ผู้ที่ร่ำรวยอย่างแท้จริง
อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา...เรียบเรียง
อัลกุรอานอันทรงเกียรติถูกประทานลงมาเพื่อเป็นทางนำแก่มนุษย์ ให้มนุษย์ได้รู้จักเกี่ยวกับพระเจ้า และอัลกุรอานได้แก้ไขความเข้าใจเกี่ยวกับพระเจ้าอย่างแท้จริง ความรู้ ความบริสุทธิ์ ความเป็นบ่าวต่อพระองค์ ความเข้มแข็งและความกล้าหาญ สุขภาพและบททดสอบ ความดีและความชั่ว ความอยุติธรรมและความยุติธรรม ความละอายใจ และอื่น ๆ อีกมากมาย
หนึ่งในบรรดาความเข้าใจที่อัลกุรอานและซุนนะฮ์ของท่านนบี ﷺ ได้ทำการแก้ไข คือ ความเข้าใจเกี่ยวกับความร่ำรวยและความยากจน โดยในอิสลามนั้น ความร่ำรวยที่แท้จริงคือความมั่งมีของจิตใจ และความมั่งมีด้วยอัลลอฮ์ ความยากจนคือความจำเป็นต้องพึ่งพาพระองค์
ผู้ใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ เขาคือผู้มั่งมี และผู้ใดที่ปฏิเสธศรัทธา เขาคือผู้ยากจน
โอ้บรรดามุสลิมทั้งหลาย ผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮ์ แท้จริง อัลลอฮ์ ด้วยพระปรีชาญาณและพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ได้ทรงให้มีความแตกต่างกันระหว่างบ่าวของพระองค์ในหลาย ๆ เรื่องของโลกดุนยา ด้วยพระปรีชาญาณและเป้าหมายอันยิ่งใหญ่พระองค์ทรงให้บางคนเหนือกว่าคนอื่น ๆในการมีสุขภาพหรือการเจ็บป่วย
ในการมีความสะดวกสบายหรือความยากลำบากในการมีความมั่งคั่งหรือความยากจน พระองค์ทรงทำให้บางคนร่ำรวย และทำให้บางคนยากจน ตามที่พระองค์ประสงค์ เพราะพระองค์คือผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรู้ยิ่งยวดเหนือสิ่งใดทั้งสิ้น
ความยากจนและความร่ำรวยเป็นสองสภาวะของมนุษย์ในชีวิตนี้ ทั้งสองอย่างล้วนเป็นบททดสอบจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก เป็นการทดสอบที่พระองค์ทรงทดสอบบ่าวของพระองค์ เพื่อแสดงออกถึงความอดทนของผู้ที่อดทน, การขอบคุณของผู้ที่รู้คุณ, ความเย่อหยิ่งของผู้ที่หลงระเริง และการยอมจำนนของผู้ภักดีต่อพระองค์
อัลลอฮ์ตรัสว่า:
((إِنَّ رَبَّكَ يَبْسُطُ الرِّزْقَ لِمَن يَشَاءُ وَيَقْدِرُ إِنَّهُ كَانَ بِعِبَادِهِ خَبِيرًا بَصِيرًا))
“แท้จริง พระเจ้าของเจ้าทรงเพิ่มพูนปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงให้คับแคบ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ เป็นผู้ทรงเห็นปวงบ่าวของพระองค์”
(ซูเราะฮ์ อัล-อิสรออ์: 30)
และพระองค์ตรัสว่า:
((وَنَبْلُوكُم بِالشَّرِّ وَالْخَيْرِ فِتْنَةً))
“และเราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยความชั่วและความดี”
(ซูเราะฮ์ อัล-อันบิยาอ์: 35)
และตรัสว่า:
((وَرَفَعَ بَعْضَكُمْ فَوْقَ بَعْضٍ دَرَجَاتٍ لِّيَبْلُوَكُمْ فِي مَا آتَاكُمْ))
“และได้ทรงเทิดบางคนของพวกเจ้าเหนือกว่าอีกบางคนหลายขั้นเพื่อที่พระองค์จะทรงทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่พวกเจ้า”
(ซูเราะฮ์ อัลอาม: 165)
ความร่ำรวยนั้นไม่ได้เป็นการให้เกียรติ และความยากจนไม่ได้เป็นการดูหมิ่น อย่างที่ผู้คนจำนวนมากเข้าใจ แต่ทั้งสองคือ บททดสอบ
และพระองค์ตรัสว่า:
فَأَمَّا الْإِنسَانُ إِذَا مَا ابْتَلَاهُ رَبُّهُ فَأَكْرَمَهُ وَنَعَّمَهُ فَيَقُولُ رَبِّي أَكْرَمَنِ
“ส่วนมนุษย์นั้น เมื่อพระเจ้าของเขาทรงทดสอบเขา โดยทรงให้เกียรติเขาและทรงโปรดปรานเขา เขาก็จะกล่าวว่าพระเจ้าของฉันทรงยกย่องฉัน”
(ซูเราะฮ์ อัล-ฟัจญร: 15)
وَأَمَّا إِذَا مَا ابْتَلَاهُ فَقَدَرَ عَلَيْهِ رِزْقَهُ فَيَقُولُ رَبِّي أَهَانَنِ
“แต่ครั้งเมื่อพระองค์ทรงทดสอบเขาทรงให้การครองชีพของเขาเป็นที่คับแคบแก่เขา เขาก็จะกล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงเหยียดหยามฉัน”
(ซูเราะฮ์ อัล-ฟัจญร16)
และแท้จริงจากบ่าวของอัลลอฮ์มีบางคนที่ ศรัทธาของเขาจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อเขาร่ำรวย และหากอัลลอฮ์ทำให้เขายากจน จะทำให้ศรัทธาของเขาเสื่อมถอย
และบางคนที่ ศรัทธาของเขาจะดีขึ้นเมื่อเขายากจน และหากอัลลอฮ์ทำให้เขาร่ำรวย เขาจะหลงผิด
ดังนั้นอัลลอฮ์จึงทรงจัดการกิจการของบ่าวของพระองค์ตามความรู้ของพระองค์ต่อหัวใจและสภาพของพวกเขา เพราะพระองค์คือผู้ทรงรู้ ผู้ทรงรอบรู้
อัลลอฮ์ ตรัสว่า:
أَلَا يَعْلَمُ مَنْ خَلَقَ وَهُوَ ٱللَّطِيفُ ٱلْخَبِيرُ
“พระองค์ผู้ทรงสร้างจะไม่รู้หรือ? และพระองค์คือผู้ทรงละเอียดอ่อน ผู้ทรงรอบรู้”
(ซูเราะฮ์ อัล-มุลก์: 14)
แต่ผู้คนจำนวนมาก ไม่รู้ และไม่เข้าใจความลับของการกำหนด ท่านศาสนทูต صلى الله عليه وسلم ได้กล่าวว่า
إذا أحبَّ اللَّهُ عَبدًا حماهُ الدُّنيا كَما يظلُّ أحدُكُم يَحمي سَقيمَهُ الماءَ
"เมื่ออัลลอฮ์ทรงรักบ่าวคนใด พระองค์จะทรงปกป้องเขาจาก (ความหลงใหลใน) ดุนยา (โลกนี้) เหมือนกับที่พวกท่านคนใดคนหนึ่งปกป้องคนป่วยของตนจากการดื่มน้ำ"
(หะดีษนี้บันทึกเศาะเฮี๊ยะฮ์ อัต-ติรมิซีย์ และเชค อัล-อัลบานีย์ ได้จัดให้เป็นหะดีษ เศาะเฮี๊ยะฮ์ )
คำอธิบาย:
อัลลอฮ์จะทรงหวงแหนบ่าวของพระองค์จากดุนยา ไม่ให้เขาหมกมุ่นหรือหลงใหลในความสุขสบายของโลกนี้จนเป็นอันตรายต่อศาสนาและอาคิเราะฮ์ (ปรโลก) เช่นเดียวกับที่เมื่อคนหนึ่งมีลูกหรือคนรักป่วย เขาจะไม่ให้ดื่มน้ำมากเพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย อัลลอฮ์ก็ทรงทำเช่นนั้นกับบ่าวของพระองค์ด้วยความรัก
จากความมีวิทยปัญญาของอัลลอฮ์ ก็คือ พระองค์ทรงทดสอบบ่าวของพระองค์ที่เป็นผู้ศรัทธาและเป็นผู้ทำความดี ด้วยการห้ามปรามไม่ให้ได้รับบางสิ่งบางอย่างที่ผู้คนทั่วไปมองว่าเป็นความดีและความโปรดปรานในดุนยา (โลกนี้)
แต่อันที่จริง การทดสอบเช่นนี้คือการคัดกรอง (เพื่อให้บริสุทธิ์) และเป็นความดีงามที่อัลลอฮ์ประสงค์ให้กับบ่าวของพระองค์เอง และบางครั้งผู้ที่ถูกทดสอบก็อาจไม่รู้เหตุผลของการถูกห้ามนั้น และไม่รู้ผลตอบแทนของการอดทนต่อมัน
และในหะดีษนี้ ท่านศาสนทูต صلى الله عليه وسلم ได้กล่าวว่า:
“เมื่ออัลลอฮ์ทรงรักบ่าวคนใด พระองค์จะทรงปกป้องเขาจากดุนยา”
หมายถึง: พระองค์จะทรงปกป้องเขาจากสิ่งใดก็ตามในดุนยาที่เป็นอันตรายต่อศาสนาของเขา
“เหมือนกับที่พวกท่านปกป้องคนป่วยของตนจากน้ำ”
คือ: เปรียบเสมือนที่พวกท่านห้ามคนป่วยดื่มน้ำในบางโรค เพราะอาจเกิดอันตราย ซึ่งนี่คือลักษณะของการอบรมสั่งสอนแบบนบี และเป็นบทเรียนแก่บรรดามุสลิม ให้ยืนหยัดต่อสู้กับความลำบากในโลกนี้ และเข้าใจว่าเหตุการณ์ทั้งหลายเกิดขึ้นด้วยการกำหนดของอัลลอฮ์
มุสลิมไม่ควรท้อแท้ แต่ควรครุ่นคิดถึงวิทยปัญญาของอัลลอฮ์ อดทนต่อกำหนดของพระองค์ และเชื่อมั่นว่าพระองค์ได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เขาแล้ว
ในหะดีษนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า การที่อัลลอฮ์ทรงห้ามบางความโปรดปรานจากบ่าวผู้ยำเกรง มิได้หมายความว่าพระองค์กริ้วต่อเขา แต่เป็นเพราะพระองค์รักเขาต่างหาก
ดังนั้น บ่าวผู้ศรัทธาควรพึงพอใจต่อสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้กับเขา และพึงพอใจต่อสภาพที่พระองค์เลือกให้เขา
อัลลอฮ์ตรัสว่า:
((نَحْنُ قَسَمْنَا بَيْنَهُم مَّعِيشَتَهُمْ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَرَفَعْنَا بَعْضَهُمْ فَوْقَ بَعْضٍ دَرَجَاتٍ لِّيَتَّخِذَ بَعْضُهُم بَعْضًا سُخْرِيًّا))
“เราต่างหากที่เป็นผู้จัดสรรการทำมาหากินของพวกเขาระหว่างพวกเขาในการมีชีวิตอยู่ในบนโลกนี้
และเราได้เชิดชูบางคนในหมู่พวกเขาเหนือกว่าอีกบางคนหลายชั้น เพื่อบางคนในหมู่พวกเขาจะได้เอาอีกบางคนมาใช้งาน”
(ซูเราะฮ์ อัซ-ซุครุฟ: 32)
และท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
(وارْضَ بِمَا قَسَمَ الله لَكَ تَكُنْ أغْنى النَّاس)
“จงพึงพอใจในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้แก่เจ้า แล้วเจ้าจะเป็นผู้มั่งมีที่สุดในหมู่มนุษย์”
(หะดีษหะสัน บันทึกโดย อะหมัด และ อัต-ติรมิซีย์)
ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
(لَيْسَ الغِنَى عَنْ كَثْرَةِ العَرَضِ، وَلَكِنَّ الغِنَى غِنَى النَّفْسِ).
“ความมั่งมีไม่ได้อยู่ที่การมีสิ่งของมากมาย แต่ความมั่งมีคือความมั่งมีภายในจิตใจ”
(บันทึกโดย (บุคอรี – มุสลิม)
ดังนั้น ผู้ยากจนจึงไม่ใช่ผู้ที่ขาดทรัพย์ และผู้ร่ำรวยก็ไม่ใช่ผู้มีเงินทองมาก
เช่นที่ท่านนบีสุลัยมาน (อะลัยอิสลาม) ได้กล่าวเมื่อมีผู้เสนอของขวัญแก่เขาว่า:
فَلَمَّا جَاءَ سُلَيْمَانَ قَالَ أَتُمِدُّونَنِ بِمَالٍ فَمَا آتَانِيَ اللَّهُ خَيْرٌ مِّمَّا آتَاكُم بَلْ أَنتُم بِهَدِيَّتِكُمْ تَفْرَحُونَ
“เมื่อพวกเขาได้เข้าพบสุลัยมานแล้ว เขา(สุลัยมาน)กล่าวว่า
“พวกท่านจะนำทรัพย์สินมากำนัลแก่เราหรือ ? สิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่ฉันนั้น ดียิ่งกว่าสิ่งที่พระองค์ประทานให้แก่พวกท่าน แต่พวกท่านดีใจต่อของกำนัลของพวกท่าน”
(อัลนัมลุ 36)
คือ สิ่งที่อัลลอฮ์ประทานให้เขา เช่น การเป็นศาสนทูต นั้นดีกว่าทรัพย์สินทั้งโลก
และท่านซุลก็อ์นัยน์ เมื่อมีคนขอให้เขาสร้างกำแพงป้องกันศัตรู และจะจ่ายค่าตอบแทนให้ว่า:
﴿ فَهَلْ نَجْعَلُ لَكَ خَرْجًا عَلَى أَنْ تَجْعَلَ بَيْنَنَا وَبَيْنَهُمْ سَدًّا ﴾ [الكهف: 94]
“ดังนั้น เราขอมอบบรรณาการแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างพวกเรากับพวกเขา”
مَا مَكَّنِّي فِيهِ رَبِّي خَيْرٌ ﴾ [الكهف: 95]
เขากล่าวว่า “สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าของฉันได้ให้อำนาจแก่ฉันดียิ่งกว่า”
“สิ่งที่พระเจ้าของข้าทรงมอบให้ข้านั้นดียิ่งกว่า” หมายถึง เขาไม่ต้องการทรัพย์สินของพวกเขา เพราะพระเจ้าของเขาอยู่กับเขาแล้ว
อัลลอฮ์ตรัสกับร่อซูลของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า:
وَوَجَدَكَ عَائِلًا فَأَغْنَى الضحى: 8
“และทรงพบเจ้าเป็นผู้ขัดสน แล้วให้มั่งคั่ง (แก่) เจ้าดอกหรือ !”
โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความร่ำรวยที่กล่าวถึงในอายะฮ์นี้ หมายถึง ความร่ำรวยทางจิตใจ เนื่องจากอายะฮ์นี้ถูกประทานในช่วงต้นของการเป็นศาสนทูต ที่นครมักกะฮ์ ขณะนั้นท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยังไม่ได้เป็นผู้มีทรัพย์สินหรือความมั่งคั่งทางวัตถุ ดังนั้นจึงหมายถึงความมั่งมีทางใจอย่างแน่นอน และเพียงพอแล้วสำหรับเรา
ตัวอย่าง คือ กอรูน ผู้ถูกอัลลอฮ์ทรงสาปแช่งและทำลาย เขาคือหนึ่งในผู้ร่ำรวยที่สุดทางวัตถุในยุคของเขา แต่เขาคือผู้ที่ ยากจนทางจิตวิญญาณ ทรัพย์สินไม่สามารถเติมเต็มเขาได้ ความทะนงตนของเขาเป็นเหตุให้เขาพินาศ
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ยืนยันหลักการนี้ด้วยทั้งคำพูดและการกระทำของท่าน โดยกล่าวว่า:
لَيْسَ الغِنَى عَنْ كَثْرَةِ العَرَضِ، وَلَكِنَّ الغِنَى غِنَى النَّفْسِ
“แท้จริง ความร่ำรวยไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สินมากมาย แต่ความร่ำรวยคือ ความมั่งมีภายในจิตใจ”
(บันทึกโดย บุคอรีและมุสลิม )
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยังยกย่องและให้เกียรติบรรดาศอหาบะฮ์ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์และพึ่งพิงพระองค์ โดยไม่คำนึงถึงฐานะทางวัตถุของพวกเขา และในทางกลับกัน ท่านตำหนิผู้ปฏิเสธพระเจ้า แม้ว่าพวกเขาจะร่ำรวยเพียงใดก็ตาม
ความเป็นจริงในชีวิตก็ยืนยันความหมายนี้อย่างชัดเจน เพราะมีมากมายที่คนร่ำรวยทางวัตถุแต่ยากจนทางจิตใจ และในทางตรงข้ามก็เป็นจริงเช่นกัน — มีคนที่ไม่ได้มั่งมีทางวัตถุ แต่เขากลับอุดมด้วยความสงบทางใจและความพอใจในชีวิต
ผู้ที่ร่ำรวยแต่ปฏิเสธอัลลอฮ์ และปฏิเสธความโปรดปรานของพระองค์นั้น มักจะใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ ความสับสน และไร้ทิศทาง เขาไม่มีเป้าหมายอันสูงส่งในชีวิต เขาไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินชีวิต
เขาขาดสายสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณกับพระเจ้า ซึ่งเป็นความจำเป็นของจิตใจมนุษย์ เพราะโดยธรรมชาติ (ฟิฏเราะฮฺ) มนุษย์นั้นประกอบด้วย จิตวิญญาณ ร่างกาย และสติปัญญา ไม่ใช่แค่ร่างกายกับสติปัญญาเพียงอย่างเดียว
และในเวลาเดียวกัน เขามักจะละโมบ ต้องการเพิ่มเติมอยู่เสมอ ไม่รู้จักพอ เขาเป็นเหมือนนักโทษของทรัพย์สินและโลกดุนยา
ดังรายงานอะนัส บิน มาลิก ที่ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:
مَنْهُومَانِ لَا يَشْبَعَانِ: مَنْهُومٌ فِي عِلْمٍ لَا يَشْبَعُ، وَمَنْهُومٌ فِي دُنْيَا لَا يَشْبَعُ
"มีสองคนที่ไม่รู้จักอิ่ม คือ ผู้แสวงหาความรู้ และ ผู้แสวงหาโลกดุนยา ซึ่งไม่มีวันพอใจ"
(บันทึกโดย อัลหากิม ระดับหะซัน)
ส่วนผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์นั้น แม้เขาจะมีน้อย แต่เขาคือผู้ที่ร่ำรวยด้วยจิตใจ
♥ เขามีความมั่นคงทางจิตใจ
♥ เขาพอใจกับการกำหนดของอัลลอฮ์
♥ เขาพึงพอใจกับสิ่งที่อัลลอฮ์ประทานให้
♥ เขาเชื่อในพระดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า :
وَإِنْ تَعُدُّوا نِعْمَةَ اللَّهِ لَا تُحْصُوهَا ﴾ [النحل: 18]
“และหากพวกเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลอฮฺ พวกเจ้าก็ไม่สามารถจะคำนวณมันได้”
เพราะความโปรดปรานของอัลลอฮ์นั้นมิใช่แค่ทรัพย์สิน สุขภาพ ความปลอดภัย สติปัญญา และการมีชีวิตอยู่อย่างปกติ ล้วนเป็นความโปรดปราน หากถูกพรากสิ่งเหล่านี้ไป ไม่มีใครสามารถทดแทนมันได้
แม้แต่คนทั้งโลกก็ไม่สามารถให้มันคืนแก่ผู้ที่สูญเสีย พวกเขาอาจจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้คนที่เขารักได้กลับมา แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้
ผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า : “ข้าไม่อาจสรรเสริญพระองค์ได้อย่างครบถ้วน พระองค์คือผู้สรรเสริญพระองค์เองได้ดีที่สุด”
และแน่นอนว่ามีความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างคนสองประเภทนี้
ทุกคนที่มีความปลอดภัย สุขภาพดี และมีอาหารพอในแต่ละวัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ เขาคือผู้ที่ได้ครอบครองโลกทั้งใบแล้ว
มีรายงานจาก ซาลามะฮฺ บิน อับดิลลาฮฺ บิน มิห์ซอน อัลหัตมีย์ มีรายงานจากบิดาของเขา เขาได้อยู่ร่วมกับท่านนบี เขาได้กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
مَنْ أَصْبَحَ مِنْكُمْ آمِنًا فِي سِرْبِهِ، مُعَافًى فِي جَسَدِهِ، عِنْدَهُ قُوتُ يَوْمِهِ، فَكَأَنَّمَا حِيزَتْ لَهُ الدُّنْيَا
"ผู้ใดในพวกเจ้า ที่ตื่นขึ้นมาโดยมีความปลอดภัยตัวของเขาและครอบครัวที่พัก มีสุขภาพร่างกายที่ดี และมีอาหารรับประทาน ก็เหมือนกับว่าเขาได้ครอบครองโลกทั้งใบแล้ว”
(บันทึกโดย อัตติรมีซีย์ และอิบนูมาญะ อัลอัลบานีย์ ถือว่าเป็นหะดีษที่ถูกต้อง)