คนตายได้ยินไหม !?
  จำนวนคนเข้าชม  69

คนตายได้ยินไหม !?

 

เรียบเรียง .... อ.จรวด นิมา

 

ขณะที่มนุษย์ตาย เขาจะได้ยินสิ่งที่พูดเกี่ยวกับเขา แต่เขาไม่สามารถตอบได้ ...

 

          ในสงครามบะดัร หลังจากสมรภูมิรบยุติลง ท่านร่อซูล ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เดินไปหาเหล่าผู้ปฏิเสธศรัทธาที่ถูกฆ่าในสนามรบ แล้วท่านพูดขึ้นว่า 

 

          ช่างเลวสุด พี่น้องนบี ทั้งที่พวกท่านเคยอยู่เพื่อ นบี ของพวกท่าน พวกท่านยังมาปฏิเสธไม่ยอมรับฉัน และบรรดาผู้คนเชื่อฉัน พวกท่านทอดทิ้งฉัน และบรรดาผู้คนช่วยเหลือฉัน พวกท่านขับไล่ฉัน และบรรดาผู้คนให้ที่พักพิงแก่ฉัน 

 

          ต่อมา ร่อซูล ก็ใช้ให้ลากศพคนตายโยนลงบ่อ ณ ทุ่งบะดัร และท่านยืนตรงพวกเขา แล้วเรียก (ชื่อผู้ตาย) โอ้ อุตะบะอฺ บุตร รอบีอะฮฺ โอ้ ชัยบะอฺ บุตร รอบีอะฮฺ และคนอื่นๆ 

         และกล่าวว่า พวกท่านพบเห็น สิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านทรงสัญญาไว้กับพวกท่าน เป็นจริงแล้วใช่ไหม? 

          แท้จริง ฉันพบสิ่งที่พระเจ้าของฉัน ทรงสัญญากับฉันเป็นจริงแน่ๆ

 

          อุม้ร บุตร คอฏฏอบ ถามว่า โอ้ ท่านร่อซูลลุ้ลลอฮฺ พูดกับซากศพที่เน่าเหม็นหรือครับ ? 

          ท่านตอบว่า "ขอสาบานต่อผู้ซึ่งชีวิตฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ พวกท่านไม่ได้ ยินมากไปกว่า สิ่งที่ฉันพูดถึงพวกเขา แต่พวกเขาไม่ สามารถตอบได้"

 

          และ เมื่อเราอ่านอัลกรุอ่าน เราจะพบคำตรัสของ อัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า

 

"โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้คบกับหมู่ชนที่ อัลลอฮฺทรงกริ้วต่อพวกเขาไว้เป็นมิตรสหาย 

แน่นอน พวกเขาหมดหวังต่อวันปรโลกแล้ว เสมือนกับพวก ปฏิเสธศรัทธาหมดหวังต่อ(การฟื้นคืนชีพ)ของชาวกุบูร" 

(อัลมุมตะฮินะฮฺ : 13)

 

          พระองค์ทรงเตือนผู้ศรัทธา อย่าคบหาสมาคมกับผู้ปฏิเสธศรัทธา ที่เป็นศัตรูของอัลลอฮฺ เพราะพวกเขาไม่มีความหวังต่อโลกหน้า  ถ้าสมมุติ พวกเขามีความหวังต่อโลกหน้า แน่นอน พวกเขาต้องทำความดีเพื่อโลกหน้า

 

          เราพิจารณาจคำตรัสของพระองค์ ที่ว่า"เสมือนกับผู้ปฏิเสธศรัทธาหมดหวังต่อ(การฟื้นคืนชีพ)ของชาวกุบูร" 

          เพราะอะไร ? พวกปฏิเสธศรัทธาถึงต้องหมดหวัง ... เพราะผู้ปฏิเสธศรัทธา รู้ชะตากรรมของพวกเขาว่า ความเมตตาของ อัลลอฮฺ จะไม่ถึงพวกเขาอย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขาไม่เชื่อวันฟื้นคืนชีพ

 

          ดังนั้น ความตายไม่ใช่ ไม่มีหรือดับสูญ ตามที่บางคนเข้าใจ แต่เป็นชีวิตอีกโลกหนึ่ง ซึ่งมีกฎเกณฑ์ของมัน ที่เราเรียกว่า ชีวิตบัรซัคหรือ ชีวิตหลังความตาย 

          ดังที่ อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงแจ้งให้เราทราบสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวสุสาน(กุบู๊ร)ที่เป็นผู้ปฏิเสธศรัธทา อย่างกรณีฟริเอานฺ และพวกพ้อง ว่า

 

"มันคือนรก ที่พวกเขาต้องเผชิญอยู่ทุกเช้าเย็น  เมื่อเกิดกิยามะฮฺนั้น จะมีเสียงสั่งว่า 

จงเข้านรกไปถูกทรมานอย่างหนักเถอะ พวกพ้องฟริเอานฺทั้งหลาย"

(อัลฆอฟิร : 46)

 

          พวกพ้องฟิรเอานฺ จะถูกนำมาให้เห็นไฟนรกทั้งในยามเช้าและยามเย็น ซึ่งการเห็นไฟนรกของพวกเขานั้น ไม่ใช่เป็นการเห็นในขณะที่มีชีวิตบนโลกนี้ แต่เป็นการเห็นในชีวิตบัรซัคหรือชีวิตหลังความตาย เพื่อจะทำให้พวกเขาทุกข์ทรมานอย่างถาวร ก่อนที่จะพบกับการทรมานอย่างหนักยิ่ง

 

          หากสมมุติว่า พวกเขาเห็นไฟนรกจริงๆ แค่เพียงครั้งเดียวบนโลกนี้ พวกเขาจะเชื่อมั่นว่า อัลลอฮฺ คือ พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน และจะไม่เป็นผู้ปฏิเสธการมีพระเจ้าสักเสี้ยววินาที 

 

          แต่ด้วยความดือดึ้ง ยโสโอหังของพวกเขา อัลลอฮฺ ทรงให้พวกเขาจมทะเลตาย ในขณะที่ไล่ล่า นบีมูซา อลัยฮิสลาม และวงศ์วานบนีอิสรออีล ส่วนในโลกอาคิเราะฮฺ(โลกหน้า)พวกเขาจะเข้านรกชั้นต่ำสุด และรับการลงโทษอย่างแสนสาหัส 

 

 

          อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงแจ้งให้เราทราบไว้ในอัลกรุอ่านว่า ชีวิตมนุษย์จะออกจากโลกนี้ สองสภาพด้วยกัน

 

      สภาพก่อนจะสิ้นชีวิตของผู้ศรัทธา จะเห็นมลาอิกะฮฺ ห้อมล้อมเขา และให้สลามขอความศานติแก่เขา แล้วบอกข่าวดีถึงสวรรค์ที่เขาจะได้รับ ซึ่งเป็นช่วงเวลา แห่งความปลืมปิติ

 

      สภาพก่อนจะสิ้นชีวิตของผู้ปฏิเสธศรัทธา และผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใช้ คำสั่งห้ามของอัลลอฮฺ จะเห็น มลาอิกะฮฺ ที่จะทำให้เขาทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากการโดนฟาดที่ใบหน้าและหลัง แล้วเตือนให้รู้ถึงการลงโทษแห่งการเผาไหม้

 

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงแจ้งให้เราทราบไว้ในอัลกรุอ่านอีกว่า ชีวิตมนุษย์จะออกจากโลกนี้ สู่ชีวิตบัรซัค หรือชีวิตหลังความตายในสุสาน(กุบู๊ร)มีลักษณะดังนี้ 

 

"หากว่าเขา(ผู้ตาย)เป็นผู้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ความอิ่มเอิบสดชื่น และสวรรค์อันเป็นที่โปรดปรานก็จะได้แก่เขา 

และหากว่าเขาอยู่ในกลุ่มทางขวา(ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)ความปลอดภ้ย ก็จะเป็นของเจ้าในฐานะเป็นผู้อยู่ในกลุ่มทางขวา 

และหากเขาอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธ ผู้หลงทาง สิ่งที่เตรียมไว้สำหรับพวกเจ้า ก็คือ น้ำร้อนที่กำลังเดือด และเปลวไฟที่ลุกไหม้" 

(อัลวากิอะฮฺ : 88 - 94)