ชาวสวรรค์กับชาวนรก
  จำนวนคนเข้าชม  48

ชาวสวรรค์กับชาวนรก

 

อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา

 

        ผู้ศรัทธาจะต้องคิดเสมอว่าชีวิตในโลกนี้ คือการสะสมการงาน และหวังให้พระองค์ตอบแทนในโลกหน้า พระองค์อัลลอฮฺคือผู้ทรงเมตตากรุณาปราณีต่อปวงบ่างของพระองค์

 

     รายงานจาก อบูฮุร็อยเราะฮ์ ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

إنَّ لِلَّهِ مِئَةَ رَحْمَةٍ أَنْزَلَ منها رَحْمَةً وَاحِدَةً بيْنَ الجِنِّ وَالإِنْسِ وَالْبَهَائِمِ وَالْهَوَامِّ، فَبِهَا يَتَعَاطَفُونَ، وَبِهَا يَتَرَاحَمُونَ، وَبِهَا تَعْطِفُ الوَحْشُ علَى وَلَدِهَا، وَأَخَّرَ اللَّهُ تِسْعًا وَتِسْعِينَ رَحْمَةً، يَرْحَمُ بِهَا عِبَادَهُ يَومَ القِيَامَةِ.

 

     “แท้จริงแล้ว อัลลอฮ์ทรงมีความเมตตา 100 ความเมตตา พระองค์ทรงประทานความเมตตาลงมายังโลกเพียง 1 ส่วน สำหรับญิน มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน และสิ่งมีชีวิตที่เลื้อยคลานทั้งหลาย

     ด้วยความเมตตานี้ พวกเขาจึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน แสดงความเมตตาต่อกัน และด้วยความเมตตานี้เองที่สัตว์ป่ามีความอ่อนโยนต่อบุตรของมัน

     และพระองค์ทรงเก็บรักษาความเมตตาอีก 99 ส่วนไว้สำหรับแสดงความเมตตาแก่ปวงบ่าวของพระองค์ในวันกิยามะฮ์”

( บันทึกโดยซอฮีฮ์มุสลิม)

 

     หากจะมองดูมันช่างเล็กน้อยเหลือเกินสำหรับโลกนี้เมื่อเทียบกับโลกหน้า! ไม่มีทางที่จะเปรียบเทียบสิ่งที่สูญสลายกับสิ่งที่ยั่งยืนได้ และไม่สามารถเปรียบเทียบความสุขของโลกหน้ากับความทุกข์ทรมานของมันเทียบกับความสุข หรือความยากลำบากของโลกนี้ได้เลย เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะเปรียบเทียบระหว่างโลกของการทำงาน (โลกนี้) กับโลกของการตอบแทน (โลกหน้า) ได้เลย ในฮะดีษนี้ ท่านนบีมูฮัมหมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้...

 

     เรื่องราวของบุคคลเคยมีความสุขที่สุดในโลกนี้กับคนที่เคยมีความทุกข์ที่สุดเช่นกัน รายงานจาก อะนัส อิบนุ มาลิก ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

يُؤْتَى بأَنْعَمِ أهْلِ الدُّنْيا مِن أهْلِ النَّارِ يَومَ القِيامَةِ، فيُصْبَغُ في النَّارِ صَبْغَةً، ثُمَّ يُقالُ: يا ابْنَ آدَمَ، هلْ رَأَيْتَ خَيْرًا قَطُّ؟ هلْ مَرَّ بكَ نَعِيمٌ قَطُّ؟ فيَقولُ: لا واللَّهِ يا رَبِّ، ويُؤْتَى بأَشَدِّ النَّاسِ بُؤْسًا في الدُّنْيا مِن أهْلِ الجَنَّةِ، فيُصْبَغُ صَبْغَةً في الجَنَّةِ، فيُقالُ له: يا ابْنَ آدَمَ، هلْ رَأَيْتَ بُؤْسًا قَطُّ؟ هلْ مَرَّ بكَ شِدَّةٌ قَطُّ؟ فيَقولُ: لا واللَّهِ يا رَبِّ، ما مَرَّ بي بُؤْسٌ قَطُّ، ولا رَأَيْتُ شِدَّةً قَطُّ.

 

     "ในวันกิยามะฮ์ (วันสิ้นโลก) บุคคลหนึ่งจะถูกนำมาซึ่งเขาเป็นผู้มีความสุขที่สุดในโลกนี้แต่เขาเป็นชาวนรก แล้วเขาจะถูกจุ่มลงในนรกเพียงครั้งเดียว 

     จากนั้นจะมีเสียงกล่าวกับเขาว่า: 'โอ้บุตรของอาดัม เจ้าเคยเห็นความดีใด ๆ มาก่อนหน้านี้ไหม? เจ้าเคยประสบกับความสุขใด ๆ มาก่อนไหม?' 

     เขาจะตอบว่า: 'ไม่เลย ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ข้าไม่เคยเห็นความดีใด ๆ เลย และไม่เคยประสบกับความสุขใด ๆ เลย' 

     และจะนำบุคคลที่มีความทุกข์ที่สุดในโลกนี้ แต่เป็นชาวสวรรค์มา แล้วเขาจะถูกจุ่มลงในสวรรค์เพียงครั้งเดียว 

     จากนั้นจะมีเสียงกล่าวกับเขาว่า: 'โอ้บุตรของอาดัม เจ้าเคยเห็นความทุกข์ใด ๆ มาก่อนไหม? เจ้าเคยประสบกับความลำบากใด ๆ มาก่อนไหม?' 

     เขาจะตอบว่า: 'ไม่เลย ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ข้าไม่เคยประสบกับความทุกข์ใด ๆ เลย และไม่เคยเห็นความลำบากใด ๆ เลย'"

(ซอเฮียะฮฺมุสลิม)

 

 

อธิบายตัวบทหะดีษ

 

          ในหะดีษนี้ ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "ในวันกิยามะฮ์ (วันสิ้นโลก) จะนำคนที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้มา คนที่เคยเพลิดเพลินกับความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพดี เครื่องแต่งกายที่หรูหรา ครอบครัวที่สมบูรณ์ บ้านที่สวยงาม หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แต่เขากลับเป็นหนึ่งในชาวนรกในวันอาคิเราะห์ (โลกหน้า)" แล้วเขาจะถูกจุ่มลงในนรกเพียงครั้งเดียวเหมือนการจุ่มผ้าในสี หลังจากนั้นจะมีคำถามถามเขาว่า "เจ้ารู้สึกถึงความสุขใด ๆ หรือผ่านช่วงเวลาแห่งความสุขในโลกนี้บ้างหรือไม่?"

 

          ซึ่งคำถามนี้แสดงถึงการเน้นหนักที่แม้เพียงการเห็นหรือการผ่านไปโดยไม่เกี่ยวกับการสัมผัสหรือเพลิดเพลิน เขาจะตอบว่า "ไม่เลย ข้าแต่พระเจ้าของข้า" พร้อมการยืนยันด้วยคำสาบาน ความทุกข์ทรมานจากการจุ่มลงในนรกเพียงครั้งเดียวทำให้เขาลืมความสุขทั้งหมดในโลกนี้ ไม่ว่าเขาจะมีอายุยืนยาวแค่ไหนหรือได้รับความสุขมากเพียงใด

 

     จากนั้น ท่านนบียังกล่าวว่า "ในวันกิยามะฮ์จะนำคนที่ทุกข์ทรมานที่สุดในโลกนี้มา คนที่เคยประสบกับความทุกข์ยากลำบากทั้งทางร่างกาย ครอบครัว ทรัพย์สิน หรือที่อยู่อาศัย แต่เขาเป็นหนึ่งในชาวสวรรค์ในโลกหน้า" เขาจะถูกจุ่มลงในสวรรค์เพียงครั้งเดียวในความสุขของมัน 

     แล้วจะมีคำถามถามเขาว่า "โอ้ลูกหลานของอาดัม เจ้ารู้สึกถึงความทุกข์หรือเคยผ่านช่วงเวลาแห่งความลำบากในโลกนี้บ้างหรือไม่?" 

     ซึ่งเขาจะยืนยันด้วยคำสาบานว่า "ไม่เลย ข้าไม่เคยรู้สึกถึงความทุกข์หรือความลำบากใด ๆ ในโลกนี้" เพราะความสุขในสวรรค์นั้นยั่งยืน เป็นสุขที่นิรันดร์ และไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เทียบได้

 

 

ข้อคิดจากหะดีษนี้

 

     1. ความต่ำต้อยของโลกนี้ : ความสุขในโลกนี้เล็กน้อยและไม่ถาวรเมื่อเทียบกับความสุขหรือทุกข์ในโลกหน้า

 

     2. มุมมองของผู้ที่มีปัญญา : คนฉลาดคือผู้ที่พิจารณาถึงผลลัพธ์ในอนาคต ไม่ใช่เพียงแค่ความสุขในปัจจุบัน

 

     3. การเตรียมตัวสำหรับโลกหน้า : ความสำคัญของการใช้ชีวิตในโลกนี้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความสุขนิรันดร์ในสวรรค์

 

     4. การมุ่งเน้นเป้าหมายระยะยาว : ไม่ว่าความสุขหรือความทุกข์ในโลกนี้จะยิ่งใหญ่เพียงใด มันเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว แต่ผลตอบแทนในโลกหน้าคือสิ่งถาวร

 

     ดังนั้น มุสลิมควรให้ความสำคัญกับความสุขในโลกหน้ามากกว่าความสุขชั่วคราวในโลกนี้

     อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า

وَإِنَّ ٱلدَّارَ ٱلۡأٓخِرَةَ لَهِيَ ٱلۡحَيَوَانُۚ

“แท้จริง ที่อยู่ ที่พำนักในโลกอาคิเราะฮฺนั้น แน่นอนมันคือชีวิตที่แท้จริง (มันคือ ชีวิตที่คงอยู่อย่างถาวร ตลอดกาล)”

(ซูเราะฮฺอัลอันกะบูต 64)

     ท่านอัชชัดดาด บิน เอาส์ ได้รายงานว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

الْكَيِّسُ مَنْ دَانَ نَفْسَهُ وَعَمِلَ لِمَا بَعْدَ الْمَوْتِ وَالْعَاجِزُ مَنْ أَتْبَعَ نَفْسَهُ هَوَاهَا وَتَمَنَّى عَلَى اللَّهِ

 

     "ผู้ที่มีสติปัญญาและชาญฉลาดนั้น คือ ผู้ที่คิดใคร่ครวญตัวเขาเองและปฏิบัติสิ่งที่มี(คุณประโยชน์)หลังความตาย

     และผู้ที่บกพร่องนั้น คือ ผู้ที่ตามอารมณ์ของตนเอง และเพ้อฝันต่ออัลเลาะฮ์" 

(บันทึกโดยอัตติรมีซีย์)

 

     ท่านอิม่ามอะห์หมัด บิน ฮันบัล กล่าวว่า:

 

“โลกนี้คือดินแดนแห่งการทำงาน (การปฏิบัติหน้าที่และความพยายาม) 

และโลกหน้า (อาคิเราะฮ์) คือดินแดนแห่งการตอบแทน (การให้รางวัลหรือการลงโทษ) 

ดังนั้นผู้ที่ไม่ทำงานในโลกนี้ จะถูกตำหนิในโลกหน้า”