
จากสนามฟุตบอล สู่สนามชีวิตมุสลิม
By One Muslimah
ในโลกของฟุตบอล ทุกอย่างมีกติกา มีเป้าหมาย มีผู้ตัดสิน และมีเวลาจำกัด เช่นเดียวกับชีวิตของมุสลิมเราที่อัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา ทรงวางกรอบแห่งการดำเนินชีวิตไว้ด้วยกฎแห่งศาสนาอิสลาม เพื่อให้มนุษยชาติได้ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย มีขอบเขต มีวินัย และรู้หน้าที่ ทั้งหน้าที่ความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่อประชาชาติอิสลาม ต่อมวลมนุษยชาติ และต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา พระผู้เป็นเจ้า
หลายครั้ง “สนามฟุตบอล” อาจเป็นภาพสะท้อนอีกหลายองศาหลากแง่มุมของ “สนามชีวิต” หากเราเพ่งพินิจพิจารณาใคร่ครวญและมองลึกลงไป จะพบว่า แต่ละกติกาในกีฬาฟุตบอลสามารถสอนบทเรียนแห่งการดำเนินชีวิตของมุสลิมได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งสามารถเปรียบเปรย “เกมกีฬาฟุตบอล” กับ “เกมชีวิตมุสลิม” โดยสรุปดังต่อไปนี้
1. สนามฟุตบอล คือ โลกดุนยาอันชั่วคราว : สนามฟุตบอล คือพื้นที่ที่ผู้เล่นต้องเคลื่อนไหวภายใต้ขอบเขตที่กำหนด อาทิ ห้ามออกนอกสนาม ห้ามเล่นนอกกติกา เป็นต้น เฉกเช่นเดียวกันกับมนุษย์ที่ถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้ขอบเขตของหลักการศาสนา เมื่อเราปฏิบัติหรือกระทำในสิ่งที่อัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา ทรงอนุญาตหรืออนุมัติ เราจึงอยู่ใน “สนามแห่งความถูกต้อง” แต่หากเราละเมิดขอบเขต ก็เหมือนการ “ออกนอกสนาม” ที่อาจทำให้เกมของชีวิตสะดุด มีปัญหา มีความวุ่นวายตามมา
2. ผู้ตัดสิน คือ อัลลอฮ์ ผู้ทรงเห็น ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงยุติธรรม ผู้ทรงตัดสินที่เลิศที่สุด : คุณลักษณะของอัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา ตามพระนามอันวิจิตร อาทิ
อัลบะซีรฺ (ผู้ทรงเห็น)
อัซซะมีอฺ (ผู้ทรงได้ยิน)
อัลอะลีม (ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเจตนาความนึกคิดของมนุษย์)
อัลอัดลฺ (ผู้ทรงยุติธรรมผู้ทรงเที่ยงธรรม) และ
อัลฮะกีม (ผู้ทรงปรีชาญาณและผู้ทรงตัดสินที่ดียิ่ง)
ดังที่อัลกุรอานซูเราะห์ยูนุส ได้กล่าวไว้ว่า
“และเจ้าจงปฏิบัติตามที่ถูกวะฮีย์ (แนวทางการดำเนินชีวิตของมุสลิมตามคำบัญชาของอัลลอฮ์ ) แก่เจ้าและจงอดทน จนกว่าอัลลอฮ์จะทรงตัดสิน และพระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินที่ดียิ่ง”
ซูเราะห์ยูนุส (กุรอาน 10:109)
ในเกมกีฬาฟุตบอล ไม่มีใครสามารถปิดบังสายตาของกรรมการผู้ตัดสินได้ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครปิดบังการมองเห็น ความรอบรู้ของอัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา ได้ พระองค์ทรงเห็นทุกการกระทำ ทุกความรู้สึกนึกคิด และทุกเจตนา หากเราผิดพลาด พระองค์อาจ “ให้ใบเหลือง” เพื่อเตือนเรา เช่น ให้เราได้รับความทุกข์ยาก ความล้มเหลว หรือบททดสอบต่างๆ นานา เพื่อให้เรากลับตัวกลับใจ สำนึกผิดและปรับปรุงตนเอง ก่อนจะถึง “ใบแดง” ที่หมายถึง การสูญเสียโอกาสกลับตัว หรือหมดลมหายใจ เมื่อความตายมาเยือน
3. โค้ช คือ ท่านนบีมุฮัมมัด ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม : ในกีฬาฟุตบอล โค้ชเป็นผู้วางแผน สอนวิธีการเล่น และให้คำแนะนำในการชนะเกม ในชีวิตมุสลิม เรามีท่านนบีมุฮัมมัด ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็น “โค้ช” ที่ดีที่สุด ผู้สอนวิธีการใช้ชีวิตอย่างถูกต้องตามอัลกุรอานและสุนนะฮ์ ดังนั้น ใครก็ตามที่เดินตามแผนของโค้ช ย่อมมีโอกาสชนะในเกมชีวิตมากกว่าคนที่เล่นตามใจหรือเล่นนอกเกมเล่นผิดกติกา
4. ทีม คือ ชุมชนมุสลิม (อุมมะฮ์) : ฟุตบอลไม่ใช่เกมของคนเพียงคนเดียว เช่นเดียวกับศาสนาอิสลามที่สอนให้เรามีความสามัคคียืนหยัดร่วมกันกำชับใช้ให้ทำความดีและห้ามปรามตักเตือนซึ่งกันและกันมิให้ทำความชั่ว เมื่อเราปฏิบัติศาสนกิจ ทำงานเพื่อศาสนา ร่วมกันละหมาด ช่วยเหลือกันในความยากลำบาก เรากำลังเล่นเป็น “ทีม” เดียวกัน คือ ทีมของอัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา ซึ่งความสามัคคีคือพลังแห่งชัยชนะ ส่วนการทะเลาะเบาะแว้ง ความขัดแย้ง คือช่องโหว่ช่องว่างที่ปล่อยให้ศัตรูทำประตูใส่เรา
5. คู่แข่งขัน/คู่ต่อสู้ คือ นัฟซู ซัยตอน : คู่แข่งขันหรือคู่ต่อสู้ในสนามชีวิตที่สำคัญของเรา คือ นัฟซู (กิเลส อารมณ์ใฝ่ต่ำ) และซัยตอนมารร้ายที่คอยเตะสกัด หลอกล่อ คอยสกัดกั้นการทำแต้มคะแนนความดีของเราในทุกจังหวะลมหายใจ จงเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และพยายามหลบหลีกเลี่ยงจากหลากวิธีการ หลายกลลวงของมัน และอย่าอยู่ในวังวนกลลวงของมันจนหมดเวลาจบเกมชีวิต
6. การฝึกซ้อม คือ การอิบาดะฮ์ประจำวัน (การปฏิบัติศาสนกิจประจำวัน) : นักฟุตบอลต้องฝึกซ้อมทุกวัน เพื่อรักษาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงและเพิ่มพูนทักษะ เช่นเดียวกัน มุสลิมเองก็ต้อง “ฝึกจิตวิญญาณ” ด้วยการละหมาด ถือศีลอด จ่ายซะกาต และอ่านอัลกุรอาน การปฏิบัติอาม้าลอิบาดะฮ์(การปฏิบัติศาสนกิจประจำวัน) คือการฝึกซ้อมที่จะทำให้หัวใจของเราสงบ มั่นคง แข็งแรง และพร้อมรับการทดสอบในสนามชีวิตจริง ซึ่งบททดสอบของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันตามความสามารถ (เสมือนผู้เล่นฟุตบอลแต่ละตำแหน่ง)
7. เวลาการแข่งขัน คือ อายุขัยของเรา : ทุกเกมมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ชีวิตของเราก็เช่นกัน เรามีเวลาเริ่มต้นตั้งแต่วันที่เกิด และเวลาจะหมดลงในวันสุดท้ายที่ลมหายใจสิ้นสุด คำถามที่เราควรหวนคิดคือ เราจะเล่นเกมชีวิตนี้อย่างไร จะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อเก็บคะแนนสะสมแต้มแห่งความดี หรือจะปล่อยให้หมดเวลาโดยไม่มีผลงานใดๆ เลย อย่าลืมว่า !!! พี่น้องมุสลิมเราหลายคนได้เกมชีวิตไปแล้ว(เสียชีวิตไปแล้ว) แต่เรายังมีเวลามีลมหายใจเหลืออยู่ ดังนั้น จงคิด ใคร่ครวญ ทบทวนเกมชีวิตของเรา
8. ชัยชนะที่แท้จริง คือ สรวงสวรรค์ : ในกีฬาฟุตบอล ชัยชนะคือการได้ถ้วยรางวัล แต่ในศาสนาอิสลาม รางวัลที่ยิ่งใหญ่สูงสุด และไม่ได้มาครอบครองได้ง่ายๆ คือ “อัลญันนะฮ์” หรือสรวงสวรรค์ของอัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา ซึ่งรางวัลนี้ไม่สามารถซื้อได้ด้วยทรัพย์สินเงินทอง ตำแหน่ง หรือชื่อเสียง แต่ได้มาด้วยความศรัทธาที่ถูกต้อง มั่นคง การอดทน และการปฏิบัติความดีตามคำสั่งใช้คำสั่งห้ามของอัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา อย่างต่อเนื่องตลอดเกมชีวิต
บทสรุป : เกมกีฬาฟุตบอลสอนเราเรื่องวินัย การทำงานเป็นทีม ความยุติธรรม และการต่อสู้เพื่อเป้าหมาย เช่นเดียวกันคำสอนของอิสลามได้วางรากฐานและแนวทางการปฏิบัติต่างๆ เหล่านั้นไว้อย่างชัดเจนสมบูรณ์ตลอดการดำเนินชีวิตของเราตั้งแต่เกิดจนตาย เพียงแต่เป้าหมายของเกมชีวิตมุสลิมนั้นยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือ “การได้รับความโปรดปรานและสรวงสวรรค์จากอัลลอฮ์ ซุบฮานาฮูวาตะอาลา”
ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในสนามฟุตบอล หรือในสนามชีวิตมุสลิม จงอย่าลืมว่า !!! ทุกการเคลื่อนไหว ทุกลมหายใจของเรา คือ “เกมแห่งการอิบาดะฮ์” หากเราทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์และอยู่ในกรอบครรลองขอบเขตของศาสนา ฝึกซ้อม ยืนหยัด และต่อสู้อยู่บนแนวทางสัจธรรมอันเที่ยงตรงแห่งอิสลามตราบจนจบเกมชีวิต เราย่อมประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง ชนะทั้งเกมชีวิตในโลกดุนยาอันชั่วคราวและในอาคิเราะห์โลกหน้าอันนิรันดร์