ความสัมพันธ์ระหว่างผู้รู้กับผู้ปกครองในอิสลาม
  จำนวนคนเข้าชม  86

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้รู้กับผู้ปกครองในอิสลาม

 

เรียบเรียงโดย....  อิสมาอีล กอเซ็ม 

 

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก  

 

    ในอิสลามผู้รู้ (العلماء) และ “ผู้ปกครอง” (الحكام) เป็นสองเสาหลักของสังคมมุสลิมที่เกื้อหนุนกัน 

     ผู้รู้ทำหน้าที่ชี้ทางศาสนา ส่วนผู้ปกครองมีหน้าที่ปกป้องศาสนาและนำความรู้ไปใช้บริหารบ้านเมืองอย่างยุติธรรมเมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันด้วยตักวาและความจริงใจ ประชาชาติอิสลามจะเจริญมั่นคง แต่เมื่อแยกจากกัน ความเสื่อมและความแตกแยกย่อมตามมา

 

1. ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ — แบบอย่างของผู้รู้และผู้ปกครองในคนเดียวกัน

 

     ในยุคของท่านนบี ﷺ ทั้ง “ความรู้” และ “อำนาจการปกครอง” อยู่ในคนเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ท่านเป็นผู้รับวะฮ์ยูจากอัลลอฮ์ และเป็นผู้นำทางการเมืองในนครมะดีนะฮ์  ท่านชี้นำผู้คนด้วยความรู้ และปกครองด้วยความยุติธรรม

     อัลลอฮ์ตรัสว่า

“فَاحْكُم بَيْنَهُم بِمَا أَنزَلَ اللَّهُ”

“เจ้าจงตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา” 

(อัลมาอิดะฮ์ 5:49)

     นี่คือรากฐานของการปกครองอิสลามที่แท้จริง คือการปกครองด้วย ความรู้และวะฮ์ยู มิใช่ด้วยอำนาจหรือผลประโยชน์

 

 

2. ยุคคอลีฟะฮ์ทั้งสี่  ความต่อเนื่องของความรู้และอำนาจ

 

     หลังการเสียชีวิตของท่านนบี ﷺ บทบาทของ “ผู้รู้” และ “ผู้ปกครอง” ยังคงรวมอยู่ในตัวผู้นำทั้งสี่ คือ อบูบักร, อุมัร, อุษมาน และอะลี رضي الله عنهم

      อบูบักร อัซศิดดีก ปกครองด้วยความรู้และความถ่อมตน

      อุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏอบ ใช้หลักชะรีอะฮ์เป็นพื้นฐานแห่งความยุติธรรม

      อุษมาน อิบนุ อัฟฟาน เป็นคนอ่อนโยน และมีความสุขุม มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ผลงานที่เด่นๆของท่านคือ การรวบรวมอัลกุรอ่านเป็นรูปเล่มสมบูรณ์แบบ และขยายดินแดนของอิสลาม  

      อะลี อิบนุ อะบีฏอลิบ เป็นนักวิชาการผู้มีปัญญาและยุติธรรม

     ยุคคอลีฟะฮ์ทั้งสี่จึงเป็นแบบอย่างของ “การปกครองด้วยศาสนา” อย่างแท้จริง และถือเป็น ยุคทองของอิสลาม

 

 

3. ยุคต้นราชวงศ์อุมัยยะฮ์  ผู้ปกครองที่มีทั้งความรู้และวิสัยทัศน์

 

     เมื่ออำนาจย้ายมาสู่ราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ท่าน มุอาวียะฮ์ อิบนุ อะบีสุฟยาน رضي الله عنه ยังคงเป็นแบบอย่างของผู้ปกครองที่ผสมผสานทั้งความรู้และการบริหาร ท่านเป็นหนึ่งในผู้บันทึกวะฮ์ยูของท่านนบี ﷺ มีความเข้าใจศาสนาและการเมืองอย่างลึกซึ้ง ปกครองด้วยความอดทน เมตตา และยึดหลักศาสนา ท่านรู้จักปรึกษาผู้รู้และให้เกียรติอุละมาอ์ทุกคน ทำให้บ้านเมืองมั่นคง และศาสนายังคงรุ่งเรือง

 

 

4. ยุคกลางของราชวงศ์อุมัยยะฮ์  จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์

 

     เมื่อเวลาผ่านไป สภาพการปกครองเริ่มเปลี่ยน ผู้นำรุ่นหลังบางคนไม่ได้มีความรู้ศาสนาลึกซึ้งเหมือนรุ่นก่อน ความสนใจในด้านการเมืองและอำนาจเพิ่มขึ้น บทบาทของผู้รู้จึงเริ่มแยกออกจากอำนาจรัฐ

     อย่างไรก็ตาม ผู้นำในยุคนั้นยัง ไม่ละเลยคำสอนของอิสลาม แต่กลับหันไป “ขอคำปรึกษาจากผู้รู้” เพื่อใช้ในการบริหาร 

     กล่าวได้ว่า: “แม้ผู้นำจะไม่ใช่นักวิชาการ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งคำแนะนำจากผู้รู้”

 

 

5. ผู้ปกครองที่ยังอยู่ในกรอบศาสนา

 

     แม้บทบาทของผู้รู้กับผู้ปกครองจะแยกออกจากกัน แต่ผู้นำในยุคนี้ส่วนใหญ่ยังคง ให้เกียรติอุละมาอ์ และ ขอคำปรึกษาในการตัดสินใจ เช่น

      อับดุลมาลิก อิบนุ มัรวาน — ปกครองด้วยหลักศาสนาและปรึกษาผู้รู้

      อุมัร อิบนุ อับดุลอะซีซ — ฟื้นฟูความยุติธรรมและชูบทบาทศาสนาให้กลับคืนมา

      อุมัร อิบนุ อับดุลอะซีซ ถือเป็น “คอลีฟะฮ์ผู้ยุติธรรม” แห่งอุมัยยะฮ์ เพราะเขาแม้ไม่ใช่นักวิชาการใหญ่ แต่ให้ความเคารพผู้รู้ ปรึกษาอุละมาอ์ และยึดมั่นในหลักศาสนาอย่างจริงจัง จนได้รับฉายาว่า “คอลีฟะฮ์คนที่ห้า 

 

          ความสัมพันธ์ระหว่าง “ผู้รู้” และ “ผู้ปกครอง” คือหัวใจของสังคมอิสลาม ตั้งแต่ท่านนบี ﷺ จนถึงยุคอุมัยยะฮ์ตอนกลาง อิสลามได้แสดงให้เห็นว่า —ไม่มีการปกครองที่มั่นคงหากปราศจากความรู้ และ ไม่มีความรู้ที่สมบูรณ์หากไม่ถูกนำไปใช้ในความยุติธรรม

          แม้บางยุคผู้นำจะไม่ใช่นักวิชาการ แต่ตราบใดที่ยังปรึกษาผู้รู้ และยึดหลักศาสนาในการตัดสินใจ สังคมอิสลามก็ยังคงเดินอยู่ในแนวทางแห่งอัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์