ความสำคัญและความประเสริฐของการศึกษา
  จำนวนคนเข้าชม  97

ความสำคัญและความประเสริฐของการศึกษา

 

โดย อบู  เนาวาส

 

          พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย กระผมขอเตือนตัวของผมเองและท่านพี่น้องทั้งหลายให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺให้มาก ๆ เพราะการยำเกรงพระองค์ จะทำให้ท่านปลอดภัยในดุนยาและได้รับความผาสุกในโลกอาคิเราะฮฺ

 

     ท่านนบี ﷺ ได้ส่งเสริมประชาชาติของท่านให้แสวงหาวิชาความรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการศึกษาทางด้านศาสนา ท่านกล่าวว่า

 

     “ใครที่เดินทางไปเพื่อแสวงหาวิชาความรู้ อัลลอฮฺก็จะทรงให้เขาได้รับหนทางหนึ่งไปสวนสวรรค์ 

     และบรรดามลาอิกะฮฺจะลดปีกให้แก่ผู้แสวงหาความรู้ด้วยความพึงพอใจ 

     และแม้แต่ผู้ที่อยู่บนฟากฟ้าและแผ่นดิน ตลอดจนปลาในท้องทะเล ก็จะขออภัยโทษให้แก่ผู้แสวงหาความรู้ด้วยเช่นกัน 

     ความประเสริฐของผู้รู้ที่ทำอิบาดะฮฺ กับกผู้ทำอิบาดะฮฺแต่มีความรู้น้อยกว่า เปรียบเสมือนดวงจันทร์เต็มดวงกับดวงดาว (ในการให้แสงสว่าง) 

     แท้จริง บรรดาผู้รู้นั้นคือทายาทของบรรดานบี และบรรดานบีไม่ได้ทิ้งมรดกไว้เป็นเงินเป็นทอง 

     แต่ท่านเหล่านั้นได้ทิ้งวิชาความรู้ไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง 

     แล้วใครที่รับเอาความรู้ไว้ ก็เท่ากับถือว่าเขาผู้นั้นเป็นผู้มีบุญอันมากมาย”

(บันทึกโดย อบูดาวูด)

 

          การศึกษาหาความรู้นั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เราควรส่งเสริมให้ลูกหลานของเราได้รับการศึกษาตั้งแต่เยาว์วัย เพราะเมื่อเติบใหญ่ เขาจะได้รับประโยชน์จากความรู้นั้น มีผู้กล่าวว่า

 

“การศึกษาตั้งแต่เยาว์วัยนั้น เปรียบเสมือนการแกะสลักไว้บนก้อนหิน”

 

          แท้จริง บรรดาศอฮาบะฮฺ บรรดาสลัฟและบรรดาอุละมาอฺทั้งหลาย ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ควรให้การศึกษาแก่ลูกหลานของเราตั้งแต่เยาว์วัย เพราะพวกเขาคือกำลังที่สำคัญ พวกเขากำลังมีความจำที่ดีแม่นยำ และความรู้ก็จะติดตัวพวกเขาไปอย่างยาวนาน ดีกว่าที่เขาจะมาศึกษาเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว

 

     มีรายงานจากท่านฮะซัน บิน อะลีย์ ได้กล่าวกับลูก ๆ และลูก ๆ ของพี่น้องของท่านว่า “จงศึกษาหาความรู้ตั้งแต่เยาว์วัยเถิด ต่อไปท่านก็จะเติบใหญ่” 

 

     ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงให้บุตรหลานศึกษาหาความรู้ตั้งแต่เยาว์วัย หากใครไม่สามารถศึกษาท่องจำได้ก็จงบันทึกไว้ 

 

           พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย บรรดาสลัฟซอลิฮฺรุ่นแรก ๆ   ที่ให้ความสำคัญกับเด็กก็คือ การให้ศึกษาอัลกุรอาน อ่าน เขียน ท่องจำ และศึกษาซุนนะฮฺของท่านนบี ต่อมาก็ให้ศึกษาวิชาแขนงต่าง ๆ ซึ่งท่านเหล่านั้น ได้ปลูกฝังจรรยามารยาทไปพร้อมกับการศึกษาในตัวเด็กด้วย เพราะท่านเหล่านั้น ทราบดีว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะหนักตราชั่งมากยิ่งไปกว่าการมีจรรยามารยาทที่ดีงาม

 

         บรรดาสลัฟยังเชื่อมโยงความรู้ควบคู่กับการปฏิบัติ ดังนั้น ความรู้คือต้นไม้ที่ออกดอกออกผลมาเป็นกิริยามารยาทที่สวยงามและการงานที่ดีงามคือคุณลักษณะที่พึงสรรเสริญ ความรู้ที่มีประโยชน์จะส่งผลให้เกิดความยำเกรง การนอบน้อมถ่อมตน และยังประโยชน์ให้แก่เจ้าของในการใช้ชีวิตในดุนยา และได้รับผลดีในโลกอาคิเราะฮฺ

     อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

 

...إِنَّمَا يَخْشَى ٱللَّهَ مِنْ عِبَادِهِ ٱلْعُلَمَـٰٓؤ ...

 

“แท้จริง ผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮฺจากปวงบ่าวของพระองค์ คือบรรดาผู้ที่มีความรู้ (อุละมาอฺ) เท่านั้น”

(ฟาฏิร 35 : 28)

 

     กล่าวคือ เฉพาะผู้รู้เท่านั้น ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา 

     ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ กล่าวว่า

 

“เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิตลง การงานของเขาก็ถูกตัดขาด นอกจากสามประการที่ยังได้รับผลบุญอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ 

การบริจาคทานที่ยังไหลรินอย่างต่อเนื่อง 

หรือวิชาความรู้ที่ยังประโยชน์ 

หรือลูกที่ดี (ซอลิฮฺ) ของเขาที่ขอดุอาอฺให้กับเขา”

(บันทึกโดย อิมาม มุสลิม)

 

          ดังนั้น จงให้ความสำคัญกับการศึกษาและส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกหลานของเราได้รับการศึกษาอย่างถ้วนหน้า โดยเริ่มตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อพวกเขาจะได้รักการศึกษา รักการเรียนรู้ และมีความจำที่ยาวนาน ขอให้เราได้รับประโยชน์จากการศึกษา ให้ความรู้นำพาเราสู่หนทางที่เที่ยงตรง และได้รับชัยชนะทั้งในดุนยาและ อาคิเราะฮฺ

 

 

          พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เพื่อที่จะให้เราได้ทราบถึงความประเสริฐและความดีงามของการศึกษา และได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ ณ ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ดังนั้น จึงต้องมีการชี้แนะตักเตือนแก่ผู้แสวงหาวิชาความรู้ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับประโยชน์สูงสุดในความรู้ นั่นก็คือ

 

     1. นักศึกษาจะต้องตั้งเจตนาในการศึกษาหาความรู้เพื่อปกป้องตัวเองให้พ้นจากความโง่เขลาและสามารถแยกแยะความดีออกจากความชั่วได้

 

     2. นักศึกษาจะต้องเอาจริงเอาจังในการศึกษาค้นคว้า สอบถามผู้ที่มีความรู้มากกว่าเขา ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องมีมารยาทในการสอบถาม

 

     3. จะต้องมีความอดทน เพราะในการแสวงหาความรู้นั้น ต้องมีความบากบั่น ต้องอดตาหลับขับตานอน และที่สำคัญคือ ต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อยู่เสมอ

 

     4. จะต้องมีความ “ตักวา” เกรงกลัวอัลลอฮฺ โดยเฉพาะในการศึกษาหาความรู้ กระทำในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ และออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม

 

     5. จะต้องรักษาเวลาและมีระเบียบวินัยในการศึกษาหาความรู้ และใช้ประโยชน์จากเวลาอันมีค่าให้มากที่สุด

 

     6. จะต้องวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้ได้รับความรู้ที่มีประโยชน์และกระทำการงานที่ดี

وَقُل رَّبِّ زِدْنِى عِلْمًۭا ...

“และจงกล่าวเถิดว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดเพิ่มพูนความรู้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด”

(ฏอฮา 20 : 114)

 

     7. จะต้องทุ่มเทความพยายามและมีความร่วมมือกันระหว่างบ้านและโรงเรียน เพื่อที่การอบรมสั่งสอนเยาวชนและบุตรหลานจะได้สัมฤทธิ์ผลทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

 

 

          จำเป็นที่ผู้ปกครองและครูบาอาจารย์ จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนในทุก ๆ ด้าน ทั้งความรู้คู่คุณธรรม การประกอบอามั้ลอิบาดะฮฺ รวมไปถึงการตระหนักอยู่เสมอว่าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสอดส่องตรวจสอบการทำงานของบ่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่เสมอ

 

 

          พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จำเป็นแก่ผู้ปกครอง จะต้องมีความยำเกรงอัลลอฮฺในการอบรมลูกหลาน และคอยส่งเสริมสนับสนุนเฝ้าติดตามการศึกษาของพวกเขา ให้เขามีความบากบั่นพากเพียร คอยเฝ้าถามถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเขา แล้วกำชับอบรมพวกเขาในการคบหาสมาคมกับเพื่อน ๆ ที่ดี อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องเที่ยงตรง

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี (5 มกราคม 2568) โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร