ความฝันเฟื่องของคนเกี่ยวกับเรื่องดุนยา
สอนโดย ชัยค์มัรซูค คอลิด อัลอาซีมีย์
แปลโดย..... อ.อาบีดีณ โยธาสมุทธ
• ข้อเท็จจริงของชีวิตในโลกใบนี้ = โลกแห่งการทดสอบ ดุนยาไม่ใช่ที่พำนักที่ถาวรของใครหน้าไหน เป็นโลกแห่งการทำข้อสอบ
• ดุนยา : เป็นโลกที่มาหลอกลวงเราจนทำให้เราลืมจุดประสงค์หลัก อาจจะทำให้เราให้ความสำคัญกับ สถานะ เงิน ลูกหลานมากไปจนทำให้เสื่อมเสียสภาพ ดุนยา ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการถูกครอบงำ
• ชายผู้ศรัทธาจากครอบครัวของฟิรเอาน์ ที่ปกปิดการศรัทธาของตนเองและเตือนกลุ่มชนของฟิรเอาน์
ในซูเราะฮ์ฆอฟิร อายะฮ์ 39-40 ความหมายโดยสรุปว่า
“ โอ้หมู่ชนของฉัน! ชีวิตในโลกนี้เป็นเพียงการเพลิดเพลินชั่วครู่เท่านั้น ส่วนอาคิเราะฮ์ต่างหากคือที่พำนักถาวร
ผู้ใดกระทำความชั่ว ก็จะได้รับผลตอบแทนเท่าที่เขาทำไว้
แต่ผู้ใดทำความดีโดยเป็นผู้ศรัทธา ชายหรือหญิง พวกเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์และได้รับปัจจัยยังชีพในนั้นโดยไม่จำกัด”
จะเห็นว่า อัลลอฮ์ทรงผูกเรื่องการทำดีไว้กับการศรัทธา การทำดีจะไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ได้ศรัทธา
• อัลลอฮ์เตือนให้เราระวังการถูกดุนยาหลอกไว้หลายที่ในอัลกุรอาน ซึ่งเป็นการเตือนอย่างจริงจัง!!
• อัลลอฮ์เล่าสภาพของมนุษย์ว่า ส่วนมาก 'คนเรามักจะ ไม่มีคำว่าพอ กับดุนยา'
• จากอบูฮุร็อยเราะฮฺ จากท่านนบี กล่าวว่า:
“หากว่าลูกหลานอาดัมมีหุบเขาที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติแล้วเขาก็ยังจะปรารถนาให้มีหุบเขาที่สอง
และหากเขามีหุบเขาสองแห่งเขาก็จะยังปรารถนาหุบเขาที่สามและไม่มีสิ่งใดที่จะเติมเต็มช่องท้องของลูกหลานอาดัมได้นอกจากดิน (คือ ความตาย)
และอัลลอฮฺทรงอภัยให้แก่ผู้ที่ขออภัยโทษต่อพระองค์”
(เศาะฮีห์อัลบุคอรี หมายเลข 6439 และเศาะฮีห์มุสลิม หมายเลข 1048)
• การไม่มีคำว่าพอ หรือการไม่รู้จักพอมันคือการลงโทษอยู่ในตัว ฐานของมันคือความทุกข์ ไม่มีโอกาสที่จะนิ่งอย่างเป็นสุข ความรู้สึกแบบนี้ในตัวของมันนั่นแหละคือการลงโทษจากอัลลอฮ์
• เพราะฉะนั้น อย่าหลง!! อย่าให้ดุนยาดึงเราไปจากจุดประสงค์ที่เราถูกสร้างมา เช่น อย่าอวดลูก อวดการมีทายาท ( มีลูกเยอะไม่เท่ามีลูกคุณภาพ)
ท่านรอซู้ล ﷺ กล่าวว่า :
"เมื่อมนุษย์ตายไปแล้ว การงานของเขาจะสิ้นสุดลง ยกเว้นจากสามสิ่ง คือ:
เศาะดะเกาะฮ์ญาริยะฮ์ (ทานที่ก่อประโยชน์ต่อเนื่อง)
วิชาความรู้ที่ผู้คนได้ใช้ประโยชน์
ลูกที่ดีงามที่ขอดุอาอ์ให้เขา"
(รายงานโดย อิมามมุสลิม )
• ประเด็นที่ควรเอาใจใส่คือ การอยู่ในความดีที่อัลลอฮได้บอกไว้ ดุนยาเทียบอะไรไม่ได้เลยกับอาคิเราะห์ แม้แต่นิดเดียว!
• สิ่งที่มีอยู่ในดุนยา ทำให้ขยับห่างออกจากความเมตตาของอัลลอฮ์ ยกเว้น 4 เรื่อง
1. การรำลึกถึงอัลลอฮ
2. การทำตามคำสั่งของอัลลอฮ ให้ใกล้ชิดต่ออัลลอฮ
3. คนที่มีความรู้ในศาสนา นำศาสนามาใช้ในชีวิตและบอกต่อ
4. ผู้ที่แสวงหาความรู้ในเรื่องศาสนา
พบว่าทั้ง4เรื่องนี้ ไม่มีกิจกรรมใดเกี่ยวข้องกับดุนยา ซึ่งแปลว่ากิจกรรมที่เป็นเรื่องดุนยาทั้งหมด เป็นเรื่องที่น่าตำหนิ นอกจากเป็นกิจกรรมที่ช่วยทำให้เราเข้าใกล้ 4 เรื่องนี้เท่านั้นที่จะพ้นออกจากการตำหนิ
• อัลลอฮ์ ตรัสให้เราทราบถึงเป้าหมายในการมีดุนยา :
ٱلَّذِى خَلَقَ ٱلۡمَوۡتَ وَٱلۡحَيَوٰةَ لِيَبۡلُوَكُمۡ أَيُّكُمۡ أَحۡسَنُ عَمَلٗاۚ وَهُوَ ٱلۡعَزِيزُ ٱلۡغَفُورُ
“พระองค์ผู้ทรงสร้างความตายและชีวิต เพื่อจะทดสอบพวกเจ้าว่าใครในหมู่พวกเจ้าจะประพฤติการงานที่ดีที่สุด
และพระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงอภัยโทษ”
(อัลมุลก์ 67:2)
บททดสอบว่า ใครใช้ชีวิตเพื่อพระเจ้า หรือใครอยู่ในการหลงอารมณ์ใฝ่ต่ำตัวเอง ซึ่งดีที่สุด ไม่ใช่มากที่สุด
• งานที่ถูกเรียกว่าดี ต้องหมายถึงงานที่พระเจ้ารับรอง สิ่งที่พระเจ้ารับรอง รู้ได้ผ่านท่านรอซู้ลﷺเท่านั้น ไม่ใช่ทำตามใจตัวเอง
• ไม่ใช่ทุกคนที่จากโลกดุนยาไปแล้วจะดีหมด มีคนที่อยากกลับมาดุนยา เพราะ 2 เหตุผล
1. อยากเพิ่มผลงานที่ดีของตัวเอง
2. คนที่ตายไปในสภาพที่ฝ่าฝืน อยากกลับมาเพื่อจะได้กลับตัว จะได้ไม่ต้องไปเจอสิ่งที่เลวร้ายหลังความตาย
ข้อเท็จจริงที่เกิดกับบุคคล 2 สภาพด้านบน คือ ' คนที่ตายจากดุนยาไป แต่อยากกลับมาดุนยาอีก ซึ่งความอยากที่เกิดขึ้นนี้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ' เรียกว่าฝันเฟื่อง
อัลลอฮ์ ตรัสว่า
"จนกระทั่งเมื่อความตายมาถึงคนหนึ่งในพวกเขา
เขากล่าวว่า: ‘โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดส่งข้าพระองค์กลับไป (สู่โลกอีกครั้ง) เพื่อว่าข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์เคยละเลยไว้’
แต่เปล่าเลย! นั่นเป็นเพียงคำพูดที่เขากล่าวขึ้นเท่านั้น และเบื้องหลังพวกเขามีบัรซัค (ระหว่างโลกนี้กับปรโลก) จนถึงวันพวกเขาถูกให้ฟื้นคืนชีพ”
(อัลมุอฺมินูน 23:99-100)
ในอายะห์นี้พระองค์ทรงรู้ดียิ่งว่า มนุษย์ไม่มีทางทำตามที่พูดได้
อัลลอฮ์ ตรัสอีกว่า
“และจงบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า ก่อนที่ความตายจะมาถึงคนหนึ่งในพวกเจ้า
เขากล่าวว่า: ‘โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ไม่ประวิงข้าพระองค์ไปจนถึงกำหนดเวลาอันใกล้ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้บริจาคทานและจะได้เป็นหนึ่งในผู้ทำดี’
และอัลลอฮ์จะไม่ทรงประวิงชีวิตใดๆ เมื่อกำหนดเวลาของมันมาถึง และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ”
(อัลมุนาฟิกูน 63:10-11)
• การฝันเฟื่องไม่ได้เกิดกับคนที่หลุดจากดุนยาและไปอาลัมบัรซัคเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในนรกที่อยากกลับมาในดุนยาและคนที่อยู่ในวันกิยามะห์ที่อยากกลับมาดุนยาเช่นกัน
อัลลอฮ์ ตรัสในซูเราะหฺอัสญ์ดะห์ อายะห์ที่ 12 ว่า
'และถ้าเจ้าได้เห็น เมื่อผู้กระทำผิดทั้งหลายก้มศีรษะของพวกเขาลง ณ ที่พระเจ้าของพวกเขา
(พลางกล่าวว่า) “ข้าแต่พระเจ้าของเรา เราได้เห็นแล้ว เราได้ยินแล้วขอได้ทรงโปรดส่งเรากลับไป (ยังโลกดุนยา)
เพื่อเราจะได้กระทำความดี แท้จริงเราเป็นผู้มีความเชื่อมั่นแล้ว (ณ บัดนี้)”
แต่ขณะที่มนุษย์พูดออกมา ใจจริงก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะรู้ว่าตัวเองขาดทุน และเสียหายอยู่
• อีกภาพของความฝันเฟื่อง : คนที่จากโลกนี้ไป ที่ไม่ได้อยู่ในหมวดที่อัลลอฮ์พอใจ ก็คือคนที่อัลลอฮได้เล่าถึงคำวิงวอนของเขา ถึงช่วงที่ กิยามะห์ได้มาถึงแล้ว
โดยพวกเขานึกขึ้นได้ในช่วงเวลาที่หมดโอกาส ซึ่งการนึกขึ้นได้นี้ มันคือการลงโทษของอัลลอฮด้วยซ้ำ
อัลลอฮ์ให้สถานะโลกอาคิเราะห์ว่า = คือชีวิตจริง ที่เป็นความหมายจริงๆของชีวิต
คำอ้อนวอนทั้งหมดนี้ จริงๆโดยเนื้อแท้ อัลลอฮ์ทรงทราบดีว่า เป็นแค่คำอ้างที่โกหก และเป็นคำอ้างที่พูดถึงความอยากของตัวเองเพราะอัลลอฮรู้จักพวกเขามากกว่าที่เขารู้จักตัวเองด้วยซ้ำ (คนพวกนี้ที่อ้อนวอน ถ้าเขาได้กลับมาดุนยาจริงๆ เขาก็ไปทำสิ่งที่อัลลอฮห้ามอยู่ดี!!)
• คนที่เข้าใจ มีสติปัญญา เมื่อรับรู้ถึงข้อเท็จจริงของดุนยา คือ ต้องใช้โอกาสตรงนี้ในการเพิ่มความดีของตัวเอง และใช้โอกาสนี้ #ทำให้อัลลอฮ์พอใจ
• พวกคนในนรก เมื่อเขาอยู่ในนรกแล้ว เมื่อนั้นแล้วพวกเขาจึงจะยอมรับว่าจริงๆว่าตอนอยู่ดุนยา พวกเขาไม่ได้มีสติปัญญาจริงๆ ที่สามารถทำผลประโยชน์กับตัวเองได้เลย (ถึงแม้ว่าในดุนยาพวกเขาเหล่านี้จะรู้สึกว่าตัวเองเก่ง ฉลาดก็ตาม) ไม่งั้นคงไม่ต้องมาอยู่ในนรก
• คนเราเมื่อหมดโอกาสในการทำความดี = เขาจะตกอยู่ในสภาพเสียใจจนบรรยายไม่ได้
• มนุษย์จะเสียใจมากกับความละเลยที่เคยมีต่ออัลลอฮและที่เขาเองเคยเหยียดหยามคนที่ยึดมั่นในพระเจ้า จนเขาจะพูดว่า
'ถ้าหากอัลลอฮชี้นำฉัน ฉันคงจะเป็นบุคคลนึงที่จะยำเกรงต่ออัลลอฮ '
(ซูเราะห์อัซซุมัร:57)
ประโยคนี้ เป็นประโยคที่ไม่ยอมรับความผิดตัวเองแต่ไปโทษอัลลอฮ์ เพราะงั้นประโยคนั้นคือ ธาตุเเท้ของเขาที่ทำให้เขาลงนรก
• เมื่อโอกาสของการทำดีผ่านไปแล้ว คนที่หมดโอกาส จึงเป็นบุคคลที่ปฏิเสธต่ออัลลอฮ์ คนพวกนี้จะมีความหวังลมๆแล้งๆว่า 'ถ้าเป็นไปได้ฉันจะศรัทธาต่อพระองค์ หวังเหลือเกินว่าจะไม่อยู่ในสภาพนี้'
คนพวกนี้ เมื่อเห็นการตัดสินของอัลลอฮต่อสภาพสัตว์ ก็หวังว่าตัวเองจะได้กลายเป็นดินเหมือนสัตว์ที่ไม่ต้องถูกลงโทษ
• การหวังลมๆ แล้งๆ ของคนพวกนี้ ก็หวังเช่นกันว่าจะไม่อยากรับบัญชีของตัวเอง ไม่อยากรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบัญชี เพราะการคิดบัญชีของพวกเขาอัลลอฮ์ไม่ได้มอบให้ตัวต่อตัว แต่อัลลอฮ์ประจานความผิดต่อหน้าทุกคน
• ความหวังลมๆแล้งๆนอกจากเกิดกับกาเฟร ก็คือจะเกิดกับคนที่อธรรม (ต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น ต่อรอซู้ล ต่ออัลลอฮ) ในวันนั้นพวกเขาเสียใจด้วยกับการกัดมือของพวกเขาอย่างสุดแรง โดยเขาจะพูดว่า
'ถ้ามันจะเป็นไปได้ ฉันหวังเหลือเกิน ว่าฉันจะยึดเอาแนวทางของรอซู้ล
ความพินาศมันสมควรแล้วที่จะเกิดกับฉัน ไม่น่าเลยที่จะไปยึดคนพวกนั้นมาสนิท
เพราะมันทำให้ฉันหลงหลุดไปจากคำเตือนสติที่เข้ามาเตือนฉันแล้ว'
ซึ่งมันเป็นแค่หวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น
• ภาพของการฝันเฟื่องที่อยากกลับมายังดุนยา คือ คนที่อัลลอฮทรงโกรธกริ้ว แต่ข้อมูลที่อัลลอฮ์ได้บอกเราว่า 'จริงๆความรุ้สึกที่อยากกลับมาดุนยาก็ออกมาจากบุคคลที่อัลลอฮ์พอใจเช่นกัน'
• คนตายคนดีที่อยากกลับดุนยา เพราะอยากเพิ่มความดีมากขึ้นในตอนที่ยังอยู่ดุนยา คนที่อยากปรับปรุงศาสนาให้ผู้คน คนพวกนี้รักคนเพื่ออัลลอฮ์ เช่น คำพูดของบรรดาคนที่ทำหน้าที่ดึงผู้คนมาสู่อัลลอฮ์
คนมากมายที่มีบทบาทในศาสนาเพราะอยากยกตัวเองให้สูงกว่าคนอื่น ขอให้เราห่างไกลกับสิ่งนี้
ณ ศูนย์เรียนรู้อิสลาม อัส-สลาม จ.พังงา