สายรายงานด้านหลักความเชื่อ
  จำนวนคนเข้าชม  71

สายรายงานด้านหลักความเชื่อ

 

เรียบเรียงโดย  อิสมาอีล กอเซ็ม 

 

     สายรายงานด้านหลักความเชื่อ (السند العلمي في العقيدة) ตามแนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์

 

          หลักความเชื่อ (العقيدة) ถือเป็นรากฐานสำคัญของอิสลาม ซึ่งต้องตั้งอยู่บนหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ พร้อมทั้งเข้าใจโดยแนวทางของบรรพชนผู้ทรงคุณธรรม (السلف الصالح) อันได้แก่เศาะหาบะฮ์ (صحابة), ตาบิอีน (تابعون) และผู้ตามพวกเขาอย่างดีงาม (أتباع التابعين) ตลอดมาจนถึงยุคหลัง การรับเอาหลักความเชื่อในอิสลามไม่อาจยึดตามแนวคิดปรัชญา หรือนักเทววิทยา (علماء الكلام) ที่อาศัยเหตุผลล้วนโดยละเลยการยึดมั่นต่อคำสอนดั้งเดิม

 

          หนึ่งในหลักการที่สำคัญยิ่งของแนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮ์คือการให้ความสำคัญกับ “สายรายงานทางวิชาการ” (السند العلمي) ซึ่งมิได้จำกัดเฉพาะการรายงานหะดีษ แต่รวมถึงการถ่ายทอดแนวทางความเชื่ออย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น

 

 

แหล่งอ้างอิงหลักของหลักความเชื่อ

 

1. อัลกุรอาน

 

     พระดำรัสของอัลลอฮ์ในอัลกุรอานถือเป็นแหล่งหลักของอากีดะฮ์ อัลลอฮ์ตรัสว่า:

"หากพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั้นกลับไปยังอัลลอฮ์และร่อซูล..."

(อันนิสาอ์: 59)

 

2. ซุนนะฮ์ของท่านนบี ﷺ

 

     ท่านนบีมุหัมมัด ﷺ กล่าวว่า:

"แท้จริงฉันได้ทิ้งสิ่งหนึ่งไว้กับพวกเจ้า หากพวกเจ้ายึดมั่นไว้จะไม่หลงทางหลังจากฉัน คือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และซุนนะฮ์ของฉัน"

(บันทึกโดยอิมามมาลิกใน อัลมุวัฏฏอ)

 

3. ความเข้าใจของบรรพชนผู้ทรงคุณธรรม (السلف الصالح)

 

     บรรดาศอหาบะฮ์และตาบิอีนเป็นผู้ที่ได้รับการยืนยันจากอัลลอฮ์ว่าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง:

"และบรรดาผู้มาก่อน คือหมู่ผู้อพยพและผู้ช่วยเหลือ และผู้ที่ตามพวกเขาอย่างดีงาม อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยพวกเขา..."

(อัตเตาบะฮ์: 100)

 

 

ความสำคัญของสายรายงานในหลักความเชื่อ

 

          สายรายงาน (الإسناد) คือการถ่ายทอดความรู้จากผู้รู้คนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในศาสตร์ของอะกีดะฮ์ หมายถึง การถ่ายทอดแนวคิด ความเข้าใจ และหลักฐานศาสนาในรูปแบบที่ถูกต้อง แนวทางนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “เครื่องมือในการปกป้องศาสนา” ดังคำกล่าวของอิหม่ามอับดุลลอฮฺ อิบนุลมุบาร็อก:

 

"الإسناد من الدين، ولولا الإسناد لقال من شاء ما شاء"

 

“สายรายงานคือส่วนหนึ่งของศาสนา หากไม่มีสายรายงาน ใครจะพูดอะไรก็ได้”

 

     ตัวอย่างสายรายงานด้านอะกีดะฮ์ (สายวิชาการ) จากท่านนบี ﷺ ถึงอิหม่ามในยุคหลัง

ท่านนบีมุหัมมัด ﷺ

อับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอูดรอฎิยัลลอฮุอันฮุ

อัลกอมะฮฺ อิบนุ ก็อยส์

อิบราฮีม อันนะคะอีย์

หัมมาด อิบนุ อบีสุลัยมาน

อิมามอบูฮะนีฟะฮ์ (رحمه الله)

อิมามอบูยูซุฟ และมุหัมมัด อิบนุ อัลหะซัน

อิมามอะหฺมัด อิบนุฮัมบัล (رحمه الله)

อิมามอัลบุคอรีย์, อิบนุ อะบีอะซีม, อัตตะเฏาะวีย์

อิมามอิบนุตัยมียะฮ์ (رحمه الله)

อิบนุลกัยยิม, อัซซะฮะบี, อิบนุกะษีร

เชคมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮาบ

เชคอิบนุบาซ, อัลอัลบานีย์, อิบนุอุษัยมีน

ศิษย์ยุคปัจจุบันผู้สืบทอดแนวทางสะละฟ

 

จุดเด่นของสายรายงานนี้ ยึดหลักอัลกุรอานและซุนนะฮ์โดยไม่เปลี่ยนแปลงความหมาย (تحريف)

ไม่อุปมาหรือเปรียบเทียบคุณลักษณะของอัลลอฮ์กับสิ่งใด (تمثيل)

ไม่ปฏิเสธคุณลักษณะของอัลลอฮ์ (تعطيل)

ไม่ใช้เหตุผลขัดหลักฐาน (تقديم العقل على النقل)

ยืนหยัดต่อสู้กับแนวคิดเบี่ยงเบน เช่น กลุ่มญะฮ์มียะฮ์, มุอฺตะซิละ, อัชชาอิเราะฮ์, ซูฟียะฮ์หัวรุนแรง และกาลามีย์

 

         การยึดมั่นในสายรายงานด้านอากีดะฮ์ตามแนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ คือการยึดมั่นในแนวทางของท่านนบี ﷺ และผู้ที่ตามพวกท่านอย่างดีงาม (ตามพระดำรัสในซูเราะฮฺอัตเตาบะฮ์ 100) นี่คือหลักประกันว่าหลักความเชื่อจะถูกถ่ายทอดอย่างบริสุทธิ์ ปราศจากการปะปนของแนวคิดแปลกปลอม

 

 

 การสืบทอดหลักความเชื่ออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคท่านนบี ﷺ

 

          จากการพิจารณาสายรายงานทางวิชาการ (السند العلمي) ที่ถ่ายทอดแนวทางอะกีดะฮ์ของอะฮฺลุซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ เราสามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า บรรดานักวิชาการผู้ยึดแนวทางสะละฟ (السلف الصالح) ต่างมีหลักความเชื่อที่สอดคล้องตรงกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ยุคของท่าน ศาสนทูตมุหัมมัด ﷺ, ยุคเศาะหาบะฮ์, ตาบิอีน, ตะบิอุตตาบิอีน จนถึงยุคของอิมามสี่สาย และนักวิชาการสะละฟีย์ร่วมสมัย เช่น เชคอิบนุบาซ, อัลอัลบานีย์ และอิบนุอุษัยมีน

 

          แนวทางความเชื่อนี้มีลักษณะเด่นที่คงที่ ไม่แปรเปลี่ยนตามบริบทวัฒนธรรมหรือระบบปรัชญาใด ๆ โดยยืนอยู่บนหลักฐานจาก อัลกุรอาน, ซุนนะฮ์ และความเข้าใจของบรรพชนผู้ทรงคุณธรรม อันแสดงถึงความบริสุทธิ์และความต่อเนื่องของแนวทางที่ถูกต้องในศาสนา

 

     ❝ แนวทางของสะละฟในอะกีดะฮ์ไม่ใช่เพียงมรดกทางความรู้ แต่คือการสืบทอดแบบแผนแห่งความศรัทธาที่บริสุทธิ์จากท่านนบี ﷺ โดยไม่เพิ่ม ไม่ลด และไม่บิดเบือน ❞