การรับความรู้จากผู้มีอายุ
แปลเรียบเรียง อ.ยะห์ยา หัสการณ์บัญชา
ฟัตวาจากเว็บไซต์ของเชคบินบาซ หัวข้อ "สามารถรับความรู้จากผู้มีอายุมากและผู้มีอายุน้อยได้หรือไม่"?
คำถาม :
เป็นที่รู้กันว่าผู้มีความรู้นั้นมีความรู้ที่เหลื่อมล้ำกัน ดังนั้นจึงมีบางคนกล่าวว่า "อย่ารับความรู้นอกจากคนมีอายุมากเท่านั้น" และเขาก็ละทิ้งการรับความรู้จากผู้มีความรู้ที่อายุน้อย ทั้งๆที่คนส่วนมากนั้นก็คือนักศึกษาที่มีอายุน้อย?
คำตอบโดยเชคอับดุลอะซีซ บินบาซ :
ท่านจงรับความรู้จากคนที่ท่านคิดว่าเขามีความรู้ ไม่ว่าเขาจะมีอายุน้อย อายุมาก หรือวัยกลางคนก็ตาม จงรับความรู้จากคนที่มีความรู้ เพราะผู้คน(ในอดีต)นั้นรับความรู้จากผู้มีความรู้ ดังเช่นที่ท่านอิบนุอับบาสซึ่งเป็นหนึ่งในศ่อฮาบะฮ์ที่มีอายุน้อยที่สุด แต่ก็มีกองคาราวานเดินทางมาเพื่อเรียนรู้จากท่าน(อิบนุอับบาสซึ่งมีอายุน้อย) ทั้งที่ในตอนนั้นก็มีศ่อฮาบะฮ์ที่อายุมาก เช่นท่านอับดุรเราะห์มาน อิบนุเอาฟ์ ท่านอัซซุบัยร์ อิบนุ้ลเอาวาม ท่านอัลฮาริษ อิบนุ อุบัยดิ้ลลาฮ์ และท่านอื่นๆ
ประเด็นก็คือ หากว่าคนหนุ่มที่มีความรู้ความเข้าใจ(ในความรู้ศาสนา) ก็ให้รับความรู้จากเขา หมายถึงความรู้ศาสนา ที่ว่าอัลลอฮฺได้ตรัสไว้(อัลกุรอาน)และท่านนบีได้กล่าวไว้(อัลหะดีษ)
(จบการอ้างอิงจากเว็บไซต์ฟัตวาของเชคอับดุลอะซีซ บินบาซ)
มีบางคนอ้างอิงหะดีษที่ว่า ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่า หนึ่งในสัญญาณของวันกิยามะฮ์ก็คือ การแสวงหาความรู้จากคนที่อายุน้อย
(บันทึกโดยอิมามอิบนุ้ลมุบาร็อกและท่านอื่นๆ)
ท่านนุอัยม์กล่าวว่า มีคนกล่าวถามท่านอิบนุ้ลมุบาร็อกว่า ใครคือผู้มีอายุน้อยหรือ?
ท่านอิบนุ้ลมุบาร็อกตอบว่า คือผู้ที่พูด(สอน)ด้วยความคิดของตนเอง ส่วนผู้อายุน้อยที่เรียนมาจากปราชญ์อาวุโสนั้น ไม่ใช่หนึ่งในผู้อายุน้อย(ที่หะดีษห้ามไว้)
และหะดีษอีกบทที่ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่า “ความจำเริญนั้นอยู่ที่ผู้อาวุโสของพวกท่าน”
(บันทึกโดยอิบนุฮิบบาน และท่านอื่นๆ)(จบการอ้างอิงหะดีษพร้อมคำอธิบาย)
จากแหล่งอ้างอิงที่ยกมานี้สามารถวิเคราะห์เชิงสรุปได้ว่า
1. คำว่า "อาวุโส" ในหะดีษนั้น นักปราชญ์อธิบายว่า มีความหมายได้ 2 ประเภท คือ
1.1ผู้มีความรู้ที่อายุมากและมีคุณธรรม เป็นแบบอย่างที่ดี มีมารยาทดี สุขุม ไม่ใจร้อน ไม่หยาบคายกัดจิก หรือเย้ยหยันคนอื่น เพราะผ่านโลกผ่านประสบการณ์มามาก
1.2 ผู้มีความรู้ศาสนาแม้ว่าจะอายุน้อยก็ตาม
ซึ่ง2 ประเภทนี้คือความหมายของอาวุโสที่หะดีษหมายถึง ส่วนคนอายุมากที่ไม่มีคุณลักษณะที่ว่าก็ไม่ถือว่าเข้าข่ายอาวุโสที่หะดีษได้บอกไว้ เพราะมีหะดีษบางบทที่ระบุถึงคนอายุมากในด้านไม่ดีเช่นกัน ดังเช่นหะดีษบทหนึ่ง
ที่มีชายคนหนึ่งถามท่านนบีว่า ใครคือคนที่ดีที่สุดหรือ?
ท่านนบีได้กล่าวตอบว่า คนที่อายุยืนและการงานของเขาเป็นการงานที่ดี
ชายคนนั้นถามต่อไปว่า แล้วใครคือคนที่ชั่วที่สุดหรือ?
ท่านนบีตอบว่า คนที่อายุยืนและการงานของเขาเป็นการงานที่ไม่ดี
(หะดีษศ่อเฮียะห์ บันทึกโดยอิมามอัตติรมิซีย์)
ดังนั้นจากหะดีษนี้เราจึงรับรู้ได้ว่า อาวุโสด้านอายุมากไม่ใช่หลักประกันว่าจะดีเสมอไป
2. ผู้มีความรู้แม้จะมีอายุไม่มาก ก็สามารถถ่ายทอดความรู้ได้ ตราบเท่าที่เขาระมัดระวังและมีความรอบคอบในการสอนให้ถูกต้องตามแนวทางซุนนะฮ์ คือ ถ้าเขาสอนถูกต้องตามหลักศาสนา ใครก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปสั่งห้ามไม่ให้รับความรู้จากเขา ดังที่เชคบินบาซได้บอกไว้ในฟัตวาของท่าน
3. การรับความรู้ศาสนาสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ ความถูกต้องของสิ่งที่สอน มากกว่าอายุขัย เพราะคนเราไม่ว่าจะวัยใด อายุเท่าไหร่ สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดตามที่หะดีษและฟัตวาได้บอกไว้คือ ความถูกต้องของความรู้ที่สอน และแบบอย่างรวมถึงมารยาทอันดีงาม
เพราะคนที่อายุมากแต่ถ้าทำสิ่งไม่ดี ก็เป็นคนที่ชั่วมากที่สุดได้เช่นกัน ฉะนั้นอายุจึงไม่ใช่มาตรฐานชี้วัดเพียงหนึ่งเดียวในการรับความรู้ศาสนาแต่ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ต้องพิจารณาและคำนึงถึงด้วยเช่นกัน
♦ ให้เกียรติผู้รู้อาวุโสตามที่หะดีษและฟัตวาระบุ โดยเฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติทั้งด้านคุณวุฒิและวัยวุฒิ จะได้ไม่เข้าใจผิดว่าผมกำลังด้อยค่าผู้รู้ที่อาวุโสด้านวัยวุฒิ
♦ ที่สำคัญคือ ผู้ใดก็ตามที่ลงโพสต์ให้ความรู้แก่สังคมในเรื่องนี้จะต้องรอบคอบนำเสนอให้ครบถ้วนรอบด้านไม่ใช่สักแต่ลงเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือพบเจอ เพราะการนำเสนอนั้นจะกลายเป็นพิษที่เข้าไปทำร้ายสังคมหรือกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนที่ประสงค์ร้ายในการนำไปบิดเบือนให้เข้ากับอารมณ์จนเป็นฟิตนะฮ์แก่สังคมได้
♦ อย่าถูกหลอกด้วยคำกล่าวอ้างว่า คนๆนั้นคือผู้อาวุโสอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อ มีสิทธิ์มีเสียงมากกว่าคนอายุน้อย จะทำไม่ดีอะไรหรือหยาบคายกับใครก็ได้โดยอ้างว่าเป็นการอบรมสั่งสอน!? คนอื่นต้องให้เกียรติเพราะเขาอายุรุ่นพ่อคุณ เขามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้เพราะเขาอายุรุ่นพ่อ!! ฯลฯ
แต่!!พฤติกรรมไม่ต่างอะไรจากวัยรุ่นหัวร้อน ไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคม หรือทำตัวเป็นเหล่าอันธพาลที่ยกพรรคพวกข่มเหงล่วงละเมิดคนที่ไม่ชอบ จัดฉากและสร้างภาพไม่ดีให้คนในสังคมรังเกียจและออกห่างจากคนที่ตนเองไม่ชอบหน้า แม้จะล้ำเส้นขอบเขตของศาสนาก็ตาม ฯลฯ
แต่พอถูกใครปฏิบัติคืนแบบเดียวกันกลับอ้างอายุมากของตนเพื่อทวงสิทธิพิเศษที่ตนเองจะต้องได้รับจากคนอื่นฝ่ายเดียว ในขณะที่ตนเองปฏิบัติหยาบคายกับผู้อื่นแต่ไม่เคยแยแส และมองว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นถูกต้องดีแล้ว และมักจะบอกสังคมสาธารณะไปว่า ผิดอะไรให้เตือน!!
วัลลอฮ์ อะอ์ลัม
https://binbaz.org.sa/fatwas/22969/هل-يوخذ-العلم-من-الاكابر-والاصاغر?