คนหลังฉาก
ในแวดวงการแสดงไม่ว่าจะเป็นละคร หรือภาพยนตร์ ฯลฯ ผู้กำกับการแสดง ถือว่า เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างใหญ่หลวง ที่จะทำให้การแสดงนั้นประสบกับความสำเร็จ คุณภาพดี มีมาตรฐาน บุคคลผู้นี้ได้ชื่อว่า "คนหลังฉาก" ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก ซึ่งผิดกับดาราทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระเอก นางเอก ดาวร้าย ตัวตลก หรือตัวประกอบ ย่อมเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไป
ภาพลักษณ์นี้ เปรียบได้ด้วยกับครู ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่ศิษย์ ทำให้เขามีความรู้แก่กล้า เป็นนักพูด เป็นนักเขียน นักปราศรัย มีความอาจหาญในการนำเสนอข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน ครูบางคนอาจไม่มีใบรับรองคุณวุฒิ ไม่มีประกาศนียบัตร ไม่มีปริญญา ไม่มีใบรับรองความเชี่ยวชาญ ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ในวงสังคม ไม่ใช่นักเขียน นักพูด นักปราศรัย ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สมถะ ไม่มีชื่อเสียง ไม่เป็นที่รู้จัก แต่ท่านเหล่านั้นกลับผลักดันลูกศิษย์ให้มีความรู้ ความสามารถต่อยอดการศึกษาในระดับสูง บางคนจบปริญญาตรี โท เอก มีบทบาททางสังคมและมีชื่อเสียง ผู้ที่มีคณูปการเหล่านี้มีจำนวนมากซึ่งน้อยคนจะเป็นที่รู้จัก
การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับลูกศิษย์ในอดีต ครูจะมีความเอ็นดู เมตตาศิษย์ มีความห่วงใย โดยปราถนาให้ลูกศิษย์ได้รับความรู้ มีคุณธรรม จริยธรรม บรรดาลูกศิษย์จะมีความสำนึกในบุญคุณ ด้วยการขอดุอาร์ให้พระองค์อัลลอฮ์ คุ้มครองครูให้ได้รับความสุข มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง จึงทำให้เกิดความบะรอกัต(ความจำเริญ) จึงทำให้เกิดสันติสุขทั่วไป มารยาทเช่นนี้เป็นมารยาทที่ดีของชาวสลัฟศอและห์ ได้ยึดถือเป็นแบบอย่างกับชนรุ่นหลังๆ นับตั้งแต่บรรดาศอฮาบะฮ์เป็นต้นมา
อิบนุ มาณะฮ์ อัลกินานีย์ กล่าวว่า
"ผู้ศึกษาความรู้พึงทราบเถิด การมีความถ่อมตนต่อครูของเขา จะทำให้เขามีเกรียติ การแสดงความนอบน้อมต่อคนทั้งหลาย จะทำให้เขาได้รับการยกย่อง จำเป็นผู้ที่ศึกษาหาความรู้จะต้องมองครูด้วยสายตาแห่งความเคารพ แท้จริง การกระทำดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากที่สุด ชาวสลัฟบางคน เมื่อเข้าไปหาครูของเขา เขามักจะมีของฝากและกล่าวขอดุอาร์ว่า "โอ้ อัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงปกปิดส่วนบกพร่องของครูของฉัน และขอพระองค์อย่าได้ทรงให้บะรอกัต(ความจำเริญ)ในความรู้ของเขาหายไปจากฉัน""
อัชชะอบีย์เล่าว่า ท่านเซด อิบนุ ซาบิต ได้ละหมาดญานะซะฮ์หนึ่ง เมื่อมีการนำลาของเขามาใกล้ท่าน เพื่อท่านจะขึ้นขี่ ท่านอิบนุ อับบาส จึงเข้าไปจับที่ใส่เท้าของท่านเซด ท่านเซด กล่าวว่า
"โอ้ บุตรของลุงของท่านเราะซูลลุลลอฮ์ ท่านจงปล่อยเถิด"
ท่านอิบนุ อับบาส กล่าวว่า
"ดังนี้แหละ เป็นการปฏิบัติต่อผู้ทรงความรู้และผู้อาวุโส"
ท่านอิบนุ อับบาส กล่าวว่า
"ฉันถ่อมตนในฐานะผู้เรียนรู้ ทำให้ฉันได้รับเกรียติในฐานะผู้มีความรู้"
นี่คือมารยาทของ อิบนุอับบาส ที่ปฏิบัติกับบรรดาผู้มีความรู้ โดยเหตุนี้ พระองค์อัลลอฮ์ จึงทำให้บรรดาผู้เรียนรู้ และผู้ดำเนินตามท่านปฏิบัติกับท่าน โดยมีมารยาทและความอ่อนน้อม กับท่าน
ตัวอย่างเช่น มุญาฮิด อิกริมะฮ์ นาฟิอ์ และคนอื่นๆ อิมามชาฟีอีย์ ก็เป็นตัวอย่างเกี่ยวกับการมีมารยาทกับบรรดาครูของท่าน
อิมามอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล ได้ขอดุอาร์ให้แก่อิมามชาฟิอีย์ ทุกละหมาดของท่าน เป็นเวลา 40 ปี ลูกชายของท่านได้ยินเช่นนั้นจึงถามท่านว่า
"ใคร คือ ชาฟิอีย์ ? ที่ท่านเจาะจงขอดุอาร์ให้แก่เขาทุกเวลาละหมาด"
อิมาม อะหมัด อิบนุ ฮัมบัล ตอบว่า
"ชาฟิอีย์ เปรียบได้กับดวงอาทิตย์สำหรับโลกดุนยา เป็นเสมือนผู้บำบัดรักษาแก่มวลมนุษย์ และจะมีอะไรเล่าที่จะดีไปกล่าวสิ่งทั้งสอง"
จากตัวอย่างจะได้เห็นถึงการแสดงมุทิตาจิต ของผู้ที่เป็นศิษย์ ชาวสลัฟซอและห์ ! ได้ปฏิบัติต่อผู้เป็นครู ไม่มีศิษย์คนใดที่จะขอให้ครูมีอันเป็นไป
จิตสำนึกของผู้เป็นครูโดยทั่วไป คือการมีความเป็นห่วง มีความเอื้ออาทรแก่ผู้เป็นศิษย์ มีจิตใจหวังเพียงให้ศิษย์ได้ดี เป็นผู้มีความเจริญก้าวหน้าทางความรู้ ตำแหน่งหน้าที่ เกรียติยศ ชื่อเสียง ครูก็แอบปลาบปลื้มยินดี แต่หากศิษย์ผิดพลาด สิ้นหวัง ท้อแท้ ครูจะแนะนำทางออกให้ ปลอบใจแก่ศิษย์ ไม่มีครูคนใดที่เจตนาร้ายต่อลูกศิษย์
แต่ลูกศิษย์บางคน กลับมองในแง่ลบ กล่าวหาครูว่ามีวิสัยทัศน์แคบ ดูหมิ่น ดูแคลน บางทีถึงขั้นหยิ่งผยอง โดยคิดว่าความรู้ที่ตนมีอยู่ เป็นผลจากการอุตสาหะขวนขวายด้วยตนเอง ความรู้ของครูไม่สามารถเทียบได้กับความรู้ของเขา ความรู้ของเขามีมากมายมหาศาล กลายเป็นว่า ครูเป็นตาแก่ที่ไร้คุณค่า เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเขาเอง โดยที่เขาลืมไปว่า คนที่เขาดูถูกเหยียดหยาม กร่นด่า สาปแช่ง อาฆาตมาดร้าย ครั้งหนึ่ง คือ คนที่ปั้นเศษดินให้เป็นดาวขึ้นมาด้วยมือของตาแก่ไร้ค่าที่ชื่อว่าเป็น "ครู"
การมีความเห็นไม่ลงกันระหว่าลูกศิษย์กับครู ย่อมเกิดขึ้นได้ เพราะครูไม่ใช่ผู้ที่ปราศจากความผิดพลาด และลูกศิษย์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีผู้ใด นอกจากท่านเราะซูลลุลลอฮ์ ดังนั้นมุสลิม จะต้องปฏิบัติตามฮะดิษที่ว่า
"ลูกหลานของอาดัมทุกคน ย่อมมีความผิดพลาด และผู้ผิดพลาดที่ดีที่สุดนั้น คือ ผู้กลับตัว "(บันทึกโดย อัตตริมีซีย์ , อิบนุ มาญะฮ์ ในสำนวนใกล้เคียงกัน จากท่านอนัส)
บรรดาซอฮาบะฮ์ มีความเห็นแตกต่างกัน ในบางครั้ง แต่ท่านเหล่านั้นจะให้เกรียติซึ่งกันและกัน อิมามชาฟอีย์ เป็นลูกศิษย์ของอิมามมาลิก อิมามอิบนุ ฮัมบัล เป็นลูกศิษย์ของอิมามชาฟิอีย์ ท่านเหล่านั้นมีความเห็นแตกต่างกันในหลายประเด็นปัญหา ผู้เป็นครูและลูกศิษย์ได้แสดงความเห็นเป็นเหตุเป็นผล ปราศจากอารมณ์ และมิจฉาทิฐิ จนประทุเป็นการปรามาส ผรุสวาท
นักวิชาการในอดีต มีความเห็นแตกต่างกันในบางครั้ง ได้แสดงความเห็นเป็นเหตุเป็นผล ด้วยการเรียบเรียงเป็นตำราทางวิชาการ ปราศจากการใช้คำพูดส่อเสียด คำที่ไม่เหมาะสม การก้าวร้าว ไม่ทำให้เกิดการแตกแยกระหว่างครูและศิษย์
สิ่งที่จะกล่าวในตอนท้ายสุด คือ ไม่ปรากฏว่า ครูคนใดที่เรียกร้อง หรือทวงวิชาความรู้จากลูกศิษย์ แม้ว่าลูกศิษย์บางคนจะไม่ยอมรับการเป็นครู สิ่งที่เป็นสัจธรรมคือ ลูกกับพ่อแม่ ทางด้านพฤตินัย ไม่สามารถตัดขาดจากกันได้ ฉันใด ลูกศิษย์ก็ไม่สามารถตัดขาดจากครูได้ฉันนั้น แม้ว่า ลูกศิษย์จะเปล่งวาจาออกมาเช่นใดก็ตาม...
โดย อ.มุนีร มูหะหมัด
รองประธาน มูลนิธิชี้นำสู่สันติสุข / อาจารย์ รร.ศาสนิทยา ศาสนบริหารธุรกิจ และอีกหลายสถาบัน