฟาต 96]
เหมือนที่มนุษย์มักกล่าวว่า: هَٰذَا لِي “นี่คือความสามารถของฉัน “
[ฟุศศิลัต 50]
قَالَ إِنَّمَا أُوتِيتُهُ عَلَىٰ عِلْمٍ
“เขาก็กล่าวว่า แท้จริงสิ่งที่ฉันได้รับมานั้นเนื่องจากความรอบรู้ของฉันต่างหาก”
[อัซซุมัร 49]
พวกเขาไม่ใคร่ครวญว่าใครคือผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ ผู้ประทานความสามารถ และผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมาเอง
อัลลอฮ์ตรัสว่า:
أَوَلَمْ يَنظُرُوا فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَمَا خَلَقَ اللَّهُ مِن شَيْءٍ
“และพวกเขามิได้มองดูในอำนาจทั้งหลายแห่งบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดิน และสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงบังเกิดขึ้นดอกหรือ”
[อัลอะอรอฟ 185]
และตรัสว่า:
اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَأَنزَلَ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَخْرَجَ بِهِ مِنَ الثَّمَرَاتِ رِزْقًا لَّكُمْ ۖ وَسَخَّرَ لَكُمُ الْفُلْكَ لِتَجْرِيَ فِي الْبَحْرِ بِأَمْرِهِ ۖ وَسَخَّرَ لَكُمُ الْأَنْهَارَ وَسَخَّرَ لَكُمُ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ دَائِبَيْنِ ۖ وَسَخَّرَ لَكُمُ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ وَآتَاكُم مِّن كُلِّ مَا سَأَلْتُمُوهُ ۚ وَإِن تَعُدُّوا نِعْمَتَ اللَّهِ لَا تُحْصُوهَا ۗ إِنَّ الْإِنسَانَ لَظَلُومٌ كَفَّارٌ
“อัลลอฮผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงให้น้ำลงมาจากชั้นฟ้า
และทรงให้พืชผลงอกเงยออกมาด้วยมัน (จากน้ำ) เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า
และทรงให้เรือเดินสมุทรมีความสะดวกแก่พวกท่าน เพื่อใช้แล่นตามแม่น้ำโดยพระบัญชาของพระองค์
และทรงให้ลำน้ำทั้งหลายเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า
และพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า โดยโคจรเป็นปกติ
และทรงให้กลางคืนและกลางวันเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า
และพระองค์ประทานแก่พวกเจ้าทุกสิ่งที่พวกเจ้าขอต่อพระองค์
และหากพวกเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลลอฮแล้ว พวกเจ้าก็ไม่อาจจะคำนวณมันได้
แท้จริงมนุษย์นั้น อธรรมยิ่ง เนรคุณยิ่ง”
[อิบรอฮีม 32–34]
6. พ่อแม่ที่ละเลยและไม่มีการอบรมในเรื่องหลักการศาสนาที่ถูกต้องให้กับลูก
ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
كلُّ مولودٍ يولَدُ على الفطرةِ فأبواه يُهوِّدانِه أو يُنصِّرانِه أو يُمجِّسانِه
“เด็กทุกคนเกิดมาบนฟิฏเราะฮ์ (ธรรมชาติที่บริสุทธิ์) แต่พ่อแม่คือผู้ทำให้เขากลายเป็นยิว คริสต์ หรือชาวบูชาไฟ “
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีและมุสลิม)
ดังนั้นพ่อแม่มีบทบาทใหญ่ในการกำหนดแนวทางของลูก
7. การละเลยของการระบบการศึกษาและสื่อในโลกอิสลามส่วนใหญ่
หลักสูตรการเรียนไม่ให้ความสำคัญในเรื่องศาสนา หรือไม่สอนเลย สื่อทีวี วิทยุ มือถือ หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่กลายเป็นเครื่องมือทำลายศีลธรรม มุ่งเน้นความบันเทิงและโลกวัตถุ ไม่สนใจการปลูกฝังอากีดะฮ์ที่ถูกต้อง จนทำให้คนรุ่นใหม่ไร้ภูมิคุ้มกันต่อกระแสลัทธิ อเทวนิยม และแนวคิดเบี่ยงเบนต่าง ๆ
8. (ตามใจตัวเอง)อารมณ์ถือว่าเป็น ต้นเหตุหลักของการเบี่ยงเบนและความเสื่อมเสีย ที่มนุษย์เผชิญ ตั้งแต่ยุคนบีอาดัม จนถึงวันกิยามะห์
เพราะอารมณ์ทำให้ ความจริงถูกบดบัง ความเชื่อถูกบิดเบือน และทำให้บางกลุ่มจมอยู่ใน ความหลงทาง ความสับสน และความวิบัติทางศรัทธา
อารมณ์เป็น ผู้นำแห่งการต่อต้านผู้เผยพระวจนะและผู้ส่งสารของอัลลอฮฺ ทำให้คำเชิญชวนสู่ความดีและการปฏิรูปถูกต่อต้านในทุกยุค
อารมณ์เป็นสาเหตุของความชั่วและการเบี่ยงเบนในทุกจิตใจ โดยอาจเกิดจาก: การยั่วยุจากชัยตอน
ธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ และผลลัพธ์ของทั้งสองเหมือนกัน คือ การเบี่ยงเบนจากทางที่ถูกต้องและความไม่สมดุลทางศรัทธา
9. การใช้เหตุผลเกินขอบเขต (การพึ่งเหตุผลโดยไม่มีหลักเกณฑ์)
การให้เหตุผล มาก่อนคำสอนของอัลกุรอานและซุนนะฮฺ อาจสร้างความสับสนทางหลักศรัทธาและความคิดในสังคมอิสลามอย่างรุนแรง ไม่ได้หมายความว่าอิสลามละเลยความสำคัญของเหตุผล แต่ต้องใช้ อย่างพอดีและไม่เกินขอบเขตของมันที่ถูกต้อง
เหตุผลที่มีขอบเขต หากพยายามใช้เกินขอบเขต จะทำให้มนุษย์ตกอยู่ใน ความหลงทางและเข้าใจผิด
ตัวอย่างสำคัญคือ เรื่องศรัทธา ซึ่งรู้ได้เพียงทางพระวจนะเท่านั้น ต้องฟังและยอมรับ ไม่ใช่พยายามคิดค้นด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว
บทสรุป: อันตรายจากผู้รู้ที่ไม่ดี
นี่ถือเป็น หนึ่งในอันตรายที่ใหญ่ที่สุดและส่งผลร้ายแรงที่สุด เมื่อผู้คนไว้วางใจในบุคคลหรือนักปราชญ์ที่คิดว่าพวกเขาจะพูดความจริง และนำมาซึ่งการปฏิบัติหรือท่าทีของผู้คนตามนั้น ผลก็คือ ผู้คนจะหลงทางและพินาศ
เหมือนที่อัลลอฮฺทรงเตือนว่า:
وَلِيَلۡبِسُواْ عَلَيۡهِمۡ دِينَهُمۡۖ
“และเพื่อที่จะให้สับสนแก่พวกเขา ซึ่งศาสนา ของพวกเขา”
(อันอาม: 137)
นักปราชญ์เหล่านี้อาจอยู่ระหว่าง : นักปราชญ์ผู้ไม่ดี ที่แสวงหาอำนาจ กับผู้เผยแพร่แนวคิดที่ผิด เช่น แนวคิด “อิรจาอีย์” (ทำให้การปฏิบัติไม่ได้เป็นส่วนของศรัทธา)
พวกเขาสอนว่ามนุษย์ถือว่ามีศรัทธาครบถ้วนเพียงแค่กล่าวคำว่า “ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ” แม้ว่าจะไม่ปฏิบัติการใดในอิสลามเลย และยอมรับสิ่งที่ไม่ใช่คำสอนของอัลลอฮฺ
พวกเขาอาจสนับสนุนผู้ปกครองที่ละเมิดศาสนา, ให้ความร่วมมือกับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม, ทำให้สิ่งต้องห้ามเป็นสิ่งอนุญาต, และก่อให้เกิดการสูญเสียและความเสื่อมเสียของชุมชนอิสลาม
ที่มา: หนังสือ อากีดะฮ์เตาฮีด และคำชี้แจงสิ่งที่ขัดกับมันทั้งจากชิริกใหญ่ ชิริกเล็ก การปฏิเสธ และบิดอะฮ์