
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้รู้กับผู้ปกครองในอิสลาม
เรียบเรียงโดย.... อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
ในอิสลามผู้รู้ (العلماء) และ “ผู้ปกครอง” (الحكام) เป็นสองเสาหลักของสังคมมุสลิมที่เกื้อหนุนกัน
ผู้รู้ทำหน้าที่ชี้ทางศาสนา ส่วนผู้ปกครองมีหน้าที่ปกป้องศาสนาและนำความรู้ไปใช้บริหารบ้านเมืองอย่างยุติธรรมเมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันด้วยตักวาและความจริงใจ ประชาชาติอิสลามจะเจริญมั่นคง แต่เมื่อแยกจากกัน ความเสื่อมและความแตกแยกย่อมตามมา
1. ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ — แบบอย่างของผู้รู้และผู้ปกครองในคนเดียวกัน
ในยุคของท่านนบี ﷺ ทั้ง “ความรู้” และ “อำนาจการปกครอง” อยู่ในคนเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ท่านเป็นผู้รับวะฮ์ยูจากอัลลอฮ์ และเป็นผู้นำทางการเมืองในนครมะดีนะฮ์ ท่านชี้นำผู้คนด้วยความรู้ และปกครองด้วยความยุติธรรม
อัลลอฮ์ตรัสว่า
“فَاحْكُم بَيْنَهُم بِمَا أَنزَلَ اللَّهُ”
“เจ้าจงตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา”
(อัลมาอิดะฮ์ 5:49)
นี่คือรากฐานของการปกครองอิสลามที่แท้จริง คือการปกครองด้วย ความรู้และวะฮ์ยู มิใช่ด้วยอำนาจหรือผลประโยชน์
2. ยุคคอลีฟะฮ์ทั้งสี่ ความต่อเนื่องของความรู้และอำนาจ
หลังการเสียชีวิตของท่านนบี ﷺ บทบาทของ “ผู้รู้” และ “ผู้ปกครอง” ยังคงรวมอยู่ในตัวผู้นำทั้งสี่ คือ อบูบักร, อุมัร, อุษมาน และอะลี رضي الله عنهم
♥ อบูบักร อัซศิดดีก ปกครองด้วยความรู้และความถ่อมตน
♥ อุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏอบ ใช้หลักชะรีอะฮ์เป็นพื้นฐานแห่งความยุติธรรม
♥ อุษมาน อิบนุ อัฟฟาน เป็นคนอ่อนโยน และมีความสุขุม มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ผลงานที่เด่นๆของท่านคือ การรวบรวมอัลกุรอ่านเป็นรูปเล่มสมบูรณ์แบบ และขยายดินแดนของอิสลาม
♥ อะลี อิบนุ อะบีฏอลิบ เป็นนักวิชาการผู้มีปัญญาและยุติธรรม
ยุคคอลีฟะฮ์ทั้งสี่จึงเป็นแบบอย่างของ “การปกครองด้วยศาสนา” อย่างแท้จริง และถือเป็น ยุคทองของอิสลาม
3. ยุคต้นราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ผู้ปกครองที่มีทั้งความรู้และวิสัยทัศน์
เมื่ออำนาจย้ายมาสู่ราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ท่าน มุอาวียะฮ์ อิบนุ อะบีสุฟยาน رضي الله عنه ยังคงเป็นแบบอย่างของผู้ปกครองที่ผสมผสานทั้งความรู้และการบริหาร ท่านเป็นหนึ่งในผู้บันทึกวะฮ์ยูของท่านนบี ﷺ มีความเข้าใจศาสนาและการเมืองอย่างลึกซึ้ง ปกครองด้วยความอดทน เมตตา และยึดหลักศาสนา ท่านรู้จักปรึกษาผู้รู้และให้เกียรติอุละมาอ์ทุกคน ทำให้บ้านเมืองมั่นคง และศาสนายังคงรุ่งเรือง
4. ยุคกลางของราชวงศ์อุมัยยะฮ์ จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์
เมื่อเวลาผ่านไป สภาพการปกครองเริ่มเปลี่ยน ผู้นำรุ่นหลังบางคนไม่ได้มีความรู้ศาสนาลึกซึ้งเหมือนรุ่นก่อน ความสนใจในด้านการเมืองและอำนาจเพิ่มขึ้น บทบาทของผู้รู้จึงเริ่มแยกออกจากอำนาจรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผู้นำในยุคนั้นยัง ไม่ละเลยคำสอนของอิสลาม แต่กลับหันไป “ขอคำปรึกษาจากผู้รู้” เพื่อใช้ในการบริหาร
กล่าวได้ว่า: “แม้ผู้นำจะไม่ใช่นักวิชาการ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งคำแนะนำจากผู้รู้”
5. ผู้ปกครองที่ยังอยู่ในกรอบศาสนา
แม้บทบาทของผู้รู้กับผู้ปกครองจะแยกออกจากกัน แต่ผู้นำในยุคนี้ส่วนใหญ่ยังคง ให้เกียรติอุละมาอ์ และ ขอคำปรึกษาในการตัดสินใจ เช่น
♥ อับดุลมาลิก อิบนุ มัรวาน — ปกครองด้วยหลักศาสนาและปรึกษาผู้รู้
♥ อุมัร อิบนุ อับดุลอะซีซ — ฟื้นฟูความยุติธรรมและชูบทบาทศาสนาให้กลับคืนมา
♥ อุมัร อิบนุ อับดุลอะซีซ ถือเป็น “คอลีฟะฮ์ผู้ยุติธรรม” แห่งอุมัยยะฮ์ เพราะเขาแม้ไม่ใช่นักวิชาการใหญ่ แต่ให้ความเคารพผู้รู้ ปรึกษาอุละมาอ์ และยึดมั่นในหลักศาสนาอย่างจริงจัง จนได้รับฉายาว่า “คอลีฟะฮ์คนที่ห้า
ความสัมพันธ์ระหว่าง “ผู้รู้” และ “ผู้ปกครอง” คือหัวใจของสังคมอิสลาม ตั้งแต่ท่านนบี ﷺ จนถึงยุคอุมัยยะฮ์ตอนกลาง อิสลามได้แสดงให้เห็นว่า —ไม่มีการปกครองที่มั่นคงหากปราศจากความรู้ และ ไม่มีความรู้ที่สมบูรณ์หากไม่ถูกนำไปใช้ในความยุติธรรม
แม้บางยุคผู้นำจะไม่ใช่นักวิชาการ แต่ตราบใดที่ยังปรึกษาผู้รู้ และยึดหลักศาสนาในการตัดสินใจ สังคมอิสลามก็ยังคงเดินอยู่ในแนวทางแห่งอัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์