โรคที่รักษาไม่หาย
แปลและเรียบเรียง....เพจวันละหนึ่งความคิด
- เชค มุฮัมมัด อิบนิ อุซัยมีน ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ-
การอิจฉาริษยา คือ โรคที่รักษาไม่หาย มีที่มาจากหัวใจที่ชั่วร้าย ที่ไม่อยากให้ผู้อื่นได้รับในสิ่งที่ดี หากแต่อยากเก็บเอาสิ่งดีๆ ไว้กับตัวเองแต่เพียงลำพังเท่านั้น มันคือ หัวใจที่ตะหนี่ถี่เหนียว
เมื่อเห็นสิ่งดีเกิดกับผู้อื่น ก็รู้สึกไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะหวังอยากให้มันสูญสิ้นไปหรือไม่ก็ตาม ดังที่ชัยคุ้ลอิสลาม อิบนิตัยมียะฮฺได้ให้คำนิยามของการอิจฉาว่า
“คือการรังเกียจที่เห็นผู้อื่นได้รับความโปรดปราน (นิอฺมะฮฺ) จึงไม่จำกัดว่าอยากจะให้นิอมะฮฺนั้นสูญสิ้นไปหรือไม่ก็ตาม”
สำหรับแนวทางการบำบัดรักษาการอิจฉาริษยานั้น ได้แก่
1) ตระหนักว่าความโปรดปรานนี้มาจากอัลลอฮฺ ดังที่พระองค์ตรัสว่า
"หรือว่าพวกเจ้าจะอิจฉามนุษย์ในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานให้แก่พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์กระนั้นหรือ ?"
เมื่อสิ่งนั้นมาจากความโปรดปรานของอัลลอฮฺ นั่นย่อมหมายความว่าสิ่งนั้นคือการกระทำของพระองค์ การอิจฉาจึงแฝงไว้ด้วยการไม่พอใจในกำหนดของอัลลอฮฺ ดังนั้น ผู้ศรัทธาจำเป็นต้องระงับจากการกระทำนี้ให้ได้
2) ยิ่งอิจฉา ก็จะยิ่งเพิ่มบาปและลดทอนความดีของตนเอง ดังคำกล่าวที่ว่า “การอิจฉาริษยาจะกัดกิดผลบุญ เช่นที่ไฟกินฟืน ฉันใดก็ฉันนั้น”
3) ตระหนักไว้เสมอว่า การอิจฉามีแต่จะเพิ่มความวิตกกังวลและทุกข์ระทม ยิ่งเห็นผู้อื่นได้รับนิอฺมะฮฺมากเท่าใด ก็จะยิ่งเจ็บใจทุกข์ใจมากเท่านั้น
4) ให้รู้ว่าไม่มีสิ่งใดจะขัดขวางห้ามไม่ให้อัลลอฮฺประทานความโปรดปรานนั้นกับคนที่เขาอิจฉาอยู่ได้ เมื่อเขาตระหนักรู้ในข้อนี้ เขาก็จะทราบว่าการอิจฉาของเขานั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย และคนที่มีปัญญาย่อมไม่ทดลองทำในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
5) ให้รู้ไว้ว่า คนที่อิจฉาเมื่อจมปลักอยู่กับความอิจฉาริษยา และคล้อยตามอารมณ์แห่งความอิจฉาแล้ว ความอิจฉาจะทำให้เขายุ่งอยู่กับมันจนพลาดโอกาสในการทำสิ่งที่จะเกิดประโยชน์แก่ตัวของเขาเองเป็นการเฉพาะ
จะเห็นว่าคนที่อิจฉาจะยุ่งอยู่แต่การตามข่าวของคนที่ตนอิจฉาอยู่ เพราะคนที่อิจฉาจะติดตามสอดแนมแต่เรื่องของคนที่ตนอิจฉาอยู่เสมอนั่นเอง
ท่านร่อซู้ล صلى الله عليه وسلم กล่าวว่า:
" โรคร้ายที่เคยประสบกับ ประชาชาติก่อนหน้าพวกท่าน ได้มาประสบกับพวกท่านแล้ว
นั่นก็คือ การอิจฉาริษยา และการเกลียดชังซึ่งกันและกัน"
(บันทึกโดยอิมามอะฮฺมัดและอิมามอัตติรมีซีย์)
- ท่านมุอาวิยะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ-
ลูกรัก..จงระวังและปลีกตัวออกห่างจากการอิจฉาเถิด เพราะมันจะเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในตัวของเจ้า ก่อนที่มันจะประจักษ์ชัดในคู่อริของเจ้า
-ท่านอบูบักร อิบนิ้ล อะรอบีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ-
หัวใจ จะยังไม่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง หากยังเป็นหัวใจที่ อิจฉาริษยา ลำพองตน และหยิ่งยโส
เพราะท่านนบี صلى الله عليه وسلم ได้วางเงื่อนไขของการมีศรัทธาไว้ว่า:
"คือ การที่คนๆ หนึ่งปรารถนา อยากให้พี่น้องของเขาได้รับ เฉกเช่นที่เขาอยากให้ตนเองได้รับ"
(อัลฟุรูซียะฮฺ499)
-เชค ซอลิหฺ อัลอุศ็อยมีย์ ฮะฟิศ่อฮุ้ลลอฮฺ -
พวกท่านพึงระวังการอิจฉาริษยา และพึงชำระจิตใจของพวกท่านให้สะอาดบริสุทธิ์
เพราะการอิจฉาริษยานั้น คือสิ่งเผาไหม้คุณงามความดีทั้งหลายให้หมดไป
ความอิจฉาเป็นที่มาของความโศกเศร้าระทมทุกข์ เป็นสิ่งขจัดการงานที่ดี
คนขี้อิจฉาจะอมทุกข์และใช้ชีวิตอย่างอึดอัด และความสั่นคลอนไม่คงเส้นคงวา จะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
- เชค อิบนิ อุซัยมีน ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -
เมื่อท่านเห็นว่า อัลลอฮฺได้ประทานทรัพย์สิน วิชาความรู้ สุขภาพพลานามัย เกียรติยศชื่อเสียง ลูกหลาน หรืออื่นๆ นอกเหนือจากนี้ แก่คนอื่นนอกเหนือจากท่าน ก็จงกล่าวว่า
اللهم إني أسألك من فضلك
"อัลลอฮุมมะ อินนี อัซอะลุกะ มิน ฟัฎลิกะ"
"โอ้อัลลอฮฺ แท้จริง ข้าพระองค์วิงวอนขอ ความโปรดปรานจากพระองค์ด้วยเถิด"
ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า
" واسألوا الله من فضله "
"และพวกเจ้า จงวอนขอความโปรดปรานของพระองค์ต่ออัลลอฮฺเถิด"
ส่วนการเป็นคนอมทุกข์ หมองเศร้า เวลาที่เห็นความโปรดปรานของอัลลอฮฺมีให้กับคนหนึ่งคนใด แล้วรู้สึกกลุ้มใจทุกข์ใจนั้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งเผาไหม้ตัวของท่านเอง และเมื่อใดก็ตามที่ท่านรู้สึกอิจฉาก็ให้กล่าวว่า :
أعوذ بالله من الشيطان الرجيم،
اللهم إني أسألك من فضلك كما أعطيت هؤلاء ألا تحرمني
(อะอูซุบิ้ลลาฮิ มินัชชัยฏอนิรรอญีม อัลลอฮุมมะ อินนี อัซอะลุกะ มิน ฟัฎลิกะ กะมา อะอฺฏ็อยตะ ฮาอุลาอฺ อัลลา ตะฮฺริมนีย์)
" ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ ให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกสาปแช่ง
ข้าแต่อัลลอฮฺ แท้จริง ข้าพระองค์วอนขอความโปรดปรานจากพระองค์ ดังเช่นที่พระองค์ได้ประทานให้แก่พวกเขาเหล่านั้น
ขอพระองค์โปรดอย่าได้ทรงห้ามข้าพระองค์(ในการได้รับสิ่งเหล่านั้น) ด้วยเถิด"
اللقاءات الشهرية (٣٩)