เส้นทางสายไหม
  จำนวนคนเข้าชม  73

เส้นทางสายไหม : เส้นทางแห่งการแสวงหาความรู้ และการถ่ายทอดฮะดีษ

 

โดย ผศ.ดร.อับดุลเลาะฮ์ หนุ่มสุข ผอ.สถาบันวะสะยะฮ์ฯ

 

บทนำ

 

          เส้นทางสายไหม (Silk Road) ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางการค้าระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตกเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางแห่งปัญญา ศิลปวัฒนธรรม และศาสนา โดยเฉพาะในยุคทองของอิสลาม นักปราชญ์มุสลิมจำนวนมากได้เดินทางผ่าน เส้นทางนี้เพื่อแสวงหาความรู้ เผยแพร่ศาสนา และแลกเปลี่ยนแนวคิดกับผู้คนหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งมีผลกระทบต่อโลกมุสลิมและโลกโดยรวมอย่างลึกซึ้ง 

 

          ในโอกาสที่ผู้เขียนโอกาสได้เดินทางไปประเทศอุสเบกิสถานช่วงปลายเดือนเมษายน 2568ในโครงการ " วะสะยะฮ์สัญจร ตามรอยอิหม่ามบุคอรีย์บนเส้นทางสายไหม" จึงใคร่นำเสนอข้อมูลบางด้านที่น่ารู้เกี่ยวกับนักปราชญ์มุสลิมโดยเฉพาะนักปราชญ์วิชาฮะดีษที่ใช้เส้นทางเหล่านี้ในการเดินทางเพื่อศึกษา ค้นหา แลกเปลี่ยน รวบรวม กลั่นกรองและบันทึกฮะดีษ เป็นผลงานอันยิ่งใหญ่และอมตะต่อวงวิชาการฮะดีษในทุกยุคทุกสมัย

 

1. เส้นทางสายไหมคืออะไร

 

          เส้นทางสายไหมเป็นเครือข่ายเส้นทางการค้าที่เชื่อมต่อจีนกับยุโรป โดยผ่านเอเชียกลาง อินเดียเปอร์เซีย และดินแดนอาหรับ มีทั้งเส้นทางทางบกและทางทะเล เริ่มต้นตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่นของจีน (ราวศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล) และรุ่งเรืองมากในช่วงยุคกลาง โดยเฉพาะเมื่อโลกอิสลามมีอิทธิพลกว้างขวาง เส้นทางสายไหมถูกตั้งชื่อตามการค้าผ้าไหมของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดที่ค้าขายกันบน เส้นทางสายไหม 

 

          อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง การค้าขายนี้ครอบคลุมสินค้าและครอบคลุมความรู้และวัฒนธรรมมากมาย ศาสนาที่แพร่หลายในพื้นที่ก่อนที่อิสลามจะเข้ามาได้แก่ศาสนาโซโรแอสเตอร์ (มะยูซียะฮ์) พุทธศาสนาและคริสต์ศาสนานิกายเนสโตเรียน ชาวยุโรปรู้จักภูมิภาคนี้ในชื่อ Transoxiana ซึ่งเป็นคำแปลภาษาละตินของชื่อภาษากรีกโบราณที่มีความหมายว่า "เลยแม่น้ำ Oxus" ชาวอาหรับมุสลิมเรียกภูมิภาคนี้ว่า " 6 33 Jel also " แปลว่าประเทศหลังแม่น้ำ 

 

          หลังจากได้พิชิตภูมิภาคนี้ในศตวรรษแรกของฮิจเราะห์ศักราช โดยอ้างถึงแม่น้ำใหญ่ 2 สายได้แก่ แม่น้ำอามูดาร์ยาทางใต้กับแม่น้ำซีร์ดายาทางเหนือ (แม่น้ำซีฮูนกับแม่น้ำจีฮูน) ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อเอเชียกลาง ประกอบด้วยสาธารณรัฐอิสลาม 5 แห่งที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียต และได้รับเอกราชหลังจากการล่มสลาย สาธารณรัฐเหล่านี้ในปัจจุบันคือ อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน คาซัคสถาน เติร์กเมนิสถาน และคีร์กีซสถาน 

          เมืองที่สำคัญที่สุดคือ ซามาร์คันด์ – บูคารา- เฟอร์กานา – ทาชเคนต์ควาราซึม – เมิร์ฟ – แตร์เมซ - สิจิสตาน ชื่อเหล่านี้อ้างอิงถึงนักปราชญ์มุสลิมสำคัญที่มีสถานะโดดเด่นในประวัติศาสตร์ เช่น อัลเคาะวาริซมี อัลฟารอบีย์ ,อัลบุคอรีย์ ,อัลติรมีซีย์ ,อิบนูซีนา ,อัลจูร์จานีย์ ,อัลซิจิสตานีย์ และอัลบัยรูนีย์  เป็นต้น

 

 

2. การเดินทางเพื่อแสวงหาความรู้ 

 

     “การแสวงหาความรู้เป็นหน้าที่ (ความจำเป็น) ของมุสลิมทุกคน"

(อัลบัยฮะกีย์ใน อะบุลอีมาน1667)

 

     “ท่านทั้งหลายจงเผยแผ่จากฉันแม้เพียงหนึ่งอายะฮ์ และใครโกหกต่อฉันโดยเจตนา เขาจงเตรียมที่นั่งในขุมนรก" 

(บุคอรีย์ 3461)

 

     “ขออัลลอฮฺได้ทรงประทานความสุขสดชื่นและความสวยงามแก่บุคคลหนึ่งที่เขาได้ยินคำพูดของฉัน เขามีความเข้าใจ แล้วเขาก็นำไปรายงานต่อเหมือนกับที่ได้ยินมา บ่อยครั้งที่ผู้รับรายงานมีความเข้าใจดีกว่าผู้ (ให้รายงาน) ที่ได้ยินมาเอง”

(อัตติรมิซีย์ 2658)

 

          ข้อความข้างบนเป็นฮะดีษของท่านนบีที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้มุสลิมแสวงหาความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้เกี่ยวกับอิสลาม และหนึ่งในความรู้อันสำคัญยิ่งคือความรู้เกี่ยวกับฮะดีษ นักปราชญ์มุสลิมในอดีตจึงได้ทุ่มเทชีวิตให้กับการศึกษาฮะดีษ 

 

          ซึ่งอยู่กระจัดกระจายในหมู่นักจำตามหัวเมืองต่างๆโดยเฉพาะในแคว้นฮิญาซ (มักกะฮ์ มะดีนะฮ์) แคว้นอิรัค (กูฟะฮ์ บัศเราะฮ์) แคว้นชาม (ซีเรียฯ) แคว้นอียิปต์ แคว้นครอซาน และเมืองต่างๆในดินแดนหลังแม่น้ำ เช่น บุคอรอซะมัรกันด์ และติรมิซ เป็นต้น 

 

          นักฮะดีษในหัวเมืองเหล่านี้ต่างเป็นนักเดินทางที่ทรหดอดทน เดินทางจากเมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่งที่ห่างไกลโดยใช้อูฐ หรือม้า หรือลา เป็นยานพาหนะ และบางคนก็เดินเท้าเปล่า

 

          จุดประสงค์ของพวกเขาไม่ใช่การแลกเปลี่ยนสินค้า แต่มันคือ การแลกเปลี่ยนฮะดีษ พร้อมสายรายงานที่สืบถึงท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) การเดินทางของนักรายงานหะดีษได้ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวและตื่นตัวในการรวบรวมรายงานต่างๆไว้เป็นเล่ม 

 

          เริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ในยุคเศาะฮาบะฮ์ และตาบิอีนรุ่นอาวุโสและได้พัฒนามาสู่ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของฮะดีษใน ศตวรรษที่ 3 ของฮิจเราะห์ศักราช ด้วยการปรากฏตัวของหนังสือรวบรวมฮะดีษในรูปแบบต่างๆและหนังสือรวบรวมชีวประวัติของผู้รายงานฮะดิษ ซึ่งเป็นผลงานจากนักปราชญ์กลุ่มเดียวกัน 

 

          ที่สำคัญก็คือพบว่ามีนักปราชญ์มากกว่าครึ่งหนึ่งไม่ใช่เป็นชาวอาหรับ ได้แก่นักปราชญ์ฮะดีษที่อยู่ในแคว้นคูรอซาน และดินแดนหลังแม่น้ำ นักปราชญ์กลุ่มนี้มีความผูกพันกับเส้นทางสายไหม และเป็นนักปราชญ์ที่ได้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ต่อวงการวิชาการฮะดีษ

 

 

3. นักปราชญ์ฮะดีษจากดินแดนเส้นทางสายไหม

 

          การเดินทางของนักปราชญ์ฮะดีษในดินแดนเส้นทางสายไหม ได้ก่อให้เกิดการตื่นตัวในการศึกษาฮะดีษในด้านต่างๆ เช่น ด้านการรายงาน การรวบรวมสายรายงาน การตรวจสอบสายรายงาน การบันทึกตัวบทพร้อมสายรายงาน การวิพากษ์ตัวบทและสายรายงาน และการบันทึกชีวประวัติผู้รายงานมัสยิด และมัดเราะซะฮ์ในแคว้นเหล่านี้จึงคลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาที่มาจากแดนไกลจากหัวเมืองต่างๆ และนักศึกษาจากพื้นที่ไกล้เคียง พวกเขาเป็นได้ทั้งผู้ให้รายงาน (ครู ) และผู้รับรายงาน (ลูกศิษย์) ในเวลาเดียวกัน 

 

          แคว้นเหล่านี้ได้ผลิตนักปราชญ์ฮะดีษที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานที่โดดเด่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์อิสลาม ดังตัวอย่างต่อไปนี้

 

1- ท่านอิหม่ามบุคอรีย์ มีชื่อเต็มว่า มูฮัมหมัด บินอิสมาอีล เกิดที่เมือง บุคอรอ 

 

          ปัจจุบันอยู่ในประเทศอุซเบกิสถาน เมื่อ 194ฮ.ศ. / 810 ค.ศ. ท่านเริ่มท่องจำอัลกุรอานตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ ท่านเดินทางศึกษาฮะดีษกับบรรดานักปราชญ์มากมาย ที่มักกะฮ์ มะดีนะฮ์ บัศเราะฮ์กฟะฮ์ ชาม และอียิปต์ ได้ฟังรายงานฮะดีษจากครูประมาณ 1,000 (หนึ่งพันคน) รวบรวมและท่องจำฮะดีษมากกว่า 600, 000 (หกแสนฮะดีษ) 

 

          ผลงานสำคัญของท่านคือหนังสือเศาะเฮียะห์บุคอรีย์ เป็นหนังสือที่ถูกต้องที่สุดรองจากอัลกุรอาน และหนังสืออื่นๆ เช่นอัลอะดะบุลมุฟร็อด อัตตารีคุลกะร์ อัตตารีคุสเศาะร์ และค็อลกุอัฟอาลิลอิบาด ท่านเสียชีวิตที่เมืองคือรตังค์ ในปี 256ฮ.ศ./ 870 ค.ศ.2

 

 

2- ท่านอิหม่ามมุสลิม มีชื่อเต็มว่า มุสลิม อิบนุลฮัจญาจ อัลกุชัยรีย์เกิดที่เมืองนิซาปูร แคว้นคูรอซาน 

 

          เริ่มศึกษาฮะดีษตั้งแต่อายุยังน้อย ท่านได้เดินทางไปยังฮิญาซ (มักกะฮ์ มะดีนะฮ์) อิรัค (แบกแด กูฟะฮ์ บัศเราะฮ์) และชาม (ซีเรีย ดามัสกัส) ได้รับการถ่ายทอดฮะดีษจากนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่มากมาย หนึ่งในนั้นคืออิหม่ามบุคอรีย์ 

 

          ผลงานสำคัญได้แก่หนังสือเศาะเฮียะห์มุสลิม เป็นหนังสือฮะดีษที่ถูกยกย่องว่า บริสุทธิ์และถูกต้องที่สุดรองจากหนังสือเศาะเฮียะห์บุคอรีย์ และหนังสืออื่นๆ เช่น อัตตัมยีซ และ อัลกุนาวัลอัสมาอ์ ท่านเสียชีวิตที่เมืองนิซาปูรเมื่อปี 261ฮ.ศ./ 875 ค.ศ.3

 

 

3- ท่านอิหม่ามอัตติรมิซีย์ มีชื่อเต็มว่า มูฮัมหมัด บินอีซา เกิดที่เมืองติรมิซ อยู่ทางตอนใต้ของอุซเบกิสถาน บนฝั่งแม่น้ำอามูดายา 

 

          เมื่อปี 209 ฮ.ศ.824 ค.ศ. ท่านเดินทางเพื่อแสวงหาความรู้ ยังแคว้นต่างๆ เช่น มักกะฮ์ มะดีนะฮ์ อิรัค กูฟะฮ์ บัศเราะฮ์และชาม ได้รับฮะดีษจากบรรดาอุลามา ผู้ยิ่งใหญ่เช่นอิหม่ามบุคอรีย์ อิหม่ามมุสลิม อิหม่ามอาบูดาวูด อิหม่ามอะห์มัด 

 

          ผลงานที่สำคัญได้แก่ หนังสือสุนันอัตติรมิซีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสือหะดีษ 6 เล่มหลักของอิสลาม และหนังสือเล่มอื่นๆ เช่นอัชชะมาอิลอัลมุฮัมมะดียะฮ์ และอัลอิลัล ท่านเสียชีวิตที่เมืองบ้านเกิดของท่านเมื่อปี 279 ฮ.ศ./ 892 ค.ศ.

 

 

4- อิหม่ามอาบูดาวูด มีชื่อเต็มว่า สุไลมาน บินอัลอัชอัษ อัสสิจิสตานีย์ เกิดปีฮ.ศ. 202/ ค.ศ. 817 ที่เมือง สิจิสตาน 

 

          ปัจจุบันอยู่ในเขตอิหร่านอัฟกานิสถาน ท่านเดินทางเพื่อแสวงหาฮะดีษในหลายเมืองเช่น มักกะฮ์ มะดีนะฮ์ซีเรีย อียิปต์ และแบกแดดเป็นลูกศิษย์ของอิหม่ามที่ยิ่งใหญ่ เช่นอิหม่ามอะมัดอิบนุ ฮัมบัล และยะห์ยา อิบนุ มะอึน 

 

          ผลงานที่สำคัญของท่านได้แก่หนังสือสุนันอะบีดาวูด ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 6 เล่มของหนังสือฮะดีษที่สำคัญ และหนังสืออื่นๆ เช่น อัซซุฮด์และอัลมะรอซีล ท่านเสียชีวิตที่เมืองบัศเราะฮ์ เมื่อ 275 ฮ.ศ. 889 ค.ศ.

 

 

5- อิหม่ามอันนาซาอีย์ มีชื่อเต็มว่าอะห์มัด บินชุอัยย์ เกิดที่เมืองนะซาปัจจุบันอยู่ในประเทศเตอร์กมานิสถานในปีฮ.ศ. 214/ค.ศ. 829 

 

         ท่านเดินทางเพื่อศึกษาฮะดีษยังเมืองต่าง ๆ เช่นนิซาปูร บัลค์ แบกแดดชาม อียิปต์และฮิญาซ เป็นลูกศิษย์ของนักปราชญ์ชั้นนำมากมาย เช่นท่านอิหม่ามบุคอรีย์ อาบูดาวูดและอิสหาก อิบนุรอฮะวัยฮ์

 

          ผลงานชิ้นสำคัญของท่านได้แก่หนังสือสุนันอัลกุบรอและนันอัศศุฆรอ หรือที่รู้จักกันในชื่อสุนันอันนะซาอีย์ เป็นหนังสือที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 6 เล่มของหนังสือฮะดีษที่สำคัญและหนังสือเล่มอื่นๆเช่น อะมะลุลเยามีวัลลัยละฮ์ ฟะภูออิลุศเศาะฮาบะฮ์ และมุสนัดอะลีย์ อิบน อะบี ฏอลิบ ท่านเสียชีวิต ในปี ฮ.ศ.303 /ค.ศ. 915 ที่เมืองรอมละฮ์ ในปาเลสไตน์

 

 

6- ท่านอิหม่ามอัดดาริมีย์ มีชื่อเต็มว่าอุษมาน บินซะอึด เกิดเมื่อปี ฮ.ศ. 200ค.ศ. 815 ในแก้วนซิจิสถาน 

 

          ท่านเดินทางแสวงหาความรู้ยังเมืองฮิญาซ อียิปต์ ชาม และอิรักได้รับฮะดีษจากอุลามา ที่มีชื่อเสียงเช่น  อาลี อิบนุลมะดีนีย์ ยะห์ยา อิบนุมะอื่น และอะห์มัด อิบนุฮัมบัล

 

          ผลงานที่สำคัญได้แก่หนังสือสุนันอัดดาริมีย์ ถูกจัดอันดับให้เป็นหนังสือหลัก 1 ใน 9 เล่มของหนังสือฮะดีษ และหนังสืออัรร็อดดุอะลัลญะฮ์มียะฮ์ ตอบโต้แนวคิดของกลุ่มญะฮ์มียะฮ์ ท่านเสียชีวิตที่เมืองเฮรัตในอัฟกานิสถานเมื่อปีฮ.ศ. 280 / ค.ศ. 894

 

 

7- ท่านอิหม่ามอิบนุฮิบบาน มีชื่อเต็มว่ามูฮัมหมัด อิบนุฮิบบาน อัลบุสตีย์ เกิดเมื่อปีฮ.ศ. 270 /ค.ศ. 884 ที่เมืองบุสต์ในแคว้นซิจิสถาน 

 

          ท่านเป็นนักวิชาการที่เดินทางแสวงหาความรู้ในหลายเมืองเช่นมักกะฮ์ มาดีนะฮ์ บัศเราะฮ์แบกแดด ชาม และอื่นๆ 

          ผลงานที่สำคัญได้แก่หนังสือเศาะเฮียะห์อิบนุฮิบบาน เป็นหนังสือฮะดีษที่มีความน่าเชื่อถือระดับสูงจัดอยู่ในชั้นเดียวกับหนังสือเศาะเฮียะห์อิบนุคุชัยมะฮ์ และใกล้เคียงกับผลงานของบุคอรีย์ และมุสลิม และหนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่ออัษกอต เป็นหนังสือรวบรวมประวัติผู้รายงานฮะดิษที่ท่านถือว่าน่าเชื่อถือ ท่านเสียชีวิตในปีฮ.ศ.54 /ค.ศ.965 ที่บ้านเกิดของท่าน เมืองบุสต์

 

 

8- ท่านอิหม่ามอัลฮากิม อันนัยซาบูรีย์ มีชื่อเต็มว่า มูฮัมหมัด อิบนุ อับดิลลาฮ์ เกิดเมื่อปีฮ.ศ. 321/ค.ศ.933 ที่เมืองนิซาบูรแคว้นคุรอซาน (ปัจจุบันอยู่ในอิหร่าน) 

 

          ท่านเริ่มศึกษาฮะดีษตั้งแต่อายุยังน้อยโดยเดินทางไปยังเมืองต่างๆเช่นมักกะฮ์ มาดีนะฮ์บัศเราะฮ์ กูฟะฮ์ แบกแดดดิมิชก์ และอียิปต์ ผลงานที่สำคัญได้แก่หนังสือ อัลมุสตัดร๊อกอะลัศเศาะฮีฮัยน์เป็นหนังสือรวบรวมฮะดีษที่ท่านเห็นว่าตรงตามเงื่อนไขของบุคอรีย์และมุสลิม แต่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเศาะเฮียะห์ทั้งสอง ท่านเสียชีวิตเมื่อปีฮ.ศ.405/ค.ศ.1014 ที่เมืองนิซาบูร

 

 

9- ท่านอิหม่ามอัลบัฆวีย์ มีชื่อเต็มว่าอัลฮุซัยน์ อิบนุมัสอูด เกิดปีฮ.ศ. 433 /ค.ศ.1041 ที่เมืองบัคใกล้เมืองเฮรัตในอัฟกานิสถานท่านเดินทางไปศึกษาฮะดีษยังเมือง นิซาบูร และเมืองต่างๆในแคว้นคูรอซาน 

 

          ท่านเป็นผู้เคร่งครัดในการคัดกรองฮะดีษและยึดมั่นซุนนะฮ์อย่างมั่นคงจนได้สมญานามว่า มุฮยิซซุนะฮ์ (ผู้ฟื้นฟูซุนนะฮ์) ผลงานที่สำคัญได้แก่หนังสือชรฮุสซุนนะฮ์ และมะศอบีฮุสซุนนะฮ์ เป็นหนังสือฮะดีษเชิงอธิบาย ท่านเสียชีวิตเมื่อปีฮ.ศ.516 /ค.ศ.1122 ที่เมืองมัรว์

 

 

10- ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ มีชื่อเต็มว่าอะห์มัด อิบนุล ฮูชัยน์ เกิดในปีฮ.ศ. 384 /ค.ศ. 994 ที่หมู่บ้านบัยฮักใกล้เมืองนิซาบูร แคว้นคุรอซาน 

 

          ท่านเดินทางไปศึกษายังเมืองนิซาบูร อิรัก แบกแดด ฮิญาซมักกะฮ์ มะดีนะฮ์ และชามท่านศึกษาจนแตกฉานในด้านฮะดีษ ฟิกซ์ และอุศูลุดดีน ผลงานสำคัญได้แก่หนังสือ อัสสุนันอัลกุบรอดะลาอิลุนนุบูวะฮ์ อัลอัสมา วัศศิฟาต และ ชุอะบุลอีมาน  ท่านเสียชีวิตในปีฮ.ศ. 458 / ค.ศ.1066 ที่เมืองนิซาบูร

 

 

          นอกเหนือจากนักปราชญ์ฮะดีษที่มีชื่อเสียงข้างต้นแล้ว ดินแดนแห่งนี้ยังได้ผลิตนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในสาขาอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะทางด้านแพทย์ศาสตร์ ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ปรัชญา และอิสลามศึกษาสาขาอื่นๆ 

 

          ตัวอย่างเช่น อัลเคาะวาริสมิ (ฮ.ศ.235) อัลฟารอบีย์ (ฮ.ศ.339) อิบนุซีนา (ฮ.ศ. 428) อัลบัยรูนีย์ (ฮ.ศ.440 ) อัลมาตุรีดีย์ (ฮ.ศ.333 ) อัลมัรวะซีย์ (ฮ.ศ.238) อัซซัมมัคชะรีย์ (ฮ.ศ. 538) อัซซะมัรกอนดีย์ อะบุลลัยซ์ (ฮ.ศ.373) อันนุชุฟีย์ (ฮ.ศ.537) และอัลกิซาอีย์ (ฮ.ศ. 189) เป็นต้น

 

          บทสรุปเส้นทางสายไหมเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่แห่งความรู้และวัฒนธรรม เป็นสะพานเชื่อมหัวใจของนักวิชาการก่อนที่จะเชื่อมโยงเมืองต่างๆ นักวิชาการหะดีษหลายพันคนได้นำเส้นทางนี้ไปสู่การเดินทางอันยากลำบากเพื่อค้นหาหะดีษของท่านนบีมุฮัมมัด (ขอความสันติและความจำเริญจงมีแด่ท่าน) 

 

          เส้นทางสายไหม คือ เส้นทางของนักวิชาการและนักวิชาการหะดีษ และเป็นเส้นทางแห่งอารยธรรมอิสลามอันเป็นนิรันดร์ 

 

          เส้นทางสายไหมจึงไม่ใช่แค่เส้นทางการค้าขาย แต่คือเส้นทางแห่งวิชาการ ความศรัทธา และการพัฒนาปัญญาของมนุษยชาติ โดยเฉพาะในโลกมุสลิม นักปราชญ์มุสลิมได้ใช้เส้นทางนี้เพื่อแสวงหาความรู้และส่งต่อมรดกทางปัญญาอันล้ำค่าให้กับโลกจนถึงปัจจุบัน