ความประเสริฐของบรรดาศอหาบะห์  
  จำนวนคนเข้าชม  111

ความประเสริฐของบรรดาศอหาบะห์  

 

เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม   

 

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ผู้อภิบาลแห่งสากลโลก

 

         การเผยแผ่ศาสนาของท่านนบี มูฮัมหมัด เริ่มต้นด้วยความยากลำบาก ต้องทำการเผยแผ่แบบลับเป็นเวลานานถึงสามปี เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนั้นไม่อำนวยให้เผยแผ่แบบเปิดเผย และมุสลิมในขณะนั้นยังอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ ไม่มีรัฐอิสลามคอยปกป้อง หลังจากผ่านไปสามปี อัลลอฮฺทรงมีคำสั่งให้ท่านนบีเผยแผ่คำสอนอย่างเปิดเผย ซึ่งในช่วงเวลานั้นจำนวนมุสลิมเพิ่มขึ้นถึงหกสิบคน รวมถึงผู้คนจากหลายเผ่าที่รับอิสลาม

 

          เมื่อการเผยแผ่เริ่มเป็นที่รู้จัก การทำร้ายจากชาวมักกะห์ที่มีต่อมุสลิมก็ทวีความรุนแรงขึ้น แต่บรรดามุสลิมได้รับคำสั่งจากอัลลอฮฺให้อดทนต่อการทำร้ายจากผู้ตั้งภาคี (มุชรีกีน) และในปีที่สิบสามหลังการแต่งตั้งท่านเป็นนบี อัลลอฮฺได้มีคำสั่งให้มุสลิมอพยพไปยังเมืองมาดีนะห์ ซึ่งมีมุสลิมที่พร้อมให้การช่วยเหลือท่านและกลุ่มศอหาบะห์

 

          เมื่อท่านนบีมูฮัมหมัดได้อพยพไปยังเมืองมาดีนะห์ ท่านสามารถสร้างสังคมมุสลิมที่ใช้หลักการอิสลามเป็นกฎหมายในการปกครอง ซึ่งทำให้รัฐอิสลามในขณะนั้นเข้มแข็งและมุสลิมสามารถปกป้องตนเองจากการรุกรานของศัตรู เมื่อท่านนบีมูฮัมหมัดได้เสียชีวิต บรรดามุสลิมก็ได้ทำการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งต่อจากท่านในการปกครองรัฐอิสลาม โดยเลือกท่านอาบูบักรฺ อัซซิดดีก ขึ้นดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์

          ในยุคของท่านอาบูบักรฺเกิดความวุ่นวาย เนื่องจากบางคนละทิ้งอิสลามและปฏิเสธที่จะจ่ายซากาต หลังการเสียชีวิตของท่านนบี มูฮัมหมัด พวกเขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายซากาตอีกต่อไป ท่านอาบูบักรฺจึงตัดสินใจทำการสู้รบกับผู้ที่ปฏิเสธซากาต และสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้

 

          แม้ว่าในยุคของท่านฮุมัร บิน คอตต็อบ จะยังไม่มีความขัดแย้ง แต่ในยุคของท่านอุสมาน บิน อัฟฟาน เริ่มมีความตึงเครียด เมื่อผู้คนบางกลุ่มปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังท่านอุสมาน โดยเฉพาะอับดุลลอฮฺ อิบนู ซาบาฮฺ ซึ่งได้ปลุกปั่นจนสามารถปิดล้อมบ้านของท่านอุสมาน จนท่านอุสมานถูกสังหาร

          การเสียชีวิตของท่านอุสมานถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสู้รบระหว่างมุสลิม โดยมีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก และบุคคลสำคัญหลายคนถูกสังหาร หลังจากท่านอุสมานเสียชีวิต ท่านอะลี บิน อะบีตอลิบได้ขึ้นดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ และต้องเผชิญกับท่านมูอาวิยะห์ บิน อะบี ซุฟยาน ในประเด็นการสังหารท่านอุสมาน

          การขัดแย้งระหว่างท่านอะลีและท่านมูอาวิยะห์ทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างทัพของทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากทั้งสองฝ่าย แต่ถึงแม้จะมีความขัดแย้ง ศอหาบะห์ยังคงเป็นกลุ่มคนที่ดีที่สุด ตามที่อัลลอฮฺทรงกล่าวในอัลกุรอาน

 

قال الله تعالى: 

مُّحَمَّدٞ  رَّسُولُ  ٱللَّهِۚ  وَٱلَّذِينَ  مَعَهُۥٓ  أَشِدَّآءُ  عَلَى  ٱلۡكُفَّارِ  رُحَمَآءُ  بَيۡنَهُمۡۖ  تَرَىٰهُمۡ  رُكَّعٗا  سُجَّدٗا  يَبۡتَغُونَ  فَضۡلٗا  مِّنَ  ٱللَّهِ  وَرِضۡوَٰنٗاۖ  سِيمَاهُمۡ  فِي  وُجُوهِهِم  مِّنۡ  أَثَرِ  ٱلسُّجُودِۚ  ذَٰلِكَ  مَثَلُهُمۡ  فِي  ٱلتَّوۡرَىٰةِۚ  وَمَثَلُهُمۡ  فِي  ٱلۡإِنجِيلِ  كَزَرۡعٍ  أَخۡرَجَ  شَطۡـَٔهُۥ  فَـَٔازَرَهُۥ  فَٱسۡتَغۡلَظَ  فَٱسۡتَوَىٰ  عَلَىٰ  سُوقِهِۦ  يُعۡجِبُ  ٱلزُّرَّاعَ  لِيَغِيظَ  بِهِمُ  ٱلۡكُفَّارَۗ  وَعَدَ  ٱللَّهُ  ٱلَّذِينَ  ءَامَنُواْ  وَعَمِلُواْ  ٱلصَّٰلِحَٰتِ  مِنۡهُم  مَّغۡفِرَةٗ  وَأَجۡرًا  عَظِيمَۢا   29

 

     "มุฮัมมัดเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา เป็นผู้เข้มแข็งกล้าหาญต่อพวกปฏิเสธศรัทธา เป็นผู้เมตตาสงสารระหว่างพวกเขาเอง

     เจ้าจะเห็นพวกเขาเป็นผู้รูกั๊วะ ผู้สุญูด โดยแสวงหาคุณความดีจากอัลลอฮฺและความโปรดปราน (ของพระองค์)

     เครื่องหมายของพวกเขาอยู่บนใบหน้าของพวกเขา เนื่องจากร่องรอยแห่งการสุญูด

      นั่นคืออุปมาของพวกเขาที่มีอยู่ในอัตเตารอต และอุปมาของพวกเขาที่มีอยู่ในอัลอินญีล

     ประหนึ่งเมล็ดพืชที่งอกหน่อหรือกิ่งก้านของมันออกมาแล้วทำให้มันงอกงาม แล้วมันก็เติบโตแข็งแรงและทรงตัวอยู่ได้บนลำต้นของมัน นำความปลื้มปิติมาให้แก่ผู้หว่าน

     เพื่อที่พระองค์จะก่อความโกรธแค้นแก่พวกปฏิเสธศรัทธา เพราะพวกเขา(มุสลิมีน)

     และอัลลอฮฺทรงสัญญาบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายในหมู่พวกเขาว่าจะได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันใหญ่หลวง"

 

 

         หลักการสำคัญในแนวทางของอัซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ ซึ่งถือว่าเหล่าศอหาบะห์ (ผู้ติดตามของท่านศาสดา) เป็นบุคคลที่มีเกียรติและได้รับการยอมรับจากอัลลอฮฺ และท่านศาสดา ดังนั้น การมีข้อขัดแย้งภายในระหว่างพวกเขาไม่ควรนำมาเป็นเหตุในการกล่าวหาหรือวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาในทางที่ไม่ดี การที่พวกเขามีความขัดแย้งนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดได้

 

          ตามหลักการของอัซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ การวิพากษ์วิจารณ์เหล่าศอหาบะห์ในทางลบ หรือกล่าวหาว่าพวกเขามีเจตนาหรือเล่ห์เหลี่ยมไม่ดีต่อท่านนบีหรือกันและกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัลลอฮฺได้พอใจและได้ยกย่องพวกเขาในคัมภีร์ของพระองค์ (อัลกุรอาน) แล้ว คำสอนในศาสนาอิสลามจึงเน้นให้เราเคารพและปฏิบัติตามหลักการที่ถูกต้อง ไม่ให้ความขัดแย้งในอดีตของเหล่าศอหาบะห์กลายเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีหรือทำลายเกียรติของพวกเขา เนื่องจากพวกเขามีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่ศาสนาและการสนับสนุนท่านศาสดาอย่างมากมาย.

 

          ในปัจจุบันยังมีมูนาฟิกที่อ้างตนว่าเป็นมุสลิมแต่กลับกลอกและใส่ร้ายภรรยาของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิ วะสัลลัม) แม้ว่าอัลกุรอานจะถูกประทานลงมายืนยันความบริสุทธิ์ของท่านหญิงอาฮิชะห์ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) อย่างชัดเจน การที่พวกเขายังคงปฏิเสธในเรื่องนี้ ถือเป็นการปฏิเสธคำพูดของอัลลอฮฺเอง ซึ่งหากผู้ใดปฏิเสธอัลกุรอานก็ถือเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา

 

          ดังนั้นในฐานะมุสลิมที่แท้จริง เราต้องหลีกเลี่ยงการวิจารณ์หรือพูดถึงความผิดพลาดของเหล่าศอหาบะห์ของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิ วะสัลลัม) เพราะการกระทำดีของพวกเขามีมากมายเกินกว่าที่เราจะเปรียบเทียบได้ และสิ่งที่เราทำในปัจจุบันไม่สามารถเทียบเคียงได้กับความดีอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา ดังที่มีหะดีษระบุไว้อย่างชัดเจนว่าความดีของศอหาบะห์เหล่านั้นได้รับการยกย่องจากอัลลอฮฺ ดังนั้นเราจึงควรเคารพและรักษาภาพลักษณ์ของพวกเขาให้ดีที่สุด