ความฝันเฟื่องของคนเกี่ยวกับเรื่องดุนยา
  จำนวนคนเข้าชม  99

ความฝันเฟื่องของคนเกี่ยวกับเรื่องดุนยา

 

สอนโดย ชัยค์มัรซูค คอลิด อัลอาซีมีย์

แปลโดย..... อ.อาบีดีณ โยธาสมุทธ

 

  ข้อเท็จจริงของชีวิตในโลกใบนี้ = โลกแห่งการทดสอบ ดุนยาไม่ใช่ที่พำนักที่ถาวรของใครหน้าไหน  เป็นโลกแห่งการทำข้อสอบ

 

  ดุนยา : เป็นโลกที่มาหลอกลวงเราจนทำให้เราลืมจุดประสงค์หลัก อาจจะทำให้เราให้ความสำคัญกับ สถานะ เงิน ลูกหลานมากไปจนทำให้เสื่อมเสียสภาพ  ดุนยา ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการถูกครอบงำ 

 

  ชายผู้ศรัทธาจากครอบครัวของฟิรเอาน์ ที่ปกปิดการศรัทธาของตนเองและเตือนกลุ่มชนของฟิรเอาน์  

     ในซูเราะฮ์ฆอฟิร  อายะฮ์ 39-40 ความหมายโดยสรุปว่า 

     “ โอ้หมู่ชนของฉัน! ชีวิตในโลกนี้เป็นเพียงการเพลิดเพลินชั่วครู่เท่านั้น ส่วนอาคิเราะฮ์ต่างหากคือที่พำนักถาวร

     ผู้ใดกระทำความชั่ว ก็จะได้รับผลตอบแทนเท่าที่เขาทำไว้

     แต่ผู้ใดทำความดีโดยเป็นผู้ศรัทธา ชายหรือหญิง พวกเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์และได้รับปัจจัยยังชีพในนั้นโดยไม่จำกัด”

     จะเห็นว่า อัลลอฮ์ทรงผูกเรื่องการทำดีไว้กับการศรัทธา  การทำดีจะไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ได้ศรัทธา 

 

  อัลลอฮ์เตือนให้เราระวังการถูกดุนยาหลอกไว้หลายที่ในอัลกุรอาน ซึ่งเป็นการเตือนอย่างจริงจัง!!

 

  อัลลอฮ์เล่าสภาพของมนุษย์ว่า ส่วนมาก 'คนเรามักจะ ไม่มีคำว่าพอ กับดุนยา'

 

  จากอบูฮุร็อยเราะฮฺ จากท่านนบี  กล่าวว่า:

 

     “หากว่าลูกหลานอาดัมมีหุบเขาที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติแล้วเขาก็ยังจะปรารถนาให้มีหุบเขาที่สอง

     และหากเขามีหุบเขาสองแห่งเขาก็จะยังปรารถนาหุบเขาที่สามและไม่มีสิ่งใดที่จะเติมเต็มช่องท้องของลูกหลานอาดัมได้นอกจากดิน (คือ ความตาย)

     และอัลลอฮฺทรงอภัยให้แก่ผู้ที่ขออภัยโทษต่อพระองค์”  

(เศาะฮีห์อัลบุคอรี หมายเลข 6439 และเศาะฮีห์มุสลิม หมายเลข 1048)

 

  การไม่มีคำว่าพอ หรือการไม่รู้จักพอมันคือการลงโทษอยู่ในตัว ฐานของมันคือความทุกข์ ไม่มีโอกาสที่จะนิ่งอย่างเป็นสุข ความรู้สึกแบบนี้ในตัวของมันนั่นแหละคือการลงโทษจากอัลลอฮ์

 

  เพราะฉะนั้น อย่าหลง!! อย่าให้ดุนยาดึงเราไปจากจุดประสงค์ที่เราถูกสร้างมา  เช่น อย่าอวดลูก อวดการมีทายาท  ( มีลูกเยอะไม่เท่ามีลูกคุณภาพ) 

     ท่านรอซู้ล ﷺ กล่าวว่า :

"เมื่อมนุษย์ตายไปแล้ว การงานของเขาจะสิ้นสุดลง ยกเว้นจากสามสิ่ง คือ:

 เศาะดะเกาะฮ์ญาริยะฮ์ (ทานที่ก่อประโยชน์ต่อเนื่อง)

 วิชาความรู้ที่ผู้คนได้ใช้ประโยชน์

ลูกที่ดีงามที่ขอดุอาอ์ให้เขา"

(รายงานโดย อิมามมุสลิม )

 

  ประเด็นที่ควรเอาใจใส่คือ การอยู่ในความดีที่อัลลอฮได้บอกไว้  ดุนยาเทียบอะไรไม่ได้เลยกับอาคิเราะห์ แม้แต่นิดเดียว!

 

  สิ่งที่มีอยู่ในดุนยา ทำให้ขยับห่างออกจากความเมตตาของอัลลอฮ์ ยกเว้น 4 เรื่อง

1. การรำลึกถึงอัลลอฮ

2. การทำตามคำสั่งของอัลลอฮ ให้ใกล้ชิดต่ออัลลอฮ

3. คนที่มีความรู้ในศาสนา นำศาสนามาใช้ในชีวิตและบอกต่อ

4. ผู้ที่แสวงหาความรู้ในเรื่องศาสนา

     พบว่าทั้ง4เรื่องนี้ ไม่มีกิจกรรมใดเกี่ยวข้องกับดุนยา ซึ่งแปลว่ากิจกรรมที่เป็นเรื่องดุนยาทั้งหมด เป็นเรื่องที่น่าตำหนิ นอกจากเป็นกิจกรรมที่ช่วยทำให้เราเข้าใกล้ 4 เรื่องนี้เท่านั้นที่จะพ้นออกจากการตำหนิ

 

  อัลลอฮ์ ตรัสให้เราทราบถึงเป้าหมายในการมีดุนยา :

 ٱلَّذِى خَلَقَ ٱلۡمَوۡتَ وَٱلۡحَيَوٰةَ لِيَبۡلُوَكُمۡ أَيُّكُمۡ أَحۡسَنُ عَمَلٗاۚ وَهُوَ ٱلۡعَزِيزُ ٱلۡغَفُورُ 

“พระองค์ผู้ทรงสร้างความตายและชีวิต เพื่อจะทดสอบพวกเจ้าว่าใครในหมู่พวกเจ้าจะประพฤติการงานที่ดีที่สุด

และพระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงอภัยโทษ”

(อัลมุลก์ 67:2)

 

 

บททดสอบว่า ใครใช้ชีวิตเพื่อพระเจ้า หรือใครอยู่ในการหลงอารมณ์ใฝ่ต่ำตัวเอง ซึ่งดีที่สุด ไม่ใช่มากที่สุด

 

  งานที่ถูกเรียกว่าดี ต้องหมายถึงงานที่พระเจ้ารับรอง สิ่งที่พระเจ้ารับรอง รู้ได้ผ่านท่านรอซู้ลﷺเท่านั้น ไม่ใช่ทำตามใจตัวเอง

 

  ไม่ใช่ทุกคนที่จากโลกดุนยาไปแล้วจะดีหมด มีคนที่อยากกลับมาดุนยา เพราะ 2 เหตุผล

1.  อยากเพิ่มผลงานที่ดีของตัวเอง 

2.  คนที่ตายไปในสภาพที่ฝ่าฝืน อยากกลับมาเพื่อจะได้กลับตัว จะได้ไม่ต้องไปเจอสิ่งที่เลวร้ายหลังความตาย

      ข้อเท็จจริงที่เกิดกับบุคคล 2 สภาพด้านบน คือ ' คนที่ตายจากดุนยาไป แต่อยากกลับมาดุนยาอีก ซึ่งความอยากที่เกิดขึ้นนี้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ' เรียกว่าฝันเฟื่อง 

     อัลลอฮ์ ตรัสว่า 

     "จนกระทั่งเมื่อความตายมาถึงคนหนึ่งในพวกเขา 

     เขากล่าวว่า: ‘โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดส่งข้าพระองค์กลับไป (สู่โลกอีกครั้ง) เพื่อว่าข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์เคยละเลยไว้’ 

     แต่เปล่าเลย! นั่นเป็นเพียงคำพูดที่เขากล่าวขึ้นเท่านั้น และเบื้องหลังพวกเขามีบัรซัค (ระหว่างโลกนี้กับปรโลก) จนถึงวันพวกเขาถูกให้ฟื้นคืนชีพ”

(อัลมุอฺมินูน 23:99-100)

     ในอายะห์นี้พระองค์ทรงรู้ดียิ่งว่า มนุษย์ไม่มีทางทำตามที่พูดได้

      อัลลอฮ์ ตรัสอีกว่า  

     “และจงบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า ก่อนที่ความตายจะมาถึงคนหนึ่งในพวกเจ้า 

     เขากล่าวว่า: ‘โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ไม่ประวิงข้าพระองค์ไปจนถึงกำหนดเวลาอันใกล้ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้บริจาคทานและจะได้เป็นหนึ่งในผู้ทำดี’

     และอัลลอฮ์จะไม่ทรงประวิงชีวิตใดๆ เมื่อกำหนดเวลาของมันมาถึง และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ”

(อัลมุนาฟิกูน 63:10-11)

 

  การฝันเฟื่องไม่ได้เกิดกับคนที่หลุดจากดุนยาและไปอาลัมบัรซัคเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในนรกที่อยากกลับมาในดุนยาและคนที่อยู่ในวันกิยามะห์ที่อยากกลับมาดุนยาเช่นกัน

      อัลลอฮ์ ตรัสในซูเราะหฺอัสญ์ดะห์ อายะห์ที่ 12 ว่า 

     'และถ้าเจ้าได้เห็น เมื่อผู้กระทำผิดทั้งหลายก้มศีรษะของพวกเขาลง ณ ที่พระเจ้าของพวกเขา 

     (พลางกล่าวว่า) “ข้าแต่พระเจ้าของเรา เราได้เห็นแล้ว เราได้ยินแล้วขอได้ทรงโปรดส่งเรากลับไป (ยังโลกดุนยา)

     เพื่อเราจะได้กระทำความดี แท้จริงเราเป็นผู้มีความเชื่อมั่นแล้ว (ณ บัดนี้)”  

     แต่ขณะที่มนุษย์พูดออกมา ใจจริงก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะรู้ว่าตัวเองขาดทุน และเสียหายอยู่ 

 

  อีกภาพของความฝันเฟื่อง : คนที่จากโลกนี้ไป ที่ไม่ได้อยู่ในหมวดที่อัลลอฮ์พอใจ ก็คือคนที่อัลลอฮได้เล่าถึงคำวิงวอนของเขา ถึงช่วงที่ กิยามะห์ได้มาถึงแล้ว

     โดยพวกเขานึกขึ้นได้ในช่วงเวลาที่หมดโอกาส  ซึ่งการนึกขึ้นได้นี้ มันคือการลงโทษของอัลลอฮด้วยซ้ำ

     อัลลอฮ์ให้สถานะโลกอาคิเราะห์ว่า = คือชีวิตจริง ที่เป็นความหมายจริงๆของชีวิต

     คำอ้อนวอนทั้งหมดนี้ จริงๆโดยเนื้อแท้ อัลลอฮ์ทรงทราบดีว่า เป็นแค่คำอ้างที่โกหก และเป็นคำอ้างที่พูดถึงความอยากของตัวเองเพราะอัลลอฮรู้จักพวกเขามากกว่าที่เขารู้จักตัวเองด้วยซ้ำ (คนพวกนี้ที่อ้อนวอน ถ้าเขาได้กลับมาดุนยาจริงๆ เขาก็ไปทำสิ่งที่อัลลอฮห้ามอยู่ดี!!)

 

  คนที่เข้าใจ  มีสติปัญญา เมื่อรับรู้ถึงข้อเท็จจริงของดุนยา คือ ต้องใช้โอกาสตรงนี้ในการเพิ่มความดีของตัวเอง และใช้โอกาสนี้ #ทำให้อัลลอฮ์พอใจ

 

  พวกคนในนรก เมื่อเขาอยู่ในนรกแล้ว เมื่อนั้นแล้วพวกเขาจึงจะยอมรับว่าจริงๆว่าตอนอยู่ดุนยา พวกเขาไม่ได้มีสติปัญญาจริงๆ ที่สามารถทำผลประโยชน์กับตัวเองได้เลย (ถึงแม้ว่าในดุนยาพวกเขาเหล่านี้จะรู้สึกว่าตัวเองเก่ง ฉลาดก็ตาม) ไม่งั้นคงไม่ต้องมาอยู่ในนรก

 

  คนเราเมื่อหมดโอกาสในการทำความดี = เขาจะตกอยู่ในสภาพเสียใจจนบรรยายไม่ได้

 

  มนุษย์จะเสียใจมากกับความละเลยที่เคยมีต่ออัลลอฮและที่เขาเองเคยเหยียดหยามคนที่ยึดมั่นในพระเจ้า จนเขาจะพูดว่า 

'ถ้าหากอัลลอฮชี้นำฉัน ฉันคงจะเป็นบุคคลนึงที่จะยำเกรงต่ออัลลอฮ ' 

(ซูเราะห์อัซซุมัร:57) 

     ประโยคนี้ เป็นประโยคที่ไม่ยอมรับความผิดตัวเองแต่ไปโทษอัลลอฮ์ เพราะงั้นประโยคนั้นคือ ธาตุเเท้ของเขาที่ทำให้เขาลงนรก

 

  เมื่อโอกาสของการทำดีผ่านไปแล้ว คนที่หมดโอกาส จึงเป็นบุคคลที่ปฏิเสธต่ออัลลอฮ์ คนพวกนี้จะมีความหวังลมๆแล้งๆว่า 'ถ้าเป็นไปได้ฉันจะศรัทธาต่อพระองค์ หวังเหลือเกินว่าจะไม่อยู่ในสภาพนี้' 

     คนพวกนี้ เมื่อเห็นการตัดสินของอัลลอฮต่อสภาพสัตว์ ก็หวังว่าตัวเองจะได้กลายเป็นดินเหมือนสัตว์ที่ไม่ต้องถูกลงโทษ

 

การหวังลมๆ แล้งๆ ของคนพวกนี้ ก็หวังเช่นกันว่าจะไม่อยากรับบัญชีของตัวเอง ไม่อยากรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบัญชี เพราะการคิดบัญชีของพวกเขาอัลลอฮ์ไม่ได้มอบให้ตัวต่อตัว แต่อัลลอฮ์ประจานความผิดต่อหน้าทุกคน

 

  ความหวังลมๆแล้งๆนอกจากเกิดกับกาเฟร ก็คือจะเกิดกับคนที่อธรรม (ต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น ต่อรอซู้ล ต่ออัลลอฮ) ในวันนั้นพวกเขาเสียใจด้วยกับการกัดมือของพวกเขาอย่างสุดแรง  โดยเขาจะพูดว่า 

'ถ้ามันจะเป็นไปได้ ฉันหวังเหลือเกิน ว่าฉันจะยึดเอาแนวทางของรอซู้ล 

ความพินาศมันสมควรแล้วที่จะเกิดกับฉัน ไม่น่าเลยที่จะไปยึดคนพวกนั้นมาสนิท 

เพราะมันทำให้ฉันหลงหลุดไปจากคำเตือนสติที่เข้ามาเตือนฉันแล้ว'

     ซึ่งมันเป็นแค่หวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น

 

ภาพของการฝันเฟื่องที่อยากกลับมายังดุนยา คือ คนที่อัลลอฮทรงโกรธกริ้ว แต่ข้อมูลที่อัลลอฮ์ได้บอกเราว่า 'จริงๆความรุ้สึกที่อยากกลับมาดุนยาก็ออกมาจากบุคคลที่อัลลอฮ์พอใจเช่นกัน'

 

  คนตายคนดีที่อยากกลับดุนยา เพราะอยากเพิ่มความดีมากขึ้นในตอนที่ยังอยู่ดุนยา คนที่อยากปรับปรุงศาสนาให้ผู้คน คนพวกนี้รักคนเพื่ออัลลอฮ์ เช่น คำพูดของบรรดาคนที่ทำหน้าที่ดึงผู้คนมาสู่อัลลอฮ์

     คนมากมายที่มีบทบาทในศาสนาเพราะอยากยกตัวเองให้สูงกว่าคนอื่น ขอให้เราห่างไกลกับสิ่งนี้

 

 

 

ณ ศูนย์เรียนรู้อิสลาม อัส-สลาม จ.พังงา