เหตุแห่งความวิบัติ
  จำนวนคนเข้าชม  7190

 

เหตุแห่งความวิบัติ

ความรู้จากอัลฮะดิษ

เล่าจากอาลี จากท่านนะบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่า

“เมื่อประชากรของฉันได้ทำ 15 ประการ ความวิบัติจะเกิดขึ้นกับพวกเขา”

มีผู้ถามว่า “มันคืออะไรบ้าง โอ้ท่านเราะซูลลุลลอฮ์ 

ท่านตอบว่า

         “เมื่อทรัพย์สินของรัฐตกเป็นของคนกลุ่มหนึ่ง , ของฝากกลายเป็นทรัพย์เชลย , ซะกาตเป็นค่าปรับ , ผู้ชายจะเชื่อฟังภรรยาของเขา , เขาจะเนรคุณมารดาของเขา , ทำดีกับเพื่อนฝูง , หยาบคายต่อบิดามารดา , จะมีเสียงดังในมัสยิด , หัวหน้ากลุ่มชนจะได้แก่คนที่ต่ำต้อยที่สุดของพวกเขา , ผู้คนจะถูกยกย่องเพราะหวั่นเกรงในความชั่วร้ายของเขา , สุราจะถูกดื่มกิน , ผ้าไหมจะถูกสวมใส่ , นักร้องหญิงและวงดนตรีจะได้รับความนิยม , คนยุคท้ายของประชากรจะสาปแช่งคนยุคแรกของประชากร , ดังนั้นให้พวกเขาจงคอยเถิด ในขณะนั้นลมแดงหรือธรณีสูบ หรือการสาป “


(รายงานโดย ตริมีซีย์)

          ท่านเราะซูลลุลลอฮ์  มีความเมตตาและเป็นห่วงประชากรของท่าน ท่านจะตักเตือนประชากรของท่านอยู่เสมอให้กระทำในสิ่งที่ดีงาม และมีประโยชน์ และกำชับให้ออกห่างจากข้อห้ามและสิ่งที่จะนำความวิบัติมาให้แก่พวกเรา ในฮะดิษนี้ท่านเราะซูล  ได้เตือนประชากรของท่าน ซึ่งคือมุสลิมทุกคนให้ระวังต้นเหตุที่จะนำความวิบัติมาสู่พวกเขาถึง 15 ประการ และเมื่อเรานำคำตักเตือนเหล่านั้นมาพิจารณา ก็จะพบว่าความวิบัติที่เกิดขึ้นกับครอบครัวและสังคมนั้นเกิดมาจากต้นเหตุที่ท่านได้เตือนไว้แล้วทั้งสิ้น เหตุแห่งความวิบัติทั้งสิบห้าประการนั้นได้แก่ :


หนึ่ง : เมื่อทรัพย์สินของรัฐตกเป็นของคนกลุ่มหนึ่ง

หมายความว่า ผู้ปกครองนำงบประมาณแผ่นดินไปใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เฉพาะกลุ่มของตน ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน


สอง : เมื่อของฝากกลายเป็นทรัพย์เชลย

หมายความว่า ความซื่อสัตย์ของผู้คนจะเหือดหายไป ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจเมื่อมีผู้เอาทรัพย์สินมาฝากไว้เขาก็จะยักยอกและทุจริตเอามาเป็นของตน และเห็นว่ามันเป็นสิ่งจะได้มาอย่างง่าๆ เมื่อสามารถสร้างภาพให้เห็นว่าตนเองเป็นคนซื่อสัตย์


สาม : ซะกาตเป็นค่าปรับ

หมายความว่า เมื่อผู้ที่มีทรัพย์สินที่จะต้องจ่ายซะกาตเห็นว่า ซะกาตเป็นค่าปรับ ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือสังคม ไม่ใช่เป็นการให้โอกาสแก่คนยากจน ที่จะมีเงินทุนไปทำมาหากิน แต่เป็นการเอารัดเอาเปรียบเขา เสมือนเป็นค่าปรับที่บังคับให้เขาต้องจ่าย เขาก็จะไม่ยอมจ่ายซะกาต


สี่ : ผู้ชายจะเชื่อฟังภรรยาของเขา

หมายความว่า เชื่อฝังภรรยาทุกเรื่องโดยไม่แยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร เมื่อภรรยาว่าอย่างไรเขาก็ว่าอย่างนั้น ภรรยาชี้นิ้วสั่งการอะไร เขาก็จะสนองตอบไม่ว่าถูกหรือผิด


ห้า : เนรคุณมารดา

หมายความว่า ไม่ให้เกรียติ ไม่ยกย่อง ไม่เลี้ยงดู ไม่เอาใจใส่มารดา


หก : ทำดีกับเพื่อนฝูง

หมายความว่า ลูกๆจะห่างเหินกับครอบครัว ไปมั่วสุมอยู่กับเพื่อนๆที่เรียกกันว่า “ติดเพื่อน” เชื่อฟังเพื่อนยิ่งกว่าเชื่อฟังพ่อแม่ ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนยิ่งกว่ารอบครัว นี่คือจุดอันตรายของวัยรุ่นยุคปัจจุบัน ที่พ่อแม่ต้องเอาใจใส่อย่างพิเศษ


เจ็ด : หยาบคายต่อบิดามารดา

หมายความว่า ลูกไม่มีความยำเกรงพ่อแม่ ทุกวันนี้ลูกต้องเหินห่างจากพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงดูบุตรของตนเอง ทุ่มเทเวลาให้กับการทำมาหากิน จึงให้คนอื่นมาเลี้ยงดูบุตรของตนแทน ลูกจึงเติบโตในอ้อมอกของคนอื่น ไม่ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของพ่อแม่ ความผูกพันระหว่างบุตรกับผู้บังเกิดเกล้าจึงมีน้อย ในที่สุดก็กล้าที่จะแสดงออกต่อพ่อแม่อย่างหยาบคาย


แปด : จะมีเสียงดังในมัสยิด

มัสยิด คือสถานที่สำหรับทำอิบาดะฮ์ และกิจกรรมอื่นๆที่เป็นประโยชน์แก่มวลมุสลิม ทั้งดุนยาและอาคิเราะฮ์ แต่ต้องเป็นไปอย่างสงบมีมารยาท และมีแบบแผน ในการใช้สอยมัสยิด การใช้เสียงดังในมัสยิดเป็นสิ่งต้องห้าม ท่านอุมัร เคยใช้ก้อนกรวดขว้างคนที่กำลังส่งเสียงดังในมัสยิด ท่านนะบีตำหนิคนที่ประกาศหาของหายในมัสยิด การอ่านอัลกุรอานดังๆ เป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเช่นกัน เมื่อไปรบกวนผู้กำลังทำอิบาดะฮ์ที่ต้องการสมาธิ ในปัจจุบันเรามักจะได้ยินเสียงดังในมัสยิดต่างๆ อยู่เสมอ บางแห่งอาจเป็นเสียงดนตรีในงานประจำปีและวาระอื่นๆ บางแห่งเป็นเสียงของการโต้เถียง ที่มากไปกว่านั้นคือเสียงของการทะเลาะวิวาทกัน


เก้า : หัวหน้ากลุ่มชนจะเป็นคนที่ต่ำต้อยที่สุดของพวกเขา

หมายความว่า คนที่เป็นผู้นำหรือหัวหน้าจะไม่มีคนเคารพนับถือ สั่งการอะไรออกไปก็ไม่มีใครนำไปปฏิบัติ สังคมจะปั่นป่วนรวนเร เพราะไม่สามารถควบคุมและบังคับบัญชากันได้


สิบ : ผู้คนจะถูกยกย่องเพราะหวั่นเกรงในความชั่วร้ายของเขา

หมายความว่า สังคมจะยกย่องให้เกรียติผู้มีอิทธิพล และพวกเจ้าพ่อ มาเฟียทั้งหลาย เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นในอำนาจรัฐ ที่ไม่สามารถจัดการกับผู้กระทำผิดได้อย่างยุติธรรม ผู้คนจึงหันไปยกย่องพวกที่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งมักจะเป็นพวกที่ร่ำรวยมาจากธุรกิจผิดกฎหมาย และจากการติดสินบน และเป็นพวกที่มีหน้ามีตาในวงสังคม ส่วนคนดีจะกลายเป็นส่วนเกินของสังคมหรือถูกเมินเฉย


สิบเอ็ด : สุราจะถูกดื่มกิน

ในปัจจุบันเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าความวิบัติที่เกิดจากสุรานั่นมีมากมายเพียงไร ทั้งจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่คร่าชีวิตมนุษย์ไปอย่างมากมายในแต่ละปี และโรคร้ายแรงกับผู้ที่ดื่มสุรา ปัญหาครอบครัวแตกแยก การทะเลาะวิวาทในวงสุราก็ทำลายชีวิตผู้คนไปไม่ใช่น้อย


สิบสอง : ผ้าไหมจะถูกสวมใส่

หมายถึง ผู้ชายมุสลิมจะสวมใส่ผ้าไหม ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ศาสนาห้าม พฤติกรรมนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าจะมีการฝ่าฝืนบทบัญญัติของศาสนากันมาก เพื่อตามแฟชั่นและความนิยม


สิบสาม-สิบสี่ : นักร้องหญิง วงดนตรีจะได้รับความนิยม

นักร้องหญิง วงดนตรีได้รับความนิยม ก็เพราะมีแหล่งบันเทิงมาก เมื่อมีแหล่งบันเทิงมาก การดื่มสุราและเครื่องดองของเมาต่างๆ ตลอดจนซินา (การละเมิดประเวณี) ก็จะเพิ่มมากขึ้น


สิบห้า : กลุ่มคนยุคท้ายจะสาปแช่งกลุ่มคนยุคแรกของประชากร


คนยุคหลังคิดเอาเองว่าตัวเองเก่งกว่าคนในยุคก่อน ในทุกด้านทั้งวิชาการ ด้านเทคโนโลยี จึงมักได้ยินคนในยุคนี้ออกมาตำหนิติเตียนคนในยุคก่อน ที่ถ่ายทอดวิชาความรู้เอาไว้ให้


ท่านนะบี  ได้ตักเตือนพวกเรา ให้ได้รับรู้สาเหตุของความวิบัติ 15 ประการ ซึ่งมีทั้งสาเหตุที่อาจเกกิดขึ้นได้ในครัวเรือน และสังคมโดยรวม จงพยายามหาทางช่วยกันแก้ไขภัยร้ายในครอบครัว และภัยร้ายในสังคมให้มดสิ้น ไปก่อนที่ความวิบัติจะเกิดขึ้นกัประชากรมุสลิม ซึ่งมีทั้งลมแดง ธรณีสูบ และถูกสาป ตามที่ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้แนะนำสั่งสอนไว้.


“พวกท่านจงเผยแพร่สิ่งที่ได้จากฉันแม้เพียงอายะฮ์เดียว”


โดย : อบูมัจดี้

จาก : สารมิฟตาฮ์ ฯ