ความสำคัญของละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด
  จำนวนคนเข้าชม  74

ความสำคัญของละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด

 

เรียบเรียงโดย: อิสมาอีล กอเซ็ม

 

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ผู้อภิบาลแห่งสากลโลก

 

          แน่นอนว่า หากเราจะพูดถึงเรื่องการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “การละหมาด” มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และการละหมาดฟัรฎูห้าเวลาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมที่บรรลุศาสนภาวะ มีสติปัญญาสมบูรณ์ เขาจะต้องละหมาดวันละห้าเวลา เมื่อละหมาดเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับผู้ชายแล้ว การไปละหมาดที่มัสยิดรวมกันถือเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่ง

 

         ในประเด็นการละหมาดรวมกันที่มัสยิดนั้น บรรดานักวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันออกไป แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการละหมาดเป็นหนึ่งในรุก่นของอิสลามที่มีความสำคัญยิ่ง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้บัญชาให้ท่านนบี ﷺ ขึ้นไปรับบทบัญญัติการละหมาดบนชั้นฟ้า และละหมาด คือ สิ่งแรกที่มนุษย์จะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺ

عن عبد الله بن عمر رضى الله عنهما أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال:

"صلاة الجماعة تفضل صلاة الفذ بسبع وعشرين درجة"

 

     รายงานจากอับดุลลอฮฺ บิน อุมัร เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุมา แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ ได้กล่าวว่า

 

“การละหมาดรวมกัน (ที่มัสยิด) มีความดีงามมากกว่าการละหมาดคนเดียวถึง 27 เท่า”

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์)

 

          นี่คือความประเสริฐของการละหมาดที่มัสยิด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการละหมาดรวมกันนั้นมีความดีงามและมีความประเสริฐมากกว่าการละหมาดคนเดียว

 

          ท่านนบี ﷺ ต้องการให้ประชาชาติของท่านเห็นความสำคัญของการละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด ท่านจึงส่งเสริมให้บรรดามุสลิมปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

عن عثمان بن عفان رضي الله عنه قال: سمعت رسول الله صلى الله عليه وسلم يقول:

"من صلى العشاء في جماعة فكأنما قام نصف الليل، ومن صلى الصبح في جماعة فكأنما صلى الليل كله"

 

     รายงานจากอุษมาน เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ กล่าวว่า

 

“ผู้ใดละหมาดอิชาในญามาอะฮฺ เสมือนเขาได้ละหมาดครึ่งคืน

และผู้ใดละหมาดศุบฮ์ในญามาอะฮฺ เสมือนเขาได้ละหมาดทั้งคืน”

(บันทึกโดยมุสลิม)

وعن أبي هريرة رضي الله عنه قال: قال رسول الله صلى الله عليه وسلم:

"إن أثقل صلاة على المنافقين صلاة العشاء وصلاة الفجر..."

 

     รายงานจากอบีฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ ได้กล่าวว่า

 

“แท้จริง การละหมาดที่หนักที่สุดสำหรับบรรดาผู้กลับกลอก คือ ละหมาดอิชา และละหมาดศุบฮ์

และหากพวกเขารู้ถึงผลบุญในสองละหมาดนี้ แน่นอนพวกเขาจะมาละหมาด ถึงแม้ต้องคลานมาก็ตาม...”

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)

 

          ดังนั้น สำหรับมุสลิมที่ไม่มีอุปสรรคใด ๆ สมควรอย่างยิ่งที่จะไปละหมาดรวมกันที่มัสยิด ถึงแม้บรรดานักวิชาการอาจมีความเห็นต่างกันในฮุกุมของการละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด แต่ความเห็นที่มีน้ำหนักที่สุดคือ “การละหมาดญามาอะฮฺเป็นวาญิบ” สำหรับผู้ที่ไม่มีอุปสรรค ด้วยหลักฐานมากมาย แม้ในยามสงคราม ศาสนาก็ยังบัญญัติให้มีการละหมาดรวมกัน

 

          บรรดาศอหาบะฮฺให้ความสำคัญกับการละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด จนศัตรูของอิสลามรู้ดีในข้อนี้ และมักอาศัยช่วงเวลาละหมาดเพื่อสังหารบุคคลสำคัญ เช่น ท่านอุมัร บิน ค็อตตอบ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ ถูกสังหารขณะนำละหมาด และท่านอะลี เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ ก็ถูกสังหารขณะจะละหมาดศุบฮ์

 

 หลักฐานจากอัลกุรอาน 

 

 قال الله تعالى: وَإِذَا كُنتَ فِيهِمْ فَأَقَمْتَ لَهُمُ الصَّلَاةَ فَلْتَقُمْ طَائِفَةٌ مِّنْهُم مَّعَكَ ...

 

“และเมื่อเจ้าอยู่ในหมู่พวกเขา แล้วเจ้าได้ให้มีการปฏิบัติละหมาดขึ้นแก่พวกเขา

ดังนั้น กลุ่มหนึ่งจากพวกเขาก็จงยืนละหมาดร่วมกับเจ้า และให้ถืออาวุธของพวกเขาไว้ด้วย...”

(ซูเราะฮฺ อัน-นิซาอฺ : 102)

 

     อายะฮฺนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ในภาวะสงคราม อัลลอฮฺก็ยังบัญญัติให้มีการละหมาดรวมกัน (ซอลาตุลค็อฟฺ — การละหมาดในยามกลัว)

     ดังนั้น ผู้ศรัทธาอย่าได้เพิกเฉยต่อการละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด เพราะลักษณะหนึ่งของผู้กลับกลอก คือ การไม่มาละหมาดที่มัสยิด

     บรรดานักศึกษา ครู และอาจารย์ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมในเรื่องการมาละหมาดรวมกัน เพื่อให้เราทุกคนได้รับผลบุญอันมากมาย และเพื่อแสดงให้เห็นว่า บทบัญญัติของอัลลอฮฺไม่เคยสร้างความเดือดร้อนแก่มนุษย์ หากมนุษย์ปฏิบัติตามด้วยความศรัทธาและความเคร่งครัดในศาสนา

 

 

 ประโยชน์ของการละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด 

 

- สร้างความสามัคคีและความร่วมมือในสังคมมุสลิม

 

     จากการที่ผู้คนมารวมกันละหมาดที่มัสยิด ภายใต้อิหม่ามหนึ่งเดียว สะท้อนถึงความมีเอกภาพในอุมมะฮฺ รู้หน้าที่ของตนในสังคมมุสลิม อิหม่ามรู้บทบาทของการเป็นผู้นำ ไม่ใช่เพียงผู้นำละหมาด แต่เป็นผู้นำในการชี้นำความดี มะมูมก็รู้หน้าที่ของผู้ตามในสิ่งที่ดี ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ

 

- เกิดการช่วยเหลือกันในหมู่มุสลิม

 

     เมื่อผู้คนรู้จักกันในมัสยิด ย่อมเกิดความใกล้ชิดและการเยี่ยมเยียนกัน เช่น เมื่อใครไม่มามัสยิดเพราะป่วย เพื่อน ๆ จะถามถึงและไปเยี่ยมเยียน

 

- การละหมาดเป็นสัญลักษณ์ยิ่งใหญ่ของอิสลาม

 

      คือ เครื่องหมายของศรัทธาและการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ

 

- การละหมาดสร้างความเท่าเทียมในสังคม

 

     ไม่ว่าจะยากจนหรือมั่งมี มีตำแหน่งหรือไม่ เมื่อมายืนละหมาด ต่างอยู่ในแถวเดียวกัน ไม่มีการแบ่งชนชั้นหรือสีผิว — แสดงถึงความเสมอภาคที่แท้จริงในอิสลาม

 

          และยังมีประโยชน์อีกมากมายจากการละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด ซึ่งอัลลอฮฺทรงกำหนดไว้เพื่อเกื้อกูลมนุษย์ในทุกมิติของชีวิต ดังนั้น มุสลิมทั้งหลายอย่าเพิกเฉยต่อการละหมาดรวมกันที่มัสยิด เพราะการที่เราไม่มาละหมาดญามาอะฮฺ จะทำให้ความดีมากมายผ่านพ้นเราไป