เพียงพอด้วยจิตใจหาใช่ทรัพย์สิน
อบูชะฮ์มี่ อนัส ลีบำรุง .... เรียบเรียง
ขอเตือนตัวของผมเองและพี่น้องให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ เพื่อว่าพวกท่านทั้งหลายจะได้รับความสำเร็จ พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย : ความร่ำรวย : สิ่งที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่งความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือความสามารถในการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น
ท่านอิบนุ อะซีร ได้บอกว่า :
الذي لا يَحْتاجُ إلى أَحدٍ في شيءٍ و كلُّ أَحَدٍ مُحْتاجٌ إليه
“ผู้ซึ่งไม่ตัองการสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากใคร แต่ทุกคนต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากเขา”
มนุษย์เรามีความรักในทรัพย์สินกระตือรือร้นในการแสวงหาเงินเป็นทุนเดิม ไม่รู้สึกพอใจในสิ่งที่มี อิสลามเรียกร้องให้มีความสมดุล ความพึงพอใจ ในสิ่งที่พระเจ้าจัดสรรให้ และไม่คาดหวังสิ่งที่อยู่ในมือของผู้อื่น ความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ใช่การมีทรัพย์สินที่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่เป็นการครอบครองจาก ปศุสัตว์ ยานพาหนะ อสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่มาจากเงินทอง ดีนาร ดิรฮัม
หะดีษรายงานจาก อบี ฮุร็อยเราะฮ์ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า ท่านนบี ﷺ ได้กล่าวว่า :
ليسَ الغنى عن كثرةِ العَرَضِ ولَكنَّ الغِنى غنى النَّفسِ
“ความมั่งคั่งมิใช่การมีทรัพย์มากมาย แต่คือความมั่งคั่งของจิตใจ”
أخرجه البخاري (6446)، ومسلم (1051)
หะดีษบทนี้มีความหมายใหญ่และกว้าง เนื่องจากความจริงทุกวันนี้ยืนยันสิ่งนี้ ในวันนี้อาจมีคนที่มีทรัพย์สมบัติมากมายแต่เขาก็มักจะเห็นความยากจนไล่ตามเขาไปทุกที่ เขาจึงกลัวการสูญเสียไปซะทุกอย่าง ถึงแม้นว่าสิ่งต่างๆ อยู่ในมือของเขาอย่างมากมาย
เขาจะมองเห็นแต่ด้านลบด้านความสูญเสีย รวมถึงการลดลงของราคาในตลาดหุ้นและอสังหาสกุลเงิน หรืออื่นๆ แม้เขาผู้นั้นจะมีเงินมากมายขนาดไหน เขาก็มักจะรู้สึกวิตกกังวล และรู้สึกว่าต้องการเพิ่มมากขึ้นอยู่เสมอ
ดังนั้นทุกครั้งที่มีโอกาสปรากฏขึ้น เขาจะคว้ามันไว้ จากที่เคยมีที่ดินร้อยแปลงเขาต้องการมีจนครบสองร้อยแปลง และถ้าเขามีเงินร้อยล้านเขาต้องการเป็นเจ้าของพันล้าน
และเขาจะพูดว่า: ถ้าฉันมีพันล้าน ฉันก็จะขอบคุณพระเจ้าฉันไม่ต้องการมากกว่านี้ แต่คนที่มีพันล้านก็ยังไม่พอใจ และพวกเขาเป็นคนที่ยุ่งวุ่นวายวิตกกังวลที่สุดในแต่ละวัน จะไม่วิตกกังวลได้อย่างไรในเมื่อโลกปัจจุบันมีสงครามมากขึ้น การวิเคราะห์ และข่าวลือเกี่ยวกับการลดลงของราคาในอสังหาริมทรัพย์ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือภาวะหุ้นตก หรือการขาดทุนในหุ้น ต่างๆนานา
คนจำนวนมากมีสิ่งที่เพียงพอสำหรับพวกเขาจนไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่อาจจะมองไม่เห็นและไม่คำนึงถึง ลองมองภาพว่ามีคชายสองคน คนหนึ่งมีรายได้ 15000 กับอีกคนหนึ่งมีรายได้ 50000 บาท ถ้ามองแบบผิวเผินใครกันที่น่ากังวลกับสถานการณ์การเงินในปัจจุบัน แน่นอนคำตอบคือชายคนแรก เนื่องจากเงินเขาน้อยกว่าแต่ถ้าลองมองลึกๆลงไป 15000 ที่เขามี อาจจะจ่ายแค่ค่าน้ำไฟ เดือนละ 2000 บ้านไม่ต้องเช่า 13000 ทำงานที่บ้านไม่เสียน้ำมันไม่เสียค่าเดินทางกินข้าวบ้าน สามารถเลี้ยงดูครอบครัวในระดับหนึ่งได้แบบไม่เป็นหนี้เป็นสิน กับชายคนที่สองรายได้ 50000 ค่าเช่าคอนโด 7000 ค่าน้ำมันรถ ค่าเดินทาง ค่าที่จอดรถ ผ่อนรถดอกเบี้ย ผ่อนไอโฟน ผ่อนของตามช่องทางออนไลน์จนเงินเดือนออกมาจะแทบไม่มีจะกิน ชายคนที่สองถึงรายได้จะมากกว่า เขาก็ยังคงรู้สึกกังวลเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายออกมาอย่างละเอียด เพราะว่าอะไรครับ ? เพราะความยากจน กำลังไล่ตามอยู่ในใจของชายคนที่สอง
ครั้งหนึ่งชัยคฺ คอลิด อัซซับต์ حفظه الله ได้เล่าวว่า : เคยได้ยินจาก นร คนหนึ่งของท่านในปี 1412 - นร คนนั้นยังเด็กอยู่ - ฉันถามเขาเกี่ยวกับคนในประเทศของเขา
และในคำถามหนึ่งฉันถามเขาว่า : คนในประเทศของคุณยากจนหรือไม่? หรือพวกเขาอยู่ในสภาพกลางๆ? หรือพวกเขาร่ำรวย?
ชัยค์บอกว่าเด็กคนนั้นตอบด้วยคำตอบที่มีความหมาย เขากล่าวว่า: ความยากจนอยู่ในใจของพวกเขา แต่ในมือของพวกเขามีสิ่งที่เพียงพอ ชัยค์บอกว่านี่เป็นคำพูดที่มีความหมายจริงๆ
หากความยากจนอยู่ในใจของพวกเขาก็อย่าไปถามถึงสภาพของพวกเขา และการที่หัวใจเหล่านี้ยุ่งอยู่กับการคิดตลอดเวลาถึงการมีทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทำให้พวกเขาหลงลืมภารกิจสำคัญว่าถูกสร้างมาเพื่อทำอะไร พวกเขาก็มักจะพยายามหาวิธีที่จะเปลี่ยนแปลง พัฒนา และเพิ่มรายได้ แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นมากขึ้นอีกหลายเท่าขนาดไหน ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิมเพราะความไม่รู้จักพอ
บางคนในที่นี้อาจจะรู้จักคนที่มีรายได้หลักล้าน หรือเอาง่ายๆคนที่มีรายได้มากกว่าเรา คำถามวันนี้คนเหล่านี้ได้พักผ่อนจากดุนยาบ้างหรือเปล่า ? คำตอบก็คือไม่ ! พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงกังวลกันในเรื่องของดุนยาอยู่เลย ! ดังนั้นคนไม่พอไม่ว่าจะได้รับอะไร เขาก็จะไม่พอใจ ไม่หยุด จิตใจของเขาจะไม่สงบ ในขณะที่ถ้าเราเป็นคนที่พอใจ เราก็จะเอาเวลาไปกังวลกับเรื่องราวของโลกหน้า เราจะไม่กังวลใดๆ เลยกับเรื่องราวของดุนยานี้
สิ่งสำคัญสำหรับผู้ศรัทธาคือเราต้องจัดการมุมมองของความพอเพียง และเรียงลำดับความสำคัญเสียใหม่ รายงานจากท่าน อนัส บินมาลิก (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) เล่าวว่า ท่านนบี ﷺ ได้กล่าวว่า :
من كانتِ الآخرةُ هَمَّهُ جعلَ اللَّهُ غناهُ في قلبِهِ وجمعَ لَه شملَهُ وأتتهُ الدُّنيا وَهيَ راغمةٌ ،
“ผู้ใดที่อาคิเราะฮ์ คือสิ่งที่เขาปรารถนาและมุ่งมั่นให้ความสำคัญ อัลลอฮ์จะให้ความร่ำรวยอยู่ในใจของเขา
พระองค์ทรงรวบรวมสำหรับเขาซึ่งงานต่างๆ และ(สิ่งต่างๆ)ดุนยาจะมาหาเขาโดยที่มันถูกบังคับให้มาหา”
ومن كانتِ الدُّنيا همَّهُ جعلَ اللَّهُ فقرَهُ بينَ عينيهِ وفرَّقَ عليهِ شملَهُ ، ولم يأتِهِ منَ الدُّنيا إلَّا ما قُدِّرَ لَهُ
“และผู้ใดที่ดุนยาคือสิ่งที่เขาปรารถนาและมุ่งมั่นให้ความสำคัญ อัลลอฮ์จะให้ความยากจนอยู่ต่อหน้าเขา
พระองค์ทรงให้สิ่งที่รวมอยู่แยกกระจัดกระจายจากเขา เขาจะไม่ได้รับดุนยายกเว้นเท่าที่ถูกกำหนดให้เขาไว้แล้วเท่านั้น“
أخرجه الترمذي (2465) واللفظ له، وابن أبي الدنيا في ((الزهد)) (332)، والحارث في ((المسند)) (1092)
ในฮะดีษนี้ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า : ผู้ใดที่อาคีเราะฮ์เป็นที่มุ่งมั่นให้ความสำคัญเป็นเป้าหมายในงานและชีวิตของเขาในโลกนี้ อัลลอฮฺจะให้เขามีความพอเพียงและพอใจในสิ่งที่อยู่ในมือของเขา ดังนั้นเขาจะพึ่งพาแต่อัลลอฮฺ และไม่หวังพึ่งสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากใคร พระองค์จะทรงรวมสิ่งที่กระจัดกระจายของเขาไว้ด้วยกัน คือพระองค์จะทรงทำให้ทุกสิ่งง่ายขึ้นสำหรับเขา และโลกนี้มาหาเขาในสภาพที่อ่อนน้อมเพราะเขาไม่แสวงหาโลกนี้
และสำหรับใครที่โลกนี้เป็นเป้าหมายที่มุ่งมั่นให้ความสำคัญ มันจะเกิดความยุ่งยากแก่เขา เพราะเขายึดติดอารมณ์ใคร่ใฝ่ต่ำ พระองค์จะทรงทำให้เขาผู้นั้นพบเจอความยากจนอยู่ต่อหน้าเขาถึงแม้นว่าจะร่ำรวย ทำให้สับสนวุ่นวายแตกแยก
ฉะนั้นผู้ศรัทธาควรฝึกฝนตัวเองให้พอใจในสิ่งที่อัลลอฮ์ (ﷻ) ประทานให้ และไม่มองไปยังผู้อื่นในเรื่องทางโลกดุนยา ถ้าจะมองควรจะมองไปยังผู้ที่ด้อยกว่าเรา เพื่อให้รู้สึกขอบคุณและพอเพียง ในทางกลับกันในเรื่องทางศาสนา ควรจะมองไปยังผู้ที่สูงกว่าตนเอง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น
แต่ถ้ามองแบบคนปกติทั่วไป มองเรื่องของโลกดุนยาก็มองคนที่สูงกว่าพอมองแล้วเป็นอย่างไร ก็ไปอยากมีอยากได้อย่างเขากังวลเครียด ดุนยาเละเทะไม่เป็นระเบียบเพราะอารมณ์ใคร่ใฝ่ต่ำที่อยากได้อยากมีนี่แหล่ะถือเป็นความผิดพลาด เพราะแบบนี้จิตใจของจึงไม่มีทางสงบ และไม่พอใจไม่ว่าจะได้รับอะไรจากพระเจ้าของเขา
และเช่นกันในมุมมองของโลกหน้าถ้าเรามองคนที่มาตราฐานต่ำกว่าเรา เราก็จะรู้สึกว่าฉันดีกว่าคนนั้น ฉันละหมาดมัสยิดในมัสยิด ฉันดีกว่าคนอื่นเขาเป็นคนเกียจคร้าน ไม่มีความพยายามในการทำอิบาดะฮ์ ไม่มีความพยายามในการอ่านกุรอาน สุดท้ายก็จะมองว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นไปเสียหมด
ท่านนบี ﷺ ได้กล่าวว่า :
انْظُرُوا إلى مَن أسْفَلَ مِنكُمْ، ولا تَنْظُرُوا إلى مَن هو فَوْقَكُمْ، فَهو أجْدَرُ أنْ لا تَزْدَرُوا نِعْمَةَ اللَّهِ علَيْكُم.
"พวกท่านจงมองดูคนอื่นที่ลำบากกว่าพวกท่าน อย่ามองคนที่สูงกว่า
มันจะทำให้พวกท่านไม่ดูหมิ่นความโปรดปรานของอัลลอฮ์ ที่มอบให้แก่พวกท่าน"
المصدر : سنن الترمذي | الصفحة أو الرقم : 2513
ความยากจนที่ผู้คนส่วนมากกำลังพบเจอแท้จริงไม่ใช่จนจากการที่ไม่ได้ครอบครองทรัพย์สินหรือเงินทองที่มากมาย แต่จริงๆแล้วที่คนส่วนมากจนนั่น คือ "الفقر في قلوبهم" (ความยากจนอยู่ในใจของพวกเขา) ความไม่พอใจต่าง ๆ นานา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความรู้สึกยากจน มนุษย์จึงมักจะหมกมุ่นอยู่กับการเพิ่มพูนรายได้ให้มากขึ้นเพื่อความมั่นคงในชีวิต และนั่นแหล่ะทำให้พวกเขากังวลกับดุนยาอยู่ตลอดเวลา และเมื่อความจนมันวนเวียนอยู่ใกล้มันก็ทำให้เป้าหมายสำคัญคือโลกหน้ามันสั่นคลอนและไม่ใช่เป้าหมายหลักอีกต่อไป
มีคำกล่าวในยุคสะลัฟ จากท่าน ซะอฺ บิน อบี วักก็อศ ได้กล่าวกับลูกของเขาว่า :
"إذا طلبت الغنى فاطلبه بالقناعة، فإنها مال لا ينفد"
"เมื่อเจ้าแสวงหาความมั่งคั่งร่ำราวย จงแสวงหาความพึงพอใจด้วย เพราะแท้จริงแล้วมันคือทรัพย์สินที่ไม่หมดสิ้น"
สุดท้ายนี้ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ ได้โปรดประทานความพึงพอใจในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงจัดสรรให้เราในโลกนี้ อย่าได้ให้เราหลงระเริงเมื่อได้รับสิ่งใดจากโลกนี้ และอย่าให้เราเศร้าหมองเมื่อพลาดสิ่งใดจากโลกนี้ และโปรดนำทางเราไปสู่สิ่งที่เป็นที่พอพระทัยของพระองค์และสิ่งที่ดีสำหรับเราด้วยเถิด