ควบคุมกาย ควบคุมใจ คลุม “ฮิญาบ”
โดย... อาจารย์ยะห์ยา หมัดละ
1. เธอคลุมฮิญาบเพราะเชื่อฟัง
สตรีผู้คลุมฮิญาบ ...เพราะเธอเชื่อฟังอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เชื่อฟังร่อซูล ﷺ และเป็นผู้ศรัทธา
เมื่ออัลลอฮฺสั่งและร่อซูลสั่งอย่างไร เธอก็ปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อแม้ ไม่เลือกเอาอย่างอื่นมาแทนที่ เพราะเธอรู้ว่า ผู้ใดฝ่าฝืน ผู้นั้นหลงทาง
สตรีผู้คลุมฮิญาบ ...ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ผู้หญิงเป็น “เอาเราะฮฺ” คือต้องปกปิด”
(บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)
ยกเว้นคนชรา ศาสนาผ่อนผันให้ไม่คลุมก็ไม่บาปแต่คลุมไว้ก็ดี
สตรีผู้คลุมฮิญาบ ...การคลุมฮิญาบทำให้จิตใจของผู้คนใสสะอาดทั้งชายและหญิง เพราะเมื่อสายตามองไม่เห็นสิ่งที่ต้องห้าม จิตใจก็ไม่นึกอยากจะกระทำอะไรที่ฝ่าฝืนอีก “ฟิตนะฮฺ” ก็ไม่เกิด
สตรีผู้คลุมฮิญาบ ...พวกเธอใสสะอาด พวกเธอปกปิด พวกเธอยำเกรงอัลลอฮฺ พวกเธออีมานเข้มแข็ง ขออัลลอฮฺทรง ตอบแทนคุณงามความดีให้พวกเธอ
2. หวงแหน และห่วงใยศาสนาจึงใช้ให้คลุมฮิญาบ
โดยปกติธรรมดา พวกผู้ชายทั่ว ๆ ไป ก็มักจะหวงและห่วงผู้หญิงของเขา ไม่อยากให้ใครมองผู้หญิงของเขาด้วยสายตาที่ละลาบละล้วง ล่วงเกิน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องของเขา ภรรยาของเขาหรือลูกสาวของเขา
จะเห็นได้ว่ากี่มากน้อยมาแล้ว ในประวัติศาสตร์ได้จารึก การสู้รบเอาไว้ ไม่ว่าจะยุค “ญาฮิลียะฮฺ” หรือยุคอิสลาม พวกเขาต้องลุกขึ้นปกป้องเกียรติของสตรี เนื่องจากการหวงแหนสตรี เมื่อมีผู้มาละเมิดพวกนาง การคลุมฮิญาบก็จะช่วยป้องกันสิ่งเหล่านี้ได้ ป้องกันไม่ให้เป็นศัตรูกัน
และการที่สตรีไม่คลุมฮิญาบเท่ากับฝ่าฝืน ผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮฺและร่อซูล เท่ากับสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ อัลลอฮฺและร่อซูลไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แม้แต่น้อย
เมื่ออัลลอฮฺใช้ นบีใช้ให้คลุมฮิญาบ ใครฝ่าฝืนนบี เท่ากับดื้อดึง เป็นคนที่ไม่อยากเป็นชาวสวรรค์ เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ในวันกิยามะฮฺ “อุมมะฮฺ” ของฉันทุกคนจะได้เข้าสวรรค์ นอกจากผู้ที่ดื้อไม่ยอมเข้า”
บรรดาซอฮาบะฮฺถามว่า “ใครกันที่ดื้อ โอ้ ท่านร่อซูล?”
ท่านร่อซูลกล่าวว่า “ผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามฉัน ผู้นั้นได้เข้าสวรรค์ ผู้ใด ฝ่าฝืนฉัน ผู้นั้นดื้อไม่ยอมเข้าสวรรค์”
(บันทึกโดย อิมาม อัลบุคอรีย์)
3. กลัวการสอบสวนจากอัลลอฮฺวันกิยามะฮ์จึงคลุมฮิญาบ
อัลลอฮฺให้เกียรติมุสลิมะฮฺ อัลลอฮฺให้ “นิอฺมัต” ความโปรดปรานมากมาย ให้มุสลิมะฮฺมีธรรมชาติที่สวยงาม ชอบปกปิด รักนวลสงวนตัว
สำหรับมุสลิมะฮฺผู้ที่ยังไม่คลุมฮิญาบนั้น เขาอาจจะเห็นว่าการไม่คลุมฮิญาบเป็นความงดงาม อาจจะเห็นว่าเป็นคนหัวก้าวหน้าทันสมัย อาจจะเห็นว่าการไม่คลุมฮิญาบเป็นเสรีภาพทางความคิด ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ...
อิสลามถือว่า การไม่คลุมฮิญาบเป็นความน่าละอาย เพราะเป็นการเรียกสู่ “ชะฮฺวะฮฺ” (อารมณ์) ไม่หวง ไม่ห่วงตัวเอง โดยปกติมุสลิมะฮฺจะต้องคลุมฮิญาบ เพื่อความปลอดภัยทั้งดุนยาและอาคิเราะฮฺ
ขอให้มุสลิมะฮฺกลับมาสู่การเชื่อฟังและปฏิบัติตามอัลลอฮฺและร่อซูลในเรื่องคลุมฮิญาบ ถึงแม้ว่าผู้คนจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา เพราะในวันข้างหน้า (อาคิเราะฮฺ) การสอบสวนจากอัลลอฮฺ การตอบแทนและการลงโทษรออยู่ การแสวงหาความพึงพอใจจากอัลลอฮฺ จึงเป็นความปลอดภัยของตัวเราทั้งโลกนี้และโลกหน้า
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ว่า
... فَلَا تَخْشَوُا۟ ٱلنَّاسَ وَٱخْشَوْنِ وَلَا ...
“...ดังนั้น พวกเจ้า จงอย่ากลัวมนุษย์ แต่จงกลัวข้าเถิด...”
(อัลมาอิดะฮฺ 5 : 44)
4. คลุมฮิญาบ คลุมกาย คลุมใจ เพราะกลัวอัลลอฮฺ
คลุมฮิญาบก็ต้องคลุมทั้งร่างกาย อุละมาอฺบางท่านบอกอนุโลมให้เปิดหน้าและฝ่ามือได้ ถ้าหากปลอดภัยจาก “ฟิตนะฮ”
อีกอย่างหนึ่ง... ตัวฮิญาบผ้าคลุม และชุดเองที่เป็นผ้าคลุม เป็นชุดยาวนั้น จะต้องไม่ใช่เป็นสีสันฉูดฉาด เรียกร้องสายตาผู้ป่วยทางจิตให้จับจ้องเหลียวมอง
อีกอย่างหนึ่ง... ต้องเป็นชุดคลุมยาว ที่ทำจากผ้าเนื้อหนา ไม่ใช่ผ้าเนื้อบาง จนมองผ่านได้ เพราะถ้าผ้าบาง ๆ ก็เหมือนไม่ได้คลุมฮิญาบ
อีกอย่างหนึ่ง... ต้องเป็นชุดหลวม ๆ ไม่ใช่รัดรูปทรงองเอง แนบเนื้อ เพราะจุดประสงค์ของฮิญาบ ก็เพื่อป้องกันฟิตนะฮฺ ถ้าหากเป็นชุดคับ ๆ รัดรูปทรงองเอว แนบเนื้อ มันก็เหมือนไม่ได้ปกปิดอะไร ใส่ไปแล้วมีใครมองมาก็รู้ได้ เข้าใจได้หมดว่า อะไร ๆ ของร่างกายอยู่ตรงไหน
อีกอย่างหนึ่ง... จะต้องไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องแต่งกายของผู้ชาย
ง่าย ๆ ก็คือ ชุดฮิญาบ ชุดปกปิด ทั่วทั้งร่างกาย สีไม่ฉูดฉาด ไม่รัดรูปทรง เนื้อผ้าจะต้องไม่บางและต้องไม่แนบเนื้อเน้นอวัยวะ และถ้าหากใครใบหน้าสวยก็ต้องปิดหน้าจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิด “ฟิตนะฮฺ” สตรีมุสลิมะฮฺคลุมฮิญาบเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
5. รูปแบบชุดฮิญาบ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา กำหนดไว้แล้ว
ควรตั้งสติให้ดี ก่อนจะใส่ชุดฮิญาบ บางทีเราใส่ชุดฮิญาบที่ไม่ใช่ฮิญาบ ที่มีลักษณะตามที่ศาสนาใช้ แต่เราไปเข้าใจว่ามันคือฮิญาบ ก็เท่ากับว่า เราทำผิดแบบ เมื่อผิดแบบก็ไม่ควรเรียกว่าเป็น “ฏออะฮฺ” เชื่อฟังอัลลอฮฺ แต่จะเข้าอยู่ในขอบข่ายการฝ่าฝืน
เมื่อเราตัดสินใจคลุมฮิญาบ ก็ต้องเป็นฮิญาบตามที่ศาสนากำหนดลักษณะเอาไว้ อย่าใช้บริการของฮิญาบล้ำสมัย ดู่เท่สดสวย เน้นทรวดทรงองเอว สีสัน สัดส่วนร่างกายปรากฏต่อสายตาชัดเจน แขนขายาวสั้น เล็ก ใหญ่ กะระยะได้ แบบนี้ไม่ครอบคลุมในความหมายว่าเป็นฮิญาบตามศาสนาต้องการ
รูปแบบฮิญาบนั้น อัลลอฮฺกำหนดต้องเป็นฮิญาบดั้งเดิม ไม่ใช่ฮิญาบประยุกต์ใช้ ดัดแปลง ปรับให้เข้ากับสมัยใหม่ ให้เข้ากับสภาพชีวิตในปัจจุบัน ต้องเอาฮิญาบตามตรง อย่าโค้งงอ เอาแบบที่อยู่ใน “ฮิดายะฮฺ” ของอัลลอฮฺ
อะไร ๆ ที่เคยผิดพลาดมาแล้วก็ “เตาบัต” ...เลิก ...ไม่เอาแล้ว ...เปลี่ยนใหม่
وَتُوبُوٓا۟ إِلَى ٱللَّهِ جَمِيعًا أَيُّهَ ٱلْمُؤْمِنُونَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ ...
“...และพวกเจ้าจง “เตาบัต” ตัวต่ออัลลอฮฺเถิด โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ”
(อันนู๊ร 24 : 31)
6. ฉันได้ยินแล้ว ฉันเชื่อฟังแล้ว
มุสลิมะฮฺผู้คลุมฮิญาบ ...คำนี้มีความสำคัญ เมื่อเขาพบว่า อัลลอฮฺสั่งอะไร ก็จะรับเอาไว้ปฏิบัติด้วยใจรัก และให้ความสำคัญให้เกียรติแด่คำสั่งนั้นทันที ด้วยความภาคภูมิใจในบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเอ็นดูเมตตา เชื่อฟัง ปฏิบัติตาม คำสอนของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยไม่สนใจว่า ใครจะว่าอย่างไร ที่สำคัญเป็นการรักษาอีมานศรัทธาต่ออัลลอฮฺให้อยู่กับเราทั้งโลกนี้และโลกหน้า
إِنَّمَا كَانَ قَوْلَ ٱلْمُؤْمِنِينَ إِذَا دُعُوٓا۟ إِلَى ٱللَّهِ وَرَسُولِهِۦ لِيَحْكُمَ بَيْنَهُمْ أَن يَقُولُوا۟ سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا ۚ وَأُو۟لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلْمُفْلِحُونَ
แท้จริง คำกล่าวของบรรดาผู้ศรัทธา เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์ เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขา
พวกเขาจะกล่าวว่า เราได้ยินแล้ว และเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม และชนเหล่านี้พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ
(อันนู๊ร 24 : 51)
7. อีมานแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำตามคำสั่ง
บางคนจะบอกว่า ฉันอีมานแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำตามเท่านั้น ในอัลกุรอานบอกไว้ชัดเจนแล้วว่า แบบนี้เขายังไม่ศรัทธาอย่างแท้จริง
وَيَقُولُونَ ءَامَنَّا بِٱللَّهِ وَبِٱلرَّسُولِ وَأَطَعْنَا ثُمَّ يَتَوَلَّىٰ فَرِيقٌۭ مِّنْهُم مِّنۢ بَعْدِ ذَٰلِكَ ۚ وَمَآ أُو۟لَـٰٓئِكَ بِٱلْمُؤْمِنِينَ
"พวกเขากล่าวกันว่า เราศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และอัลรอซูล และเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม
แล้วส่วนหนึ่งจากพวกเขา ก็หลังหลังกลับไปหลังจากนั้น
และพวกเหล่านั้น มิใช่ผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง"
(อันนู๊ร 24 : 47)
ทีแรกก็บอกว่า... อีมานแล้ว ...จะทำตามทุกเรื่อง...เอาเข้าจริง ๆ ต่อมาก็ไม่ยอมรับ
อีกอายะฮฺหนึ่งกล่าวไว้ มีข้อความคล้าย ๆ กัน คือให้ร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มาบอกแล้ว แนะนำแล้วว่าให้เอาตามฮุก่มของอัลลอฮฺ แต่ในที่สุด เขาก็ผินหลังให้ ไม่ยอมรับ
وَإِذَا دُعُوٓا۟ إِلَى ٱللَّهِ وَرَسُولِهِۦ لِيَحْكُمَ بَيْنَهُمْ إِذَا فَرِيقٌۭ مِّنْهُم مُّعْرِضُونَ
"และเมื่อเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์ เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขา
เมื่อนั้นฝ่ายหนึ่งจากพวกเขาพากันผินหลังให้"
(อันนู๊ร 24 : 48)
ทั้งสองอายะฮฺข้างต้น บอกให้รู้ว่า อย่าลังเลใด ๆ ในการปฏิบัติตามฮุก่มของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อย่าพลัดวันประกันพรุ่ง
อย่าพูดว่าสักวันหนึ่ง ฉันจะคลุมฮิญาบอย่างสมบูรณ์แบบ แต่จงพูดว่า ...
وَقَالُوا۟ سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا ۖ غُفْرَانَكَ رَبَّنَا وَإِلَيْكَ ٱلْمَصِيرُ...
“...และพวกเขาได้กล่าวว่า เราได้ยินแล้ว และได้ปฏิบัติตามแล้ว การอภัยโทษจากอัลลอฮฺเท่านั้นที่พวกเราปรารถนา
โอ้ ผู้เป็นเจ้าของพวกเรา ! และการกลับไปยังอัลลอฮฺเท่านั้น”
(อัลบะกอเราะฮฺ 2 : 285)
ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี (5 มกราคม 2568) โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร