ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคอวาริจญ์กับกลุ่มอิควาน
  จำนวนคนเข้าชม  105

ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคอวาริจญ์กับกลุ่มอิควาน อัลมุสลิมูน:

การวิเคราะห์เชิงแนวคิดและประวัติศาสตร์

 

เรียบเรียง โดย  อิสมาอีล  กอเซ็ม 

 

มวลการเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก

 

          กลุ่มคอวาริจญ์ (الخوارج) เป็นหนึ่งในกลุ่มนอกรีตที่ปรากฏในยุคต้นของประวัติศาสตร์อิสลาม โดยมีลักษณะเด่นคือการตักฟีรมุสลิมที่กระทำบาปใหญ่ และการลุกขึ้นต่อสู้กับผู้นำมุสลิม  โดยที่หะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวถึงคุณลักษณะของคอวาริจญ์   ซึ่งบางครั้งถูกนำมาใช้ในเชิงเปรียบเทียบกับบุคคลหรือองค์กรในยุคปัจจุบัน การใช้คำว่า "คอวาริจญ์" บางครั้งอาจผิดพลาดในการนำไปใช้ ดังนั้นชาวอะฮฺลุซซุนนะห์จึงไม่ควรรีบร้อนในการตัดสินผู้อื่นหรือองค์กรเว้นแต่จะมีหลักฐานที่ชัดเจนมาสนับสนุน

 

เราพอจะสรุปคุณลักษณะของคอวาริจญ์ได้ดังต่อไปนี้  

 

♦ เยาวชนวัยหนุ่มสาว

 

     พวกเขาส่วนมากเป็นคนหนุ่ม มีน้อยมากที่จะพบผู้สูงวัยหรือผู้มีประสบการณ์ในหมู่พวกเขา ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า: 

“พวกเขาเป็น *"เยาวชนวัยหนุ่มสาว”* (حُدَثَاءُ الْأَسْنَانِ)” 

 

     หาฟิซอิบนุหะญัร กล่าวว่า: *“الْحَدَثُ”* คือ *ผู้ที่ยังอายุน้อย* (فتح الباري 12/287) **2. 

     ความวู่วามและขาดความยั้งคิด ส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นคนหนุ่มที่มีความเร่าร้อน หุนหันพลันแล่น มองสั้น ขาดความเข้าใจ และไม่มีสายตายาวไกล  

      ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า: 

“ในช่วงปลายยุค จะมีกลุ่มคนวัยหนุ่มสาว มีความคิดสั้น ขาดวุฒิภาวะ”

 

          อิหม่ามนะวาวีย์กล่าวว่า : ความสุขุม ความมีวิจารณญาณ มักเกิดจากอายุที่มากขึ้นและการมีประสบการณ์ในชีวิต * 

          ความหลงตัวเองและดูถูกผู้อื่น** พวกเขามักหลงใหลในตนเอง อวดผลงานของตน เห็นว่าตนดีกว่าคนอื่น และดูถูกผู้อื่น  

          นี่ก็เป็นอีกลักษณะหนึ่งของคอวาริจญ์  หลงตัวเอง คิดว่าทุกอย่างที่ตัวเองทำจะดีกว่าผู้อื่น และไม่รับคำตักเตือนของใคร       

 

     ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:  “จะมีกลุ่มหนึ่งที่มีความขยันในการทำอิบาดะฮ์ จนผู้คนประทับใจในตัวพวกเขา และพวกเขาก็หลงตนเอง แต่แล้วก็จะหลุดออกจากศาสนาเหมือนลูกศรที่ทะลุเป้าหมายไป” 

(อะหมัด – สายรายงานเศาะฮีห์) 

 

 

♦ ความขยันในการอิบาดะฮ์  

 

     พวกเขาเคร่งครัดในการละหมาด ถือศีลอด อ่านอัลกุรอาน และเสียสละ จนทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าพวกเขาคือคนดี ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า: 

“พวกท่านจะดูหมิ่นการละหมาดของตัวเองเมื่อเทียบกับพวกเขา...” 

(บันทึกโดยมุสลิม) 

 

     อิบนุอับบาสกล่าวว่า: “ฉันเห็นพวกเขาเป็นกลุ่มที่ขยันมากที่สุดที่เคยพบ มือของพวกเขาเหมือนกับหนังอูฐที่หนา ใบหน้ามีร่องรอยของการสุญูดชัดเจน” 

(อับดุรรอซซากในอัลมุศ็อนนัฟ) 

 

 

♦ ความเข้าใจผิดในอัลกุรอาน 

 

          พวกเขาอ่านอัลกุรอานแต่ไม่เข้าใจ นำโองการที่ลงแก่กาฟิรมาใช้กับมุสลิม ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า: 

 

“พวกเขาอ่านอัลกุรอาน คิดว่าเป็นผลดีกับพวกเขา แต่แท้จริงเป็นผลร้ายต่อพวกเขา”

 

“พวกเขาอ่านอัลกุรอานแค่ถึงลำคอ ไม่ผ่านถึงหัวใจ” 

 

     อิหม่ามนะวาวีย์กล่าวว่า : พวกเขาแค่ท่องจำ ไม่เข้าใจสาระและไม่มีผลต่อจิตใจ  

         คำพูดที่สวยงาม แต่การกระทำเลวร้าย พวกเขาพูดจาดี มีเหตุผล อ้างอิงศาสนา เชิญชวนให้ปกครองด้วยบทบัญญัติของอัลลอฮ์ ต่อต้านผู้ปฏิเสธศรัทธา แต่การกระทำของพวกเขาขัดแย้งกับคำพูดนั้น ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า: 

“พวกเขาพูดจาดี แต่กระทำชั่ว”  “พวกเขาพูดคำพูดที่เป็นความจริง” “พวกเขาพูดคำพูดที่ดีที่สุดในหมู่มนุษย์” 

 

 

♦ การตักฟีร (การกล่าวหาผู้อื่นว่าเป็นกาฟิร) และการทำให้เลือดมุสลิมเป็นที่อนุญาต

 

         นี่คือลักษณะเด่นที่สุดของพวกเขา คือ ตักฟีรคนอื่นโดยไม่มีสิทธิ และสังหารมุสลิมผู้ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:  

 

“พวกเขาฆ่ามุสลิม แต่ละเว้นผู้ตั้งภาคี” 

 (บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)   

         พวกเขาเห็นว่ามุสลิมที่ทำบาปใหญ่เป็นกาฟิร บางครั้งก็กล่าวตักฟีรจากแค่ข้อสงสัย หรือเรื่องที่ยังมีความเห็นต่างทางวิชาการ แม้กระทั่งเรื่องที่ไม่มีบาป และไม่พิจารณาเงื่อนไขการตักฟีรหรือสิ่งที่เป็นข้อห้ามในการตัดสินผู้อื่นว่าเป็นกาเฟร 

 

 

♦ มีเครื่องหมายเฉพาะที่แสดงความแตกต่างจากคนทั่วไป 

 

     พวกเขามักมีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่ใช้แยกตนออกจากคนอื่น เช่น การแต่งกาย ธง สี หรือรูปลักษณ์ ในยุคของอาลี บุตรของอบีฏอลิบ สัญลักษณ์ของพวกเขาคือการโกนหัว ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:

 

 “เครื่องหมายของพวกเขา คือการโกนหัว” 

(บันทึกโดยบุคอรี) 

 

 

          ในขณะที่กลุ่มอิควาน อัลมุสลิมูน (الإخوان المسلمون) ซึ่งก่อตั้งในศตวรรษที่ 20 มีเป้าหมายในการฟื้นฟูอิสลามในทุกมิติของชีวิต การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทั้งสองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเข้าใจในทิศทางความคิดอิสลามสมัยใหม่ และการระบุอันตรายของแนวคิดที่เบี่ยงเบนจากแนวทางอะฮฺลุซสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ 

 

          แนวคิดของกลุ่มคอวาริจญ์ กลุ่มคอวาริจญ์ปรากฏขึ้นหลังสงครามศิฟฟีนในช่วงการขัดแย้งระหว่างท่านอะลี อิบนุ อบีฏอลิบ กับมุอาวียะฮ์ บิน อบีสุฟยาน พวกเขาออกจากการเป็นสาวกของท่านอะลีด้วยสโลแกน “لا حكم إلا لله” (ไม่มีการตัดสินนอกจากของอัลลอฮฺ) ซึ่งบิดเบือนจากความหมายแท้จริงของอัลกุรอาน พวกเขามีแนวโน้มในการตักฟีรมุสลิมที่กระทำบาปใหญ่ และยินดีในการใช้ความรุนแรงแม้ต่อมุสลิมด้วยกันเอง 

 

         ประวัติศาสตร์และแนวคิดของกลุ่มอิควาน กลุ่มอิควาน อัลมุสลิมูน ก่อตั้งโดยฮะซัน อัล-บันนา ในปี ค.ศ. 1928 ณ ประเทศอียิปต์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูอิสลามในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยยึดหลักการว่า “الإسلام دين ودولة” (อิสลามคือศาสนาและรัฐ) แม้เป้าหมายจะดูสงบในระยะแรก แต่ต่อมาเมื่อเกิดการปราบปรามโดยรัฐ ทำให้บางกลุ่มภายในอิควานมีแนวโน้มรุนแรง และก่อให้เกิดแนวคิดใหม่ เช่น แนวคิดของ **ซัยยิด กุฏบ** ที่ส่งอิทธิพลต่อขบวนการตักฟีรในยุคต่อมา 

 

         ความเหมือนและความแตกต่างอิควาน อัลมุสลิมูน | การตักฟีรมุสลิม | ตักฟีรผู้ที่ทำบาปใหญ่ | ส่วนใหญ่ไม่ตักฟีร แต่อิทธิพลของซัยยิด กุฏบ ก่อให้เกิดแนวโน้มดังกล่าวในบางกลุ่ม  การลุกขึ้นต่อต้านผู้นำ  เห็นว่าเป็นวาญิบเมื่อผู้นำทำบาป 

 

         กลุ่มดั้งเดิมไม่นิยมใช้ความรุนแรง แต่บางกลุ่มย่อยมีแนวคิดปฏิวัติ  การใช้หลักฐานศาสนา  ยึดอายะฮฺโดยไม่เข้าใจบริบท พยายามใช้หลักฐานศาสนาเพื่อสนับสนุนเป้าหมายทางการเมือง  ความสัมพันธ์กับอะฮฺลุซซุน อ้างว่าตัวเองว่าอยู่ในแนวทางอะลุซซุนนะห์  แต่อาจมีแนวคิดที่ขัดแย้งกับอะลุซซุนนะห์ในหลายๆประเด็น 

 

 

วิเคราะห์จุดยืนนักวิชาการอะลุซซุนนะห์ร่วมสมัยที่มีต่อกลุ่มอิควาน อัลมุสลิมูน

 

          กลุ่ม อิควาน อัลมุสลิมูน (الإخوان المسلمون) ถือเป็นหนึ่งในขบวนการอิสลามสมัยใหม่ที่มีอิทธิพลสูงสุดในโลกมุสลิม ทั้งในด้านแนวคิดการเมือง ศาสนา และสังคม ตั้งแต่ก่อตั้งโดย ฮะซัน อัลบันนา ในปี ค.ศ. 1928 จนถึงปัจจุบัน กลุ่มนี้มีบทบาทอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในประเทศมุสลิมหลายแห่ง 

 

          อย่างไรก็ตาม กลุ่มอิควานกลับถูกวิพากษ์อย่างกว้างขวางจากบรรดานักวิชาการสุนนีที่ถือมั่นในแนวทาง อะฮฺลุซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องอะกีดะฮ์ (หลักศรัทธา), มันฮัจญ์ (แนวทางปฏิบัติ), และการเมืองอิสลาม (السياسة الشرعية)

 

 

แนวคิดหลักของอิควาน และประเด็นที่ถูกวิจารณ์

 

          กลุ่มอิควานมีลักษณะเด่นในแนวคิดที่เน้นการฟื้นฟูอุมมะฮ์อิสลามผ่านการจัดตั้งรัฐอิสลามในรูปแบบที่ครอบคลุมทุกมิติของชีวิต ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม จุดเน้นหลักที่มักกล่าวถึงคือแนวคิดเรื่อง حاكمية الله (อำนาจสูงสุดเป็นของอัลลอฮ์) ซึ่งได้รับการวิเคราะห์และขยายผลโดย ซัยยิด กูตุบ ในลักษณะที่หลายฝ่ายมองว่าใกล้เคียงกับแนวคิดของกลุ่ม คอวาริจญ์ ในอดีต

 

          ตามแนวทางของกุฏบ แนวคิดนี้ทำให้เขาสรุปว่า สังคมมุสลิมในยุคปัจจุบันคือสังคมญาฮิลียะห์ (อวิชชา) และรัฐที่ไม่ปกครองด้วยชะรีอะฮ์คือรัฐกุฟรฺ (รัฐของผู้ปฏิเสธ), ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแนวทางตักฟีรยุคใหม่

 

 

ท่าทีของนักวิชาการอะห์ลุซซุนนะห์ร่วมสมัย

 

1. ความเห็นของเชค อิบนุ บาซ

          เชค อับดุลอะซีซ อิบนุ บาซ (رحمه الله) เป็นหนึ่งในนักวิชาการผู้ทรงอิทธิพลในโลกอาหรับ ท่านให้ความสำคัญกับการแยกแยะระหว่าง “การเชื่อมั่นในหลักเตาฮีด” กับ “การใช้อารมณ์ทางการเมือง” โดยมองว่าแนวคิดของซัยยิด กูตุบ  ในเรื่อง หากิมิยะฮ์ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแนวทางของ คอวาริจญ์ ที่กล่าวตักฟีรรัฐมุสลิมและผู้นำมุสลิมที่ไม่ปกครองตามหลักชะรีอะฮ์ ท่านเตือนว่าคำพูดของกุฏบก่อให้เกิดความสับสนในหมู่เยาวชน และนำไปสู่แนวคิดสุดโต่งในภายหลัง

 

2. ทัศนะของเชค อัล-อัลบานีย์

          เชค มุฮัมมัด นาศิรุดดีน อัล-อัลบานีย์ (رحمه الله) วิพากษ์กลุ่มอิควานกับแนวทางของพวกเขา ท่านชี้ว่ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับปริมาณมากกว่าคุณภาพ กล่าวคือ ยอมผ่อนปรนกับกลุ่มเบี่ยงเบนเพื่อสร้างแนวร่วมทางการเมือง โดยละเลยการทำให้แนวคิดอะกีดะฮ์บริสุทธิ์จากบิดอะฮ์ ท่านถือว่าแนวทางของอิควานไม่ยึดหลักสุนนะฮ์อย่างแท้จริง และเป็นภัยในระยะยาวต่อการอบรมเยาวชนมุสลิม

 

3. คำตัดสินของเชค ศอลิหฺ อัล-เฟาซาน

          เชคเฟาซาน (حفظه الله) มองว่าอิควานเป็นกลุ่มที่ใช้ “แนวทางเชิงกลยุทธ์” เพื่อขับเคลื่อนการเมือง โดยไม่ให้ความสำคัญต่อหลักอะกีดะฮ์และเตาฮีด ท่านกล่าวว่าอิควานเปิดประตูให้กับบิดอะฮ์หลายรูปแบบ และเป็นกลุ่มที่ “ประนีประนอมกับแนวทางที่เบี่ยงเบน” ทำให้ประชาชนหลงเข้าใจผิดว่าทุกกลุ่มที่อ้างอิสลามนั้นถูกต้องเท่าเทียมกัน

 

4. จุดยืนของเชคร็อบีอฺ อัล-มะดคอลีย์

          เชคร็อบีอฺมีบทบาทโดดเด่นในการวิเคราะห์และวิจารณ์อิควานในเชิงลึก ผ่านงานเขียนจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นถึงการเบี่ยงเบนทั้งในด้านหลักการ ความคิด และวิธีการเผยแผ่ ท่านชี้ว่าแนวคิดของซัยยิด กุฏบ ปูทางให้เกิดกลุ่มญิฮาดติดอาวุธในโลกอาหรับ และมีอิทธิพลอย่างสูงต่อกลุ่มหัวรุนแรงในยุคหลัง

 

 

บทวิเคราะห์สรุป

 

          จากการวิเคราะห์จุดยืนของนักวิชาการร่วมสมัยข้างต้น จะเห็นว่าเสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า กลุ่มอิควานมีลักษณะของการประนีประนอมกับแนวทางเบี่ยงเบน โดยเฉพาะในประเด็นอะกีดะฮ์ การตักฟีร และการใช้การเมืองเป็นเครื่องมือหลักในการดาอ์วะฮ์

          การเบี่ยงเบนนี้แม้จะมีเจตนาดีในบางด้าน (เช่น การฟื้นฟูอิสลาม) แต่กลับนำไปสู่ความเข้าใจผิด และความสุดโต่งในหมู่เยาวชนมุสลิม ทั้งนี้ บทเรียนที่สำคัญจากการวิเคราะห์ คือ ความจำเป็นในการยึดมั่นในแนวทางของอะฮฺลุซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ และไม่เบี่ยงเบนไปจากหลักเตาฮีด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางอุดมการณ์หรือกลยุทธ์ใด ๆ ก็ตาม