ตะกาฟุลอิสลาม
อ.อิสหาก พงษ์มณี
ลักษณะของตะกาฟุลแบบอิสลาม
ตะกาฟุลอิสลาม เป็นระบบประกันที่ดำเนินการตามหลักการของศาสนาอิสลาม โดยมุ่งเน้นความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างผู้เข้าร่วม โดยปราศจากองค์ประกอบที่ต้องห้าม เช่น ริบา (ดอกเบี้ย), เฆาะรัร (ความไม่แน่นอนอย่างร้ายแรง), และ ไมซิร (การพนัน) หรือแสวงกำไร
ลักษณะเด่นของตะกาฟุล ได้แก่:
1. สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม – ปราศจากดอกเบี้ย การพนัน และความไม่แน่นอนที่มากเกินไป โดยมีการดำเนินงานภายใต้ข้อกำหนดทางฟิกห์
2. ส่งเสริมความร่วมมือและการช่วยเหลือกัน – ผู้เข้าร่วมแต่ละคนจะบริจาคเงินเข้าไปในกองทุนเพื่อช่วยเหลือกันในกรณีที่มีผู้ประสบปัญหา
3. ไม่แสวงหากำไรแบบธุรกิจทั่วไป – บริษัทตะกาฟุลทำหน้าที่เพียงบริหารกองทุน และได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการ(ค่าจ้าง)ที่เป็นธรรมเท่านั้น
4. การแบ่งปันส่วนเกิน – หากกองทุนมีเงินเหลือใช้หลังจากจ่ายค่าสินไหมทดแทน เงินส่วนนี้อาจถูกแจกจ่ายกลับไปยังผู้เข้าร่วม หรือถูกเก็บไว้เป็นกองทุนสำรองเพื่อการลงทุนที่เหมาะสม
5. การลงทุนที่ฮาลาล – เงินในกองทุนตะกาฟุลถูกนำไปลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจต้องห้าม เช่น สุรา การพนัน หรือดอกเบี้ย
6. ความยุติธรรมและความโปร่งใส – สัญญาของตะกาฟุลถูกออกแบบให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
7. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารกองทุนกับสมาชิก-เป็นลักษณะลูกจ้างและนายจ้าง
7.1 ต้องยึดหลักเกณฑ์และเงื่อนการจ้างตามหลักการ
7.2 ต้องระบุค่าจ้างชัดเจนขณะทำสัญญา มิเช่นนั้นสัญญาจ้างเป็นโมฆะ
7.3 เงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆ (เงื่อนไขในฯ) ต้องไม่ขัดต่อเงื่อนของสัญญาจ้าง (ตามที่ศาสนากำหนด) และต้องได้รับการเห็นชอบจากคู่สัญญา
ข้อสรุป
ตะกาฟุลอิสลาม เป็นทางเลือกที่ฮาลาลสำหรับผู้ที่ต้องการการคุ้มครองที่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม โดยเน้นความร่วมมือและความช่วยเหลือกัน ขณะที่ การประกันเชิงพาณิชย์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างกำไรให้บริษัทประกัน และมักมีองค์ประกอบที่ขัดกับหลักศาสนา ด้วยเหตุนี้ ตะกาฟุลจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับชาวมุสลิมที่ต้องการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินโดยไม่ละเมิดหลักการศาสนา
ความแตกต่างระหว่าง "ตะกาฟุ้ลอิสลาม" กับ "ประกันภัยเชิงธุรกิจ"
1. หลักการพื้นฐาน
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: เป็นระบบที่ตั้งอยู่บนหลักการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (التكافل - At-Takāful) โดยสมาชิกในกลุ่มร่วมกันบริจาคเงินเข้าสู่กองทุนเพื่อช่วยเหลือกันในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: เป็นระบบที่ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนเพื่อแสวงหากำไร โดยลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันเพื่อซื้อความคุ้มครอง และบริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ครอบคลุมตามสัญญา
2. เจตนารมณ์ (นียะห์)
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: มีเจตนาเพื่อความร่วมมือและการแบ่งปันภาระตามหลักศาสนา ไม่มีเป้าหมายเพื่อแสวงหากำไร
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: มีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากเบี้ยประกันของลูกค้า
3. โครงสร้างทางการเงิน
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: สมาชิกบริจาคเงินเข้ากองทุนที่ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ กองทุนจะถูกบริหารตามหลักชะรีอะห์ และมีการแบ่งผลกำไรหรือส่วนเกินคืนให้สมาชิก
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: ลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันให้บริษัท บริษัทจะเป็นเจ้าของเงิน และหากไม่มีการเคลม เงินจะกลายเป็นกำไรของบริษัท
4. การลงทุนของกองทุน
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: กองทุนต้องลงทุนในกิจการที่สอดคล้องกับหลักชะรีอะห์ เช่น ห้ามลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย การพนัน หรือสินค้าฮะรอม
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: บริษัทสามารถนำเงินไปลงทุนในกิจการใดก็ได้ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย หรือกิจกรรมที่ขัดกับหลักอิสลาม
5. แนวทางการบริหารความเสี่ยง
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: เป็นการบริหารความเสี่ยงร่วมกันระหว่างสมาชิกในกองทุน
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: บริษัทเป็นผู้รับความเสี่ยง และแสวงหากำไรจากการบริหารความเสี่ยงนั้น
6. หลักการทางศาสนา
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: ปฏิบัติตามหลักการอิสลาม หลีกเลี่ยง อัลฆ่อร้อรฺ (ความไม่แน่นอน), อัร-ริบา (ดอกเบี้ย) และ อัล-มัยฺซีร (การพนัน)
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: มีองค์ประกอบของ อัลฆ่อร้อรฺ, อัร-ริบา และอัล-มะยฺซีร ซึ่งทำให้ขัดกับหลักอิสลาม
7. ผลประโยชน์ที่เหลือจากกองทุน
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: หากกองทุนมีเงินเหลือหลังจากการจ่ายสินไหมทดแทน ส่วนเกินสามารถคืนให้สมาชิกหรือใช้เพื่อประโยชน์เพื่อการลงทุนที่ไม่ขัดต่อหลักการอิสลามและต้องได้รับการยินยอมจากสมาชิกผู้จ่ายเงินสมทบ
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: เงินส่วนเกินเป็นกำไรของบริษัท
8. มุมมองของอิสลาม
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: เป็นทางเลือกที่ฮาลาลและได้รับการยอมรับในอิสลาม
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: โดยทั่วไปอุละมาอ์สายสลัฟมองว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เนื่องจากมีองค์ประกอบที่ขัดกับหลักชะรีอะห์
สรุป
ตะกาฟุ้ลอิสลามเป็นระบบที่มุ่งเน้นความร่วมมือและความเป็นธรรมตามหลักอิสลาม ขณะที่ประกันภัยเชิงธุรกิจเป็นระบบที่ขับเคลื่อนโดยผลกำไรและอาจมีองค์ประกอบที่ไม่สอดคล้องกับหลักศาสนา ดังนั้น มุสลิมที่ต้องการหลีกเลี่ยงสิ่งต้องห้ามในศาสนา ควรเลือกใช้ระบบตะกาฟุ้ลแทนการทำประกันภัยแบบทั่วไป
เปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารกองทุนตะกาฟุ้ลกับสมาชิกผู้ร่วมกองทุน ผู้บริหารบริษัทประกันภัยเชิงธุรกิจกับผู้เอาประกัน
1. ลักษณะความสัมพันธ์
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: ผู้บริหารทำหน้าที่เป็น "ผู้ดูแล" (Wakalah) และมีสภาพเป็นอาสาสมัครกรณีไม่รับค่าแรงหรือเป็นลูกจ้างกรณีคิดค่าแรงซึ่งต้องยึดกฏการว่าจ้างตามหลักการหรือเป็น "ผู้บริหารกองทุน" (Mudarabah) เพื่อบริหารกองทุนของสมาชิก โดยยึดกฏของการร่วมทุนลักษณะมุดอรอบะห์
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: ผู้บริหารทำหน้าที่เป็น "เจ้าของธุรกิจ" ที่ดำเนินกิจการเพื่อแสวงหากำไร
2. สถานะของสมาชิก/ผู้เอาประกัน
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: สมาชิกเป็น "ผู้ร่วมบริจาค" (Tabarru’) เพื่อช่วยเหลือกันตามหลักการอิสลามและเป็นนายจ้างกรณีผู้บริหารกองทันคิดค่าบริหาร
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: ผู้เอาประกันเป็น "ลูกค้า" ที่ซื้อบริการจากบริษัท
3. สิทธิในกองทุน/บริษัท
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: สมาชิกมีสิทธิร่วมเป็นเจ้าของกองทุน และหากมีเงินเหลือ ต้องได้รับเงินคืนตามส่วน หรือเป็นเจ้าของส่วนการลงทุนหากมีการนำไปลงทุนต่อลักษณะมุดอรอบะห์
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: ผู้เอาประกันไม่มีสิทธิในทรัพย์สินของบริษัท และไม่ได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรของบริษัท
4. เป้าหมายหลักของผู้บริหาร
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: บริหารกองทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสมาชิกตามหลักอิสลาม ซึ่งมีสองสภาพคือตัวแทนแบบไม่คิดค่าแรง (วะกี้ลบิลาอะญัร) หรือตัวแทนลักษณะลูกจ้าง (วะกี้ลบิลอะญัร)
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: มุ่งเน้นการทำกำไรให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้น
5. ลักษณะของการจ่ายเงินชดเชย
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: เป็นการ "ช่วยเหลือกัน" (Ta'awun) โดยใช้เงินจากกองทุนรวม
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: เป็น "ธุรกรรมทางการค้า" ที่บริษัทจ่ายเงินชดเชยตามสัญญาประกัน
6. การบริหารความเสี่ยง
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: แบ่งปันความเสี่ยงระหว่างสมาชิก (Risk Sharing)
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: บริษัทเป็นผู้รับความเสี่ยงและทำกำไรจากการคำนวณเบี้ยประกัน (Risk Transfer)
7. การใช้ผลกำไรหรือส่วนเกิน
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: หากกองทุนมีเงินเหลือ อาจนำไปช่วยเหลือสังคมแต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิก (เจ้าของเงินสมทบ) หรือคืนให้สมาชิก หรือนำไปลงทุนต่อลักษณะมุดอรอบะห์หลังจากการเห็นชอบของสามาชิก
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: ผลกำไรเป็นของบริษัทและอาจแบ่งให้ผู้ถือหุ้น
8. การกำกับดูแล
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: ต้องมีคณะกรรมการชะรีอะห์ (Shariah Board) คอยดูแลให้เป็นไปตามหลักศาสนา
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: ดำเนินการตามกฎหมายธุรกิจและกฎระเบียบของรัฐ
9. การลงทุนของกองทุน/บริษัท
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: ต้องลงทุนในกิจการที่ "ฮาลาล" เท่านั้น เช่น ห้ามลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย การพนัน หรือสินค้าต้องห้าม
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: สามารถลงทุนในธุรกิจใดก็ได้ รวมถึงกิจการที่ขัดต่อหลักอิสลาม
สรุป
ตะกาฟุ้ลอิสลาม: เป็นระบบที่เน้นความร่วมมือ ความเป็นธรรม และช่วยเหลือกันในสังคม ผู้บริหารทำหน้าที่ดูแลเงินของสมาชิกตามหลักอิสลาม
ประกันภัยเชิงธุรกิจ: เป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วยผลกำไร ผู้บริหารมุ่งเน้นสร้างรายได้ให้บริษัทโดยไม่มีข้อจำกัดด้านศาสนา