คนที่จะได้รับความสำเร็จ
อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! - ท่ามกลางความเมตตาและเกียรติของพระองค์ – ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในโลกนี้และในโลกหน้า และจงยึดถือสาเหตุแห่งความสำเร็จ และเรียนรู้ลักษณะของผู้ที่ประสบความสำเร็จ และพยายามต่อสู้กับตัวเองเพื่อให้มีคุณลักษณะเหล่านั้น เพื่อที่ท่านจะได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบความสำเร็จ เพราะ "ความสำเร็จ" คือการได้รับความดีในโลกนี้และในโลกหน้า
ผู้ที่เป็นบ่าวของอัลลอฮ์ ! ในคัมภีร์อัลกุรอานมีอายะห์มากมายที่อธิบายถึงลักษณะของผู้ที่ประสบความสำเร็จ และบอกถึงรายละเอียดของพวกเขา รวมถึงคุณลักษณะต่างๆ การกระทำ และพฤติกรรมของพวกเขา ดังนั้นจึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่ผู้มุสลิมทุกคนจะต้องพิจารณาคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสำเร็จจากคัมภีร์นั้น และให้คำแนะนำจากคัมภีร์อัลกุรอานที่ยิ่งใหญ่
ในคัมภีร์อัลกุรอานมีอายะห์มากมายที่ลงท้ายด้วยคำของพระองค์ที่ว่า: “บรรดาผู้ที่ประสบความสำเร็จ” หรือ “หวังเพื่อจะให้พวกท่านได้รับความสำเร็จ” ซึ่งบรรจุลักษณะของผู้ที่ประสบความสำเร็จและคุณลักษณะต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การพิจารณาและใคร่ครวญจากพวกเรา
อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า
قَدْ أَفْلَحَ مَنْ تَزَكَّى
“แน่นอนผู้ที่ขัดเกลาตนเอง ย่อมบรรลุความสำเร็จ”
وَذَكَرَ اسْمَ رَبِّهِ فَصَلَّى
“และเขารำลึกถึงพระนามแห่งพระเจ้าของเขา แล้วเขาทำละหมาด”
بَلْ تُؤْثِرُونَ الْحَيَاةَ الدُّنْيَا
“หามิได้ แต่พวกเจ้าเลือกเอาการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่างหาก”
وَالْآخِرَةُ خَيْر وَأَبْقَى
“ทั้ง ๆ ที่ปรโลกนั้นดีกว่าและจีรังกว่า”
( สุเราะฮฺ อัลอะลาฮฺ 14-17)
อธิบายในโองการนี้
(ความสำเร็จ) เป็นตรงข้ามกับคำว่า "ความสูญเสีย" หมายถึงการชนะและ หมายถึงการทำให้จิตใจบริสุทธิ์จากการตั้งภาคีต่อพระเจ้าและจากการกระทำผิดต่างๆ การระลึกถึงพระเจ้า (ซิเกร) คือการกล่าวด้วยลิ้น การสรรเสริญพระเจ้าด้วยพระนามและคุณสมบัติของพระองค์และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และยังเป็นการระลึกในใจด้วยความเชื่อและศรัทธา และยังเป็นการกระทำด้วย เช่น
การละหมาดที่เป็นการระลึกถึงพระเจ้า (อัลลอฮ์) ได้ทำการละหมาดที่เป็นฟัรดู (ที่จำเป็น) และละหมาดสุนนะฮฺ เพราะการละหมาดเป็นการเชื่อมโยงระหว่างบ่าวกับพระเจ้า - ดังนั้นการการละหมาดจึงเป็นการเคารพภักดีที่สำคัญที่สุด และด้วยเหตุนี้มันจึงอยู่หลังคำปฏิญาณศรัทธา (ชะฮาดะห์) เพราะมันเป็นหลักหลักของอิสลาม
"มีคนบางกลุ่มที่ลืมการระลึกถึงพระเจ้า ลืมการละหมาด และมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของโลกนี้ ทั้งที่โลกนี้เป็นสะพานสำหรับชีวิตโลกหลังความตาย และเป็นแหล่งปลูกผลสำเร็จสำหรับชีวิตหลังความตาย สำหรับผู้ที่ใช้มันในการเชื่อฟังพระเจ้า และใช้มันในการเคารถต่อพระเจ้าผู้ทรงเกียรติ - ผู้ยิ่งใหญ่ - ดังนั้นเขาจึงรักษาการละหมาดกับการระลึกถึงพระเจ้า และคือสาเหตุได้รับปัจจัยยังชีพมากมาย"
"นี่คือแนวทางที่มุสลิมควรปฏิบัติตาม ส่วนผู้ที่เลือกชีวิตในโลกนี้เป็นหลักนั้นเขาจะเป็นผู้ที่ขาดทุน เพราะโลกนี้จะต้องสิ้นสุดลง และชีวิตหลังความตายกำลังจะมาถึง และทรัพย์สมบัติและเงินทองจะสูญหายไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือการกระทำดีที่เขาจะนำไปจากโลกนี้"
รายงายจากท่าน ตอลหะฮฺ บิน อุบัยดิลละฮฺ เล่าวว่า
أنَّ أعْرَابِيًّا جَاءَ إلى رَسولِ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عليه وسلَّمَ ثَائِرَ الرَّأْسِ، فَقالَ: يا رَسولَ اللَّهِ أخْبِرْنِي مَاذَا فَرَضَ اللَّهُ عَلَيَّ مِنَ الصَّلَاةِ؟ فَقالَ: الصَّلَوَاتِ الخَمْسَ إلَّا أنْ تَطَّوَّعَ شيئًا، فَقالَ: أخْبِرْنِي ما فَرَضَ اللَّهُ عَلَيَّ مِنَ الصِّيَامِ؟ فَقالَ: شَهْرَ رَمَضَانَ إلَّا أنْ تَطَّوَّعَ شيئًا، فَقالَ: أخْبِرْنِي بما فَرَضَ اللَّهُ عَلَيَّ مِنَ الزَّكَاةِ؟ فَقالَ: فأخْبَرَهُ رَسولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عليه وسلَّمَ شَرَائِعَ الإسْلَامِ، قالَ: والذي أكْرَمَكَ، لا أتَطَوَّعُ شيئًا، ولَا أنْقُصُ ممَّا فَرَضَ اللَّهُ عَلَيَّ شيئًا، فَقالَ رَسولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عليه وسلَّمَ أفْلَحَ إنْ صَدَقَ، أوْ دَخَلَ الجَنَّةَ إنْ صَدَقَ.
ชายคนหนึ่งจากชนบทได้เดินทางมาหาท่านนบี (ศ็อลลัลลาฮุอลัยฮิวะซัลลัม) โดยที่ผมของเขายุ่งเหยิงจากการเดินทาง
แล้วกล่าวว่า "โอ้ ท่านร่อซูล ข้าพเจ้าขอทราบสิ่งที่พระองค์ได้กำหนดให้ข้าพเจ้าในเรื่องการละหมาด"
ท่านร่อซูล ตอบว่า "การละหมาดห้าเวลาในวันและคืน นอกจากที่ท่านต้องการทำเพิ่มเติมด้วยความสมัครใจ"
เขากล่าวต่อไป "โอ้ ท่านร่อซูล ข้าพเจ้าขอทราบสิ่งที่พระองค์ได้กำหนดให้ข้าพเจ้าในเรื่องการถือศีลอด"
ท่านนบีตอบว่า "การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน นอกจากที่ท่านต้องการทำเพิ่มเติมด้วยความสมัครใจ"
แล้วเขากล่าวต่อไป "โอ้ ท่านร่อซูล ข้าพเจ้าขอทราบสิ่งที่พระองค์ได้กำหนดให้ข้าพเจ้าในเรื่องการให้ซะกาต"
ท่านร่อซูล ก็ตอบว่า “ท่านได้แจ้งข้อกำหนดต่างๆ ในการปฏิบัติศาสนาอิสลามแก่เขา “
และเขากล่าวว่า "ขอสาบานด้วยพระองค์ผู้ทรงเกียรติ ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งใดที่เกินกว่าที่กำหนด และข้าพเจ้าจะไม่ลดสิ่งที่พระองค์ได้กำหนดให้"
ท่านร่อซูล ตอบว่า "เขาจะประสบความสำเร็จ หากเขาพูดความจริง" หรือ "เขาจะเข้าไปสู่สวรรค์ หากเขาพูดความจริง"
(บันทึกโดย บุคครีย์)
อธิบายตัวบทหะดีษ
ความซื่อสัตย์ ในการปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอิสลามและองค์ประกอบต่างๆ ของมันในทางที่ถูกต้อง พร้อมกับความบริสุทธิ์ใจในนั้น เป็นหนทางสู่ความสำเร็จและเป็นสาเหตุของการรอดพ้นจากความน่ากลัวในวันพิพากษา
ในหะดีษนี้ ตอลหะห์ บิน อุบัยดิลละฮ์ เล่าถึงเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งมาจากชนบทของนัจด์ (ซึ่งเป็นพื้นที่ของอาหรับระหว่างฮิยาซกับอิรัก) เขาคือ "ดิมาม บิน ซะลาบะห์" และเขามีผมที่ยุ่งเหยิงจากการเดินทาง และมีเสียงดังจนไม่สามารถเข้าใจได้ จนกระทั่งเขาเข้ามาใกล้ท่านนบีมูฮัมมัด (ศ็อลลัลลาฮุอลัยฮิวะซัลลัม) และเริ่มถามท่านเกี่ยวกับหลักการของศาสนาอิสลาม
ท่านนบีตอบว่า สิ่งที่จำเป็นที่สุดที่เขาต้องทำในชีวิตคือการละหมาดห้าครั้งในแต่ละวันและคืน
ชายคนนั้นถามว่า "ฉันต้องละหมาดอะไรเพิ่มเติมจากละหมาดห้าครั้งนี้ไหม?"
ท่านนบีตอบว่า "ไม่มีสิ่งใดที่ต้องละหมาดเพิ่มเติมจากนี้ นอกจากการทำความดีด้วยความสมัครใจ เช่น การทำซุนนะห์และการละหมาดเสริม ซึ่งเป็นสิ่งที่แนะนำ และหากทำแล้วจะได้รับรางวัล แต่หากไม่ทำก็ไม่ต้องรับโทษ"
จากนั้นท่านนบีได้พูดถึงการถือศีลอด และยืนยันว่าเขาต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน การถือศีลอดคือการอดอาหารและเครื่องดื่มและสิ่งอื่นๆ ที่ทำให้การถือศีลอดเสียไป เพื่อแสดงความเคารพต่อพระเจ้า และงดการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง ตั้งแต่รุ่งสางจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน (ในช่วงเดือนรอมฎอน)
เขาถามว่า "มีสิ่งใดที่ฉันต้องทำเพิ่มอีกหรือไม่?"
ท่านนบีตอบว่า "ไม่มีสิ่งใดที่ต้องทำเพิ่มจากนี้ นอกจากการทำความดีเพิ่มเติม เช่น การถือศีลอดในวัน
อื่นๆ นอกเหนือจากเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นสิ่งที่แนะนำ และจะได้รับรางวัลหากว่าเขาทำ"
จากนั้นท่านนบีได้พูดถึงการให้ซะกาต ซึ่งเป็นการทำบุญทางการเงินที่จำเป็นต้องทำจากทรัพย์สินที่ถึงเกณฑ์ตามที่กำหนดในศาสนา ซึ่งต้องให้ในทรัพย์สินที่มีมูลค่าถึงเกณฑ์และครบปี โดยจะต้องให้ร้อยละ 2.5 ของทรัพย์สินนั้น
ซะกาตยังรวมถึงการให้ซะกาตจากสัตว์เลี้ยง เช่น วัวและแกะ, การเก็บเกี่ยวพืชผลและผลไม้, สินค้าที่ใช้ในการค้าขาย, และซะกาตจากขุมทรัพย์ที่ขุดพบในดิน (หรือแร่ธาตุ) ตามที่ระบุในเกณฑ์และเวลาที่ต้องให้
การให้ซะกาตอย่างถูกต้องและตรงตามที่กำหนด จะนำมาซึ่งความเจริญและความบารมีในทรัพย์สิน และรางวัลมากมายในโลกหน้า ในขณะที่การเก็บซะกาตและจะต้องให้กับผู้ที่สมควรจะได้รับ ซึ่งมีการระบุไว้อย่างชัดเจนในคัมภีร์อัลกุรอานและฮะดีษ
และการให้ซะกาตจะต้องให้กับผู้ที่มีสิทธิได้รับตามที่ระบุในอัลกุรอาน โองการที่กล่าวว่า:
{إِنَّمَا الصَّدَقَاتُ لِلْفُقَرَاءِ وَالْمَسَاكِينِ وَالْعَامِلِينَ عَلَيْهَا وَالْمُؤَلَّفَةِ قُلُوبُهُمْ وَفِي الرِّقَابِ وَالْغَارِمِينَ وَفِي سَبِيلِ اللَّهِ وَابْنِ السَّبِيلِ فَرِيضَةً مِنَ اللَّهِ وَاللَّهُ عَلِيمٌ حَكِيمٌ
" แท้จริงทานทั้งหลายนั้น สำหรับบรรดาผู้ที่ยากจน และบรรดาผู้ที่ขัดสน และบรรดาเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมมัน
และบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาสนิทสนม และในการไถ่ทาส และบรรดาผู้ที่หนี้สินล้นตัว และในทางของอัลลอฮฺ
และผู้ที่อยู่ในระหว่างเดินทาง ทั้งนี้เป็นบัญญัติอันจำเป็นซึ่งมาจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ"
(ซูเราะห์ ตะบะฮ์ 60)
ชายคนนั้นถามว่า "มีสิ่งใดที่ฉันต้องทำเพิ่มอีกไหม?"
ท่านนบีบอกว่า "ไม่มีสิ่งใดที่ต้องทำเพิ่มจากนี้ นอกจากการให้ทานหรือการทำความดีด้วยความสมัครใจ ซึ่งจะได้รับรางวัลจากพระเจ้า แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำตามข้อบังคับ และไม่ผิดหากทิ้งมันไป"
ชายคนนั้นหันหลังกลับและสาบานด้วยพระเจ้า ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเพิ่มเติมจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายเหล่านี้เลย และจะไม่ทิ้งสิ่งใดจากสิ่งที่พระเจ้าได้กำหนดให้
ท่านนบีตอบว่า "เขาจะประสบความสำเร็จ หากเขาพูดความจริง"
หมายความว่า หากเขาซื่อสัตย์ในสิ่งที่เขาพูด และปฏิบัติตามภารกิจต่างๆ ที่พระเจ้าได้กำหนดให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขาจะได้รับรางวัลเข้าสู่สวรรค์และพ้นจากไฟนรก แม้ว่าเขาจะไม่ทำสิ่งใดเพิ่มเติมจากสิ่งที่เป็นข้อบังคับ
ในหะดีษนี้ชี้ให้เห็นว่า หากมนุษย์ทำตามสิ่งที่จำเป็นตามคำสั่งของศาสนา ก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่ควรทำสิ่งที่แนะนำเพิ่มเติม เพราะการทำความดีเพิ่มเติมนั้นจะช่วยเสริมเติมเต็มสิ่งที่จำเป็นในวันพิพากษา