ดุอาอฺอิสติฟตาหฺในละหมาด
  จำนวนคนเข้าชม  93

ดุอาอฺอิสติฟตาหฺในละหมาด

 

อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา 

 

     ดุอาอฺอิสติฟตาหฺ คือ ดุอาอ์ที่อ่านตอนเริ่มต้นหลังจากการตักบีเราะตุลอิหฺรอมคือการเปิดในทุกละหมาด ไม่ว่าจะเป็น ฟัรฎูหรือสุนนะฮ์ 

 

     อิมามนะวะวีย์ กล่าวว่า: “ส่วนการอ่านดุอาอ์อิสติฟตาหฺ นั้น นักวิชาการส่วนใหญ่ ทั้งเศาะหาบะฮ์ ตาบิอีน มีความเห็นว่าการอ่านดุอาอฺอิสติฟตาหฺในละหมาดนั้นเป็นซุนนะฮ์ (เป็นที่ส่งเสริมให้กระทำ) และไม่เป็นที่รู้ว่ามีใครคัดค้านในเรื่องนี้ นอกจากอิมามมาลิกซึ่งท่านเห็นว่า ไม่ควรอ่านดุอาอฺอิสติฟตาหฺในละหมาด 

     และไม่ควรกล่าวอะไรระหว่างตักบีเราะตุลอิหฺรอมกับอัลฟาติฮะฮ์เลย แต่ให้กล่าวว่า ‘อัลลอฮุอักบัร’ แล้วอ่าน ‘อัลฮัมดุลิลลาฮิ ร็อบบิลอาละมีน’ จนจบอัลฟาติฮะฮ์” 

( อัลมัจญ์มูอ์ 3/321)

 

     อิบนุ กุดามะฮ์ กล่าวว่า: “โดยสรุปแล้ว การอ่านดุอาอ์อิสติฟตาหฺในละหมาดเป็นหนึ่งในซุนนะฮ์ของการละหมาด ตามความเห็นของนักวิชาการส่วนใหญ่ แต่ท่านมาลิกไม่เห็นด้วย ท่านเห็นว่าให้กล่าวตักบีรแล้วอ่าน (อัลฟาติฮะฮ์) ได้เลย เพราะมีรายงานจากท่านอะนัส กล่าวว่า:

     ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และอบูบักรฺ และอุมัรฺ เริ่มละหมาดด้วยคำว่า อัลฮัมดุลิลลาฮิ ร็อบบิลอาละมีน’”

(หนังอัลมุฆนี 1/341)

 

 

 สรุปประเด็นสำคัญ:

 

นักวิชาการส่วนมากเห็นว่า ซุนนะฮ์ให้อ่านดุอาอ์อิสติฟตาหฺก่อนเริ่มสุเราะห์อัลฟาติฮะฮ์

ท่านอิมามมาลิกมีความเห็นต่าง: ไม่อ่านดุอาอ์อิสติฟตาหฺในละหมาด แต่เริ่มด้วยอัลฟาติฮะฮ์เลย

มีหะดีษจากท่านอะนัสสนับสนุนทัศนะของมาลิกว่า ท่านนบีและเคาะลีฟะฮ์ทั้งสองเริ่มด้วยอัลฟาติฮะฮ์

      ความเห็นของนักวิชาการที่มากที่สุด (ญุมฮูร) คือ ซุนนะฮ์ให้กล่าวดุอาอ์อิสติฟตาหฺ แต่ถ้าไม่กล่าวก็ไม่เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่รุก่นของละหมาด

 

ท่านเชคบินบาซได้กล่าวว่า: “ซุนนะฮ์ในการกล่าวดุอาอฺอิสติฟตาหฺในทุกละหมาดว่า

‘سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ وَبِحَمْدِكَ، وَتَبَارَكَ اسْمُكَ، وَتَعَالَى جَدُّكَ، وَلَا إِلٰهَ غَيْرُكَ’

     ไม่ว่าจะเป็นละหมาดตะรอวีย์หรือละหมาดอื่น ๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าส่งเสริม (มุสตะฮับ) ถ้าไม่อ่านก็ไม่เป็นไร แต่การอ่านเป็นสิ่งที่ดี หลังจากตักบีเราะตุลอิหฺรอมในแต่ละครั้งของการละหมาด เขาจะกล่าวว่า ‘سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ’ เพราะเป็นดุอาอ์เปิดที่สั้น ถ้าจะใช้ดุอาอ์เปิดบทอื่นที่มีรายงานถูกต้องจากท่านนบี ﷺ ก็ไม่เป็นไรเช่นกัน”

 (ฟะตาวา นูร อะลัดดัรบ์ 10/15)

 

     ท่านเชคอิบนุอุษัยมีน กล่าวว่า:ดุอาอฺอิสติฟตาหฺนั้นเป็นสิ่งที่ศาสนาได้กำหนดไว้ เมื่อใดที่ท่านตักบีเราะตุลอิหฺรอมในการละหมาดฟัรฎูหรือละหมาดสุนนะฮ์ ก็ให้กล่าวดุอาอฺอิสติฟตาหฺ”

 

     คณะกรรมการถาวรฟัตวาซาอุเดียอารเบีย กล่าวว่า:“ไม่เพียงพอที่จะกล่าวดุอาอฺอิสติฟตาหฺในละหมาดตะรอวีย์เพียงครั้งเดียวในร็อกอะฮ์แรก แล้วละทิ้งส่วนที่เหลือ แต่ควรกล่าวดุอาอฺอิสติฟตาหฺในทุกสองร็อกอะฮ์ เช่นเดียวกับละหมาดฟัรฎู เพราะท่านนบี ﷺ เคยกล่าวดุอาอฺอิสติฟตาหฺในการละหมาดกลางคืนซึ่งเป็นสุนนะฮ์ และโดยหลักทั่วไป ละหมาดสุนนะฮ์ก็เช่นเดียวกับละหมาดฟัรฎู เว้นแต่มีหลักฐานเจาะจงเป็นข้อยกเว้น

     เพราะท่านนบี ﷺ กล่าวว่า: ‘จงละหมาดอย่างที่พวกท่านเห็นฉันละหมาด’และละหมาดตะรอวีย์ก็อยู่ในหลักการเดียวกัน เช่นเดียวกับละหมาดสุนนะฮ์อื่น ๆ เช่น ละหมาดรอวาติบ  ละหมาดดุฮา เป็นต้น”  

(ฟัตวาคณะกรรมการถาวร กลุ่มที่สอง 5/313)

 

 

ดุอาอฺอิสติฟตาหฺในละหมาดมีหลายสำนวนดังนี้ :

 

สำนวนที่ 1

 

 اللَّهمَّ باعِدْ بَيْني وبَيْن خَطايايَ كما باعَدْتَ بَيْنَ المشرِقِ والمغرِبِ اللَّهمَّ نقِّني مِن الخَطايا كما يُنقَّى الثَّوبُ الأبيضُ مِن الدَّنَسِ اللَّهمَّ اغسِلْني مِن خَطايايَ بالماءِ والثَّلجِ والبَرَدِ 

 

     คำอ่าน : อัลลอฮุมมะ บาอิด บัยนี วะ บัยนะ เคาะฏอยายา กะมา บาอัดตะ บัยนัล มัชริกิ วัล มัฆริบ, อัลลอฮุมมะ นักกินี มินัล เคาะฏอยาpk กะมา ยุนักก็อษ เษาบุล อับยะฎุ มินัดดะนัส, อัลลอฮุมมัฆสิลนี มิน เคาะฏอยายา บิษ ษัลญิ วัลมาอิ วัลบะร็อด

 

     ความหมาย : “โอ้ อัลลอฮฺขอทรงแยกระหว่างข้าพระองค์และบาปของข้าพระองค์ให้ห่าง เหมือนที่ทรงแยกทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ขอทรงชำระข้าพระองค์ให้บริสุทธิ์จากความผิดของข้าพระองค์เหมือนผ้าขาวที่ถูกชำระจนบริสุทธิ์จากความสกปรก ขอพระองค์ทรงล้างข้าพระองค์จากความผิดทั้งหลายของข้าพระองค์ด้วยหิมะ น้ำ และลูกเห็บ” 

     (บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)  สำนวนนี้อยู่ในสายรายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

 

สำนวนที่ 2

 

اللهُ أَكْبَرُ كَبِيراً، وَالحَـمْدُ للهِ كَثِيراً، وَسُبْـحَانَ اللهِ بُكْرَةً وَأَصِيلاً

 

     คำอ่าน : อัลลอฮุ อักบะรุ กะบีรอ, วัลหัมดุลิลลาฮิ กะษีรอ, วะ สุบหานัลลอฮิ บุกเราะตัน วะ อะศีลา

 

     ความหมาย : อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด มวลการสรรเสริญอันมากมายเป็นสิทธิแห่งพระองค์ และทรงบริสุทธิ์ยิ่งทั้งในยามเช้าและยามเย็น  

     (บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม)  สำนวนนี้อยู่ในสายรายงานจากท่านอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา

 

สำนวนที่ 3

 

سُبْـحَانَكَ اللَّهُـمَّ وَبِـحَـمْدِكَ، وَتَـبَارَكَ اسْمُكَ، وَتعَالَى جَدُّكَ، وَلا إلَـهَ غَيْرُكَ

 

     คำอ่าน : สุบหานะกัลลอฮุมมะ วะบิหัมดิกา วะตะบาเราะกัสมุกะ วะตะอาลาญัดดุกะ วะลาอิลาฮะฆัยรุก  

 

     ความว่า : มหาบริสุทธ์ยิ่งพระผู้อภิบาลแห่งเรา เราขอสรรเสริญพระองค์ จำเริญยิ่งแล้วพระนามของพระองค์ สูงส่งยิ่งแล้วบารมีของพระองค์ และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์  

     (บันทึกโดยอบูดาวูด) สำนวนนี้อยู่ในสายรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา

 

สำนวนที่ 4  

 

الحَـمْدُ للهِ حَـمْداً كَثِيراً طَيِّباً مُبَارَكاً فِيْـه

 

     คำอ่าน : อัลหัมดุลิลลาฮิ หัมดัน กะษีร็อน ฏ็อยยิบัน มุบาเราะกัน ฟีฮฺ

 

     ความหมาย : ขอสรรเสริญอัลลอฮฺ ด้วยการสรรเสริญที่มากมาย ดียิ่ง และประเสริฐยิ่ง  

     (บันทึกโดยมุสลิม)  สำนวนนี้อยู่ในสายรายงานจากท่านอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

 

สำนวนที่ 5          

 

 وَجَّهْتُ وَجْهِيَ لِلَّذِي فَطَرَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ حَنِيفًا وَمَا أَنَا مِنَ الْمُشْرِكِينَ ، إِنَّ صَلَاتِي وَنُسُكِي وَمَحْيَايَ وَمَمَاتِي لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ ، لَا شَرِيكَ لَهُ وَبِذَلِكَ أُمِرْتُ وَأَنَا أَوَّلُ الْمُسْلِمِينَ 

 

     คำอ่าน : วัจจะหฺตุ วัจฮิยะ ลิลละซี ฟะฏ่อร็อสสะมาวาติวัลอัรเฎาะ หะนีฟัน มุสลิมัน วะมาอะนะมินัลมุชริกีน, อินนะศ่อลาตี วะนุสุกี วะมะหฺยาย่ะ วะมะมาตี ลิลลาฮิ ร็อบบิลอาละมีน, ลาชะรีกะละฮู วะบิซาลิกะ อุมิรตุ วะอะนะ เอาวะลุลมุสลิมีน

 

     ความหมาย : ข้าพระองค์ ได้ผินใบหน้าของข้าพระองค์มุ่งยังผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและพิภพ ในฐานะผู้น้อมรับความจริง และผู้นอบน้อม และข้าพระองค์มิได้เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ตั้งภาคี, แท้จริงการละหมาดของข้าพระองค์ การทำอิบาดะฮฺหรือเชือดสัตว์ของข้าพระองค์ การชีวิตของข้าพระองค์ และการตายของข้าพระองค์ ล้วนแล้วแต่เพื่ออัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าองค์เดียวแห่งจักรวาล ไมมีผู้ใดเป็นภาคีกับพระองค์ โดยสิ่งเหล่านั้น ข้าพระองค์ถูกบัญชาใช้ไว้ และข้าพระองค์จะเป็นคนแรกในหมู่มุสลิม 

(ซูเราะฮฺ อัลอันอาม)  

     (บันทึกโดยอิมามมุสลิม อะหมัด อิบนุฮิบบาน อันนะซาอี)  สำนวนนี้อยู่ในสายรายงานจากท่าน อาลี บิน อบีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

 

สำนวนที่ 6               

 

 وَجَّهْتُ وَجْهِيَ لِلَّذِي فَطَرَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ حَنِيفًا وَمَا أَنَا مِنَ الْمُشْرِكِينَ ، إِنَّ صَلَاتِي وَنُسُكِي وَمَحْيَايَ وَمَمَاتِي لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ ، لَا شَرِيكَ لَهُ وَبِذَلِكَ أُمِرْتُ وَأَنَا أَوَّلُ الْمُسْلِمِينَ 

 

     คำอ่าน : วัจจะหฺตุ วัจฮิยะ ลิลละซี ฟะฏ่อร็อสสะมาวาติวัลอัรเฎาะ หะนีฟัน มุสลิมัน วะมาอะนะมินัลมุชริกีน, อินนะศ่อลาตี วะนุสุกี วะมะหฺยาย่ะ วะมะมาตี ลิลลาฮิ ร็อบบิลอาละมีน, ลาชะรีกะละฮู วะบิซาลิกะ อุมิรตุ วะอะนะ เอาวะลุลมุสลิมีน

 

     ความหมาย : ข้าพระองค์ ได้ผินใบหน้าของข้าพระองค์มุ่งยังผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและพิภพ ในฐานะผู้น้อมรับความจริง และผู้นอบน้อม และข้าพระองค์มิได้เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ตั้งภาคี, แท้จริงการละหมาดของข้าพระองค์ การทำอิบาดะฮฺหรือเชือดสัตว์ของข้าพระองค์ การชีวิตของข้าพระองค์ และการตายของข้าพระองค์ ล้วนแล้วแต่เพื่ออัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าองค์เดียวแห่งจักรวาล ไมมีผู้ใดเป็นภาคีกับพระองค์ โดยสิ่งเหล่านั้น ข้าพระองค์ถูกบัญชาใช้ไว้ และข้าพระองค์จะเป็นคนแรกในหมู่มุสลิม 

(ซูเราะฮฺ อัลอันอาม)  

(บันทึกโดยอิมามมุสลิม อะหมัด อิบนุฮิบบาน อันนะซาอี)

 

اللهُمَّ أَنْتَ الْمَلِكُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنْتَ، أَنْتَ رَبِّي وَأَنَا عَبْدُكَ، ظَلَمْتُ نَفْسِي، وَاعْتَرَفْتُ بِذَنْبِي فَاغْفِرْ لِي ذُنُوبِي جَمِيعًا، إنهُ لَا يَغْفِرُ الذُّنُوبَ إِلَّا أَنْتَ، 

 

     คำอ่าน : อัลลอฮุมมะ อันตัลมะลิกุ ลาอิลาหะ อิลลาอันตะ, อันตะร็อบบี วะอะนะ อับดุกะ, ซ่อลัมตุ นัฟซี, วะอฺตะร็อฟตุ บิซัมบี, ฟัฆฟิรลี ซุนูบี จะมีอัน, อินนะฮู ลายัฆฟิรุซซุนูบะ อิลลาอันตะ

 

     ความหมาย : โอ้อัลลอฮฺ พระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอำนาจ ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์, พระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเป็นบ่าวของพระองค์ท่าน, ข้าพเจ้าได้อธรรมต่อตัวของข้าพเจ้าเอง, และสารภาพในความผิดของข้าพเจ้า, ดังนั้น ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้แก่ข้าพเจ้าในความผิดของข้าพเจ้าทั้งปวง, แท้จริง ไม่มีใครจะอภัยในความผิดของข้าพเจ้า นอกจากพระองค์ท่านเท่านั้น

 

وَاهْدِنِي لِأَحْسَنِ الْأَخْلَاقِ لَا يَهْدِي لِأَحْسَنِهَا إِلَّا أَنْتَ، وَاصْرِفْ عَنِّي سَيِّئَهَا لَا يَصْرِفُ سَيِّئَهَا إِلَّا أَنْتَ، لَبَّيْكَ وَسَعْدَيْكَ ، وَالْخَيْرُ كُلُّهُ بِيَدَيْكَ والشَّرُّ ليس إليكَ ، أَنَا بِكَ وَإِلَيْكَ، تَبَارَكْتَ وَتَعَالَيْتَ، أَسْتَغْفِرُكَ وَأَتُوبُ إِلَيْك 

 

      คำอ่าน : วะหฺดินี ลิอะหฺสะนัลอัคลากิ ลายะหฺดี ลิอะหฺสะนิฮา อิลลา อันตะ, วัศริฟอันนี ซัยยิอัลอัคล้ากิ ลายัศริฟุ ซัยยิอะฮา อิลลาอันตะ, ลับบัยกะ วะซะอฺดัยกะ, วัลค็อยรุกุลลุฮู บิยะดัยกะ วัชชัรรุ ลัยสะอิลัยกะ, วัลมะหฺดียุ มันหะดัยตะ, ตะบาร็อกตะ วะตะอาลัยตะ, อัสตัฆฟิรุกะ วะอะตูบุอิ ลัยกฺ 

 

     ความหมาย : และขอต่อพระองค์ได้โปรดให้ทางนำแก่ข้าพเจ้าให้มีมารยาทที่สวยงาน ซึ่งมารยาทที่สวยงามนั้น ไม่มีใครจะให้ทางนำได้นอกจากพระองค์ท่าน, 

     และขอพระองค์ท่านได้โปรดให้ข้าพเจ้าห่างไกลจากมารยาทที่เลวทราม ซึ่งมารยาทที่เลวทรามนั้น ไม่มีใครจะให้ข้าพเจ้าห่างไกลจากมันได้ นอกจาพระองค์ท่าน, 

     ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะรับคำบัญชาของพระองค์ท่าน และความสงบสุขของข้าพเจ้าขึ้นอยู่การนอบน้อมต่อพระองค์ท่าน, และความดีทั้งปวงย่อมอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์ท่าน  

     ความเลวร้ายทั้งปวงย่อมไม่ขึ้นอยู่กับพระองค์ท่าน, ข้าพเจ้าอยู่ด้วยการคุ้มครองของพระองค์ท่าน และข้าพเจ้าย่อมกลับสู่พระองค์ท่าน, มหาจำเริญแด่พระองค์ท่านเท่านั้น 

     พระองค์ท่านเป็นผู้ทรงสูงส่ง, ข้าพเจ้าขออภัยโทษต่อพระองค์ท่าน และขอน้อมกลับตัวต่อพระองค์ท่าน  

     (บันทึกโดยมุสลิม)  สำนวนนี้อยู่ในสายรายงานจากท่าน อาลี บิน อบีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

     อิบนุล ก็อยยิม กล่าวว่าในหนังสือ ซาดุลมะอาด : ท่านนบี ﷺ จะอ่านตอนละหมาดยามค่ำคืน (กิยามุลลัยล์) เท่านั้น’”

 

สำนวนที่ 7 

 

     บทนี้ท่านนบีมักใช้ในละหมาดกลางคืน

 

اللَّهُمَّ رَبَّ جِبْرَائِيلَ، وَمِيكَائِيلَ، وإسْرَافِيلَ، فَاطِرَ السَّمَوَاتِ وَالأرْضِ، عَالِمَ الغَيْبِ وَالشَّهَادَةِ، أَنْتَ تَحْكُمُ بيْنَ عِبَادِكَ فِيما كَانُوا فيه يَخْتَلِفُونَ، اهْدِنِي لِما اخْتُلِفَ فيه مِنَ الحَقِّ بإذْنِكَ؛ إنَّكَ تَهْدِي مَن تَشَاءُ إلى صِرَاطٍ مُسْتَقِيمٍ.

 

     คำอ่าน : อัลลอฮุมมะ ร็อบบะ ญิบรีล วะ มีกาอีล วะ อิสรอฟีล, ฟาฏิร็อส สะมาวาติ วัลอัรฎิ, อาลิมัล ฆ็อยบิ วัช ชะฮาดะฮฺ, อันตะ ตะห์กุมุ บัยนะ อิบาดิกะ ฟีมา กานู ฟีฮิ ยัคตะลิฟูน, อิฮดินี ลิมัคตุลิฟะฟีฮิ มินัลฮักกิ บิอิซนิก, อินนะกะ ตะฮฺดี มัน ตะชาอุ อิลา ศิรอฏิม มุสตะกีม” 

 

     ความหมาย : “โอ้ อัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งญิบรีล มิกาอีล และอิสรอฟีล ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน ผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่เร้นลับและเปิดเผย พระองค์คือผู้ตัดสินระหว่างบ่าวทั้งหลายของพระองค์ในเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกัน ขอทรงชี้ทางข้าพระองค์สู่ความถูกต้องในเรื่องที่มีการขัดแย้งนั้นด้วยการอนุญาตแห่งพระองค์ด้วยเถิด แท้จริง พระองค์ทรงชี้ทางผู้ที่ทรงประสงค์สู่ทางอันเที่ยงตรง” 

     (โดยมุสลิม นาซาอีย์ ) สำนวนนี้อยู่ในสายรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา

 

สำนวนที่ 8  

 

اللَّهُ أَكْبَرُ كَبِيرَاً، اللَّهُ أَكْبَرُ كَبِيراً، اللَّهُ أَكْبَرُ كَبِيراً، وَالْحَمْدُ لِلَّهِ كَثيراً، وَالْحَمْدُ لِلَّهِ كَثيراً، وَالْحَمْدُ لِلَّهِ كَثيراً، وَسُبْحَانَ اللَّهِ بُكْرَةً وَأَصِيلاً

أَعُوذُ بِاللَّهِ مِنَ الشَّيْطَان مِنْ نَفْخِهِ، وَنَفْثِهِ، وَهَمْزِهِ

 

     คำอ่าน : อัลลอฮุ อักบะรุ กะบีรอ (3 ครั้ง)   วะลฮัมดุลิลลาฮิ กะซีรอ (3 ครั้ง)  วะซุบฮานัลลอฮิ บุกรอตัน วะอะศีลา (3 ครั้ง)  อะอูซุบิลลาฮิส สะมีอิล อะลีม, มินัช ชัยฏอนิร เราะญีม, มิน ฮัมซิฮี วะ นัฟคิฮี วะ นัฟษิฮฺ

 

     ความว่า “อัลลอฮ์ทรงยิ่งใหญ่ยิ่งที่สุด (3 ครั้ง)  มวลการสรรเสริญอันมากมายเป็นสิทธิแห่งพระองค์ (3 ครั้ง)

     และทรงบริสุทธิ์ยิ่งทั้งในยามเช้าและยามเย็น (3 ครั้ง) ข้าขอความคุ้มครองต่อพระองค์ผู้ทรงได้ยินและรอบรู้ยิ่ง จากชัยฏอนผู้ถูกสาปแช่ง จากจากกระซิบของมัน การพ่นและเป่ามนตร์ของมัน”

     (บันทึกโดย  อบูดาวูด และอิบนุมาญะฮ์ และอะหมัด อิบนุก็อยยิม )ได้ยืนยันว่า(มีสายรายงานแข็งแรง)  สำนวนนี้อยู่ในสายรายงานจากท่านญุบัยรฺ บิน มุฏอิม เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

 

          สิ่งที่ดีที่สุดคือ มุสลิมควรสลับกันอ่านดุอาอฺอิสติฟตาหฺในละหมาด ที่มีรายงานมาอย่างถูกต้องจากท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม โดยอ่านแบบนี้ครั้งหนึ่ง และแบบอื่นอีกครั้งหนึ่ง (ไม่ยึดเพียงถ้อยคำเดียวตลอด) ให้ตรงตามแบบอย่างของท่านนบีจากความเห็นของ เชคอุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ์  เชค อับดุรเราะห์มาน อัสสะอ์ดี  เชค อับดุลอะซีซ อิบนุ บาซ เชค มุฮัมมัด นาศิรุดดีน อัลอัลบานีย์  เชค มุฮัมมัด อิบนุ ศอและห์ อัลอุษัยมีน”

 

 

 สรุปความหมาย:

 

          การอ่านดุอาอฺอิสติฟตาหฺมีหลายถ้อยคำที่ถูกรายงานจากท่านนบี ﷺ ดังนั้น การสลับอ่านระหว่างดุอาอ์ต่าง ๆ จะเป็นการ ปฏิบัติซุนนะฮ์ที่สมบูรณ์กว่ามากกว่าการยึดเพียงถ้อยคำเดียวเสมอ