อัลกุรอานเป็น คำตรัสของ “อัลลอฮ์”
อัลกุลอ่านเป็น กะลามมุลลอฮ์
1. อัลกุรอาน เป็น กะลามมุลลอฮ์ หรือคำตรัสของอัลลอฮ์ ทั้งอักษรทุกตัวและความหมายทั้งหมด มิได้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งถูกสร้าง หากแต่อัลลอฮ์ทรงตรัสประทานลงมา อัลกุรอานมาจากอัลลอฮ์และต้องคืนกลับไปยังพระองค์ อัลกุรอานเป็นความมหัศจรย์(มัวะญิซาต)ที่ยืนยันให้เห็นถึงความเป็นนะบี อันสัจจริงของท่านนะบีมุฮัมมัด อัลกุรอานได้รับความคุ้มครองปกป้องรักษาโดยอัลลอฮ์ ตั้งแต่ที่ประทานลงมาจวบจนวันกิยามะฮ์
2. อัลลอฮ์ทรงตรัสตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และในเวลาที่พระองค์ทรงประสงค์ ถ้อยคำของพระองค์เป็นสัจจริงทั้งตัวอักษรและเสียง แต่จะเป็นลักษณะใดนั้นเราไม่สามารถทราบได้ และเราจะไม่โต้เถียงกันในเรื่องนี้3. การพูดว่า กะลามมุลลอ์ หรือ อัลกุรอานเป็นนิทาน หรือคำเปรียบเปรย ทำนองนี้ล้วนเป็นความหลงผิด เป็นการมีความเคลือบแคลงและไขว้เขว ซึ่งะส่งผลให้กลายเป็นผู้ปฏิเสธ
4. ผู้ใดปฏิเสธที่จะเชื่อสิ่งที่มีอยู่ในอัลกุรอาน หรือกล่าวอ้างว่าบกพร่องหรือมีส่วนใดลดหย่อน หรือมีการถูกตัดทอนออกไป หรือูกเพิ่มเติมขึ้นมา หรือถูกเปลี่ยนแปลงไป เท่ากับผู้นั้นเป็นผูปฏิเสธโดยปริยาย
5. การอรรถาธิบายอัลกุรอาน นั้นจำเป็นต้องอรรถาธิบายไปตามแนวทางของบรรดาสลัฟ ศอลิห์ เท่านั้น และห้ามอรรถาธิบาย(ตัฟซีร) อัลกุรอาน ด้วยความเห็นโดยปราศจากตัวบทสนับสนุน จากอัลนัศ (อัลกุรอานและอัลฮะดิษ และทรรศนะของบรรดาสลัฟ) มิฉะนั้นจะเป็นการกล่าวเท็จใส่อัลลอฮ์ ส่วนการโยงความหมายอัลกุรอานไปสู่ความหมายลับที่รู้กันเฉพาะกลุ่มซูฟี (บาฏินียะฮ์) หรือการกล่าวใส่ทำนองนั้นล้วนเป็นการปฏิเสธทั้งสิ้น
หลักการศรัทธา
รร.ศาสนูปถัมภ์ ประเวศ กทม.