จุดยืนของบรรดาผู้ศรัทธา
  จำนวนคนเข้าชม  375

เรื่องราวของซูเราะฮฺอัลกาฟิรูน “จุดยืนของบรรดาผู้ศรัทธา”

 

ค่อเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น.. ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความยำเกรงต่อพระองค์ให้เกิดขึ้นในหัวใจของเราให้ได้ โดยการศึกษา แสวงหาความรู้ในเรื่องราวของบทบัญญัติศาสนา พยายามทำความเข้าใจ และนำมาสู่การปฏิบัติ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยพยายามทำให้สุดความสามารถของเรา .. 

 

          ในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์โดยสิ้นเชิง ..พร้อมกันนั้นก็ต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺทุกอย่างให้อยู่ในแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย นั่นก็คือ ต้องไม่ทำบิดอะฮฺนั่นเอง

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในช่วงเวลาที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กำลังทำหน้าที่เราะซูลของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตาลา ทำหน้าที่เผยแผ่อัลอิสลามอยู่นั้นได้รับการต่อต้านจากบรรดามุชริกีนมักกะฮฺ โดยเฉพาะระดับบิ๊ก ๆ ระดับหัวหน้าที่พวกเขาสูญเสียอำนาจ สูญเสียผลประโยชน์จากการค้าขายรูปปั้นรูปเจว็ด .. 

 

          พวกเขามีความคิดว่า อัลอิสลามกำลังจะมาลดทอนความยิ่งใหญ่ของพวกเขา กำลังจะมาทำให้พวกเขาสูญเสียผลประโยชน์มากมายที่พวกเขาเคยได้รับ พวกเขาจึงหาวิธีการต่อต้าน เพื่อหยุดท่านนบีไม่ให้ทำการเผยแผ่อัลอิสลาม ซึ่งขณะนั้น อัลอิสลามกำลังแผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง 

 

          โดยวิธีการหนึ่งที่พวกเขาคิดได้ก็คือ พวกเขาอันได้แก่ อัลวะลี๊ด อิบนุล มุฆีเราะฮฺ .. อัลอ๊าศ อิบนุ วาอิ๊ล .. อัลอัสวั๊ด อิบนุล มุฏเฏาะลิบ.. อุมัยยะฮฺ อิบนุ เคาะลัฟ พวกเขาเป็นระดับหัวหน้า พวกเขาได้มาขอพบท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วได้กล่าวกับท่านนบีว่า

 

     “โอ้ มุฮัมมัด ท่านจงมาปฏิบัติตามศาสนาของเรา แล้วเราก็จะปฏิบัติตามศาสนาของท่านบ้าง โดยให้ท่านเคารพสักการะบรรดาสิ่งที่เราเคารพสักการะเป็นเวลาหนึ่งปี ..

     แล้วหลังจากนั้นเราก็จะเคารพสักการะสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะเป็นเวลาหนึ่งปี 

     ถ้าหากว่าสิ่งที่ท่านนำมานั้นดี เราก็จะได้มีส่วนร่วมในความดีนั้นด้วย แต่ถ้าหากสิ่งที่เรานำมานั้นดี ท่านก็จะได้มีส่วนร่วมและได้รับส่วนของท่านไปด้วย”..

 

          นี่คือคำเชิญชวนของพวกเขา ซึ่งพวกเขาบอกว่า ทำอย่างนี้เพื่อที่บรรดามุชริกีนกับบรรดามุสลิมจะได้รวมตัวกัน จะได้ปรองดองกัน ไม่มีการขัดแย้ง ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน...ซึ่งท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ตอบรับคำเชิญชวนนั้น ...

 

           หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงได้ประทานซูเราะฮฺอัลกาฟิรูนลงมาแก่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ..ท่านนบีจึงได้เดินไปยังมัสญิดอัลหะรอม ไปยืนท่ามกลางบรรดามุชริกีนมักกะฮฺ แล้วประกาศซูเราะฮฺนี้ .. จึงขอให้เราได้ฟังอย่างตั้งใจ และพิจารณาอย่างถ้วนถี่ในเรื่องราวของซูเราะฮฺอัลกาฟิรูนนี้ 

بِسۡمِ ٱللَّهِ ٱلرَّحۡمَٰنِ ٱلرَّحِيمِ أَعُوْذُ بِاللهِ مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيْمِ 

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

( قُلْ يَا أَيُّهَا الْكَافِرُونَ ) 1

“(มุฮัมมัด) จงประกาศออกไปเถิดว่า โอ้ ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย”

 

     คำว่า กาฟิรูน كَافِرُون ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย เป็นพหูพจน์ของคำว่า กาฟิร كَافِر หมายถึงผู้ปฏิเสธศรัทธา ..

     ซึ่งผู้ปฏิเสธศรัทธานี้ ไม่ได้หมายถึงเฉพาะมุชริกีนหรือผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเท่านั้น แต่หมายรวมถึง

     ผู้ที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไม่เชื่อในการมีอยู่จริงของพระองค์ .. 

     ไม่ยอมรับในการเป็นนบีและเราะซูลของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา.. 

     ไม่เชื่อในบทบัญญัติของอัลอิสลาม รวมไปถึงบรรดามุนาฟิก บรรดายิว บรรดาคริสต์ บรรดามะยูซีย์หรือผู้ที่บูชาไฟ

     กล่าวโดยรวมก็คือ ผู้ที่ไม่ได้ยอมรับนับถือบทบัญญัติของอัลอิสลาม นั่นก็คือไม่ใช่มุสลิม ไม่ใช่ผู้ศรัทธานั่นเอง

 

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมประกาศต่อไปว่า

 

لَا أَعْبُدُ مَا تَعْبُدُونَ (2) 

“ฉันไม่เคารพอิบาดะฮฺสิ่งที่พวกท่านเคารพอิบาดะฮฺ”

 

     นั่นก็คือ ท่านนบีประกาศว่า مَا تَعْبُدُونَ สิ่งที่บรรดามุชริกีนเคารพอิบาดะฮฺ อันได้แก่รูปปั้นรูปเจว็ด เทวรูปต่าง ๆ กุบูร ต้นไม้ รวมไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขานำมาเคารพอิบาดะฮฺ นำมาเป็นภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้น มันเป็นพระเจ้าจอมปลอมที่พวกเขากำหนดขึ้นมาเอง มันไม่ใช่พระเจ้าที่แท้จริงแต่อย่างใด.. 

     ดังนั้น ท่านนบีจึง لَا أَعْبُدُ ไม่เคารพอิบาดะฮฺพระเจ้าจอมปลอมของพวกเขา เพราะท่านนบีเคารพอิบาดะฮฺอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นเท่ากับว่า ท่านนบีนั้นได้บะรออะฮฺ براءة คือได้ประกาศตัดขาดจากการทำชิริกทุกรูปแบบ ตัดขาดจากความเชื่ออื่น ๆ จนหมดสิ้น ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่เข้าร่วมใด ๆทั้งสิ้นกับข้อเชิญชวนของบรรดามุชริกีนมักกะฮฺ

 

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมประกาศต่อไปอีกว่า

 

( وَلَا أَنتُمْ عَابِدُونَ مَا أَعْبُدُ ( 3

“และพวกท่านไม่ใช่ผู้ที่เคารพอิบาดะฮฺสิ่งที่ฉันเคารพอิบาดะฮฺ”

 

     คำว่า مَا أَعْبُدُ สิ่งที่ฉันเคารพอิบาดะฮฺ นั่นหมายถึงสิ่งที่ท่านนบีเคารพอิบาดะฮฺ ซึ่งก็คืออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียว ..

     ดังนั้น บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจึงไม่ใช่ผู้ที่เคารพอิบาดะฮฺเช่นเดียวกับท่านนบี และถึงแม้ว่า บางส่วนของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะเคารพอิบาดะฮฺอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่พวกเขาก็นำสิ่งอื่น ๆมาเคารพอิบาดะฮฺร่วมกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั่นคือพวกเขาทำชิริกต่อพระองค์ 

     ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจึงไม่ใช่ผู้ที่เคารพอิบาดะฮฺเหมือนดังเช่นที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเคารพอิบาดะฮฺ

 

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมประกาศต่อไปอีกว่า

 

وَلَا أَنَا عَابِدٌ مَّا عَبَدتُّمْ (4)

“และฉันก็ไม่ใช่ผู้ที่เคารพอิบาดะฮฺสิ่งที่พวกท่านเคารพอิบาดะฮฺ”

 

      อายะฮฺนี้ นักตัฟซีรบางท่านกล่าวว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวเน้นย้ำเช่นเดียวกับอายะฮฺที่ 2 ว่า ท่านนบีไม่ได้เป็นผู้ที่เคารพอิบาดะฮฺพระเจ้าจอมปลอมของพวกเขา ท่านนบีตัดขาดและออกห่างจากพระเจ้าจอมปลอมและแนวทางความเชื่อต่าง ๆของพวกเขา ...

     ในขณะที่นักตัฟซีรบางท่านให้ทัศนะที่ไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่มีรายละเอียดว่า อายะฮฺนี้ไม่ใช่การเน้นย้ำ..แต่คำว่า  أَعْبُدُ  อะอ์บุด ในอายะฮฺที่ 2 เป็นคำกริยาในรูปปัจจุบัน ณ เวลาที่ท่านนบีกำลังประกาศอยู่นั้น ท่านนบียืนยันว่าท่านนบีไม่เคารพอิบาดะฮฺพระเจ้าจอมปลอมของพวกเขา 

     ในขณะที่ คำว่า عَابِدٌ อาบิดุน ในอายะฮฺที่ 4 นี้ เป็นคำนาม ที่มีนัยยะที่มีความหมายว่า ..และในอนาคต ท่านนบีก็จะไม่เป็นผู้ที่เคารพอิบาดะฮฺบรรดาสิ่งที่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเคารพอิบาดะฮฺกัน ..

     ดังนั้น ไม่ว่าจะในปัจจุบัน หรือในอนาคต ท่านนบีตลอดจนบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมดจะไม่เคารพอิบาดะฮฺพระเจ้าจอมปลอมของพวกเขาอย่างเด็ดขาดและตลอดกาล ..นี่คือจุดยืนของบรรดาผู้ศรัทธา

 

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมประกาศต่อไปอีกว่า

 

وَلَا أَنتُمْ عَابِدُونَ مَا أَعْبُدُ (5)

“และพวกท่านไม่ใช่ผู้ที่เคารพอิบาดะฮฺสิ่งที่ฉันเคารพอิบาดะฮฺ”

 

     อายะฮฺนี้มีสำนวนเดียวกับอายะฮฺที่ 3 เป็นการเน้นย้ำว่า บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นไม่มีวันที่จะเคารพอิบาดะฮฺได้เหมือนกับที่ท่านนบีและบรรดาผู้ศรัทธาเคารพอิบาดะฮฺ เพราะการเคารพอิบาดะฮฺนี้ต้องใช้ความอิคลาศ ความบริสุทธิ์ใจที่จะให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียว ซึ่งบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไม่มีในเรื่องนี้แต่อย่างใด ..

     ดังนั้น ท่านนบีและบรรดาผู้ศรัทธาจึงไม่สามารถที่จะทำตามคำเชิญชวนของพวกเขาที่จะให้ไปเคารพอิบาดะฮฺพระเจ้าจอมปลอมของพวกเขาอย่างเด็ดขาด และพวกเขาเองก็ไม่ต้องมาเคารพอิบาดะฮฺพระเจ้าของบรรดาผู้ศรัทธา เพราะพวกเขาจะไม่ได้รับรางวัลความดีใด ๆ อันเนื่องมาจากพวกเขาไม่ได้มีอิคลาศในการเคารพอิบาดะฮฺ เว้นแต่ว่า พวกเขาจะมีความศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ใจ หันกลับมายอมรับอัลอิสลามเป็นศาสนาของพวกเขา

     ซึ่งตรงนี้ เป็นเรื่องที่มุสลิมเราต้องมีความระมัดระวังตัวเราว่า เมื่อเราประกาศตัวว่าเป็นมุสลิม เราก็จำเป็นต้องระวังไม่ทำเรื่องที่มันเข้าข่ายเรื่องของการทำชิริก หรือเรื่องของกุฟุร เรื่องของการปฏิเสธต่าง ๆ เพราะถ้าเราหลงไปทำเข้า มันก็เป็นผลให้มีสภาพตกมุรตัด คือหลุดออกจากการเป็นมุสลิมได้ ..ดังนั้น ระมัดระวังตัวเราในเรื่องนี้ให้ดี ..นะอูซุบิลลาฮฺ มิน ซาลิก

 

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจบซูเราะฮฺนี้ด้วยการประกาศว่า

 

لَكُمْ دِينُكُمْ وَلِيَ دِينِ (6)

“สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน”

 

     นั่นก็คือ ศาสนาของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ก็คือ ศาสนาของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา อันเป็นศาสนาที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมตัดขาด ไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย และแน่นอน เป็นแนวทางที่หลงผิดที่นำไปสู่การถูกลงโทษในนรก ..

     ในขณะที่ศาสนาของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็คืออัลอิสลาม เป็นศาสนาที่มอบเตาฮีด มอบการเป็นพระเจ้าองค์เดียวแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อันเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เที่ยงตรง เป็นแนวทางที่นำไปสู่สวรรค์ของพระองค์

 

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ดังกล่าวข้างต้นนั่นก็คือ เรื่องราวของซูเราะฮฺอัลกาฟิรูน ซึ่งเป็นซูเราะฮฺลำดับที่ 109 ของอัลกุรอาน เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ คือเป็นซูเราะฮฺที่ถูกประทานลงมาก่อนที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจะอพยพไปยังมหานครมะดีนะฮฺ ถูกประทานหลังจากซูเราะฮฺอัลมาอูน มีทั้งหมด 6 อายะฮฺ ..เป็นซูเราะฮฺที่บะรออะฮฺ براءة คือประกาศตัดขาดจากการการทำชิริกหรือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทุกรูปแบบ ตัดขาดจากความเชื่ออื่น ๆ ตลอดจนพิธีกรรมของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจนหมดสิ้น ..

 

          เป็นซูเราะฮฺที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมอ่านในละหมาดซุนนะฮฺต่าง ๆควบคู่กับซูเราะฮฺกุลฮุวัลลอฮุอะฮัด หรือที่เราเรียกว่าซูเราะฮฺอัลอิคลาศ ซึ่งฮิกมะฮฺในเรื่องนี้ก็คือ ซูเราะฮฺอัลกาฟิรูนนั้น ประกาศตัดขาดจากการการทำชิริกตลอดจนความเชื่ออื่น ๆทุกรูปแบบ แล้วอ่านซูเราะฮฺอัลอิคลาศในเราะกะอะฮฺต่อมาเพื่อประกาศยืนยันการเป็นพระเจ้าองค์เดียวของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา...อีกทั้งยังเป็นอีกซูเราะฮฺหนึ่งที่ท่านนบีส่งเสริมให้อ่านในเวลาก่อนนอนอีกด้วย

 

 

     อัลหะดีษ (เศาะหิหฺ)ในบันทึกของอิมามอัตติรฺมีซีย์ รายงานจากท่านเนาฟัล บิน มุอาวิยะฮฺ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

 مِنَ بَرَاءَةٌ فَإِنَّهَا خَاتِمَتِهَا عَلَى نَمْ ثُمَّ ﴾ الكَافِرُوْن أيُّهَا يَا قُلْ ﴿ فَاقْرَأْ اللَّيْلِ مِنَ مَضْجَعَكَ أَخَذْتَ إِذَاالشِّرْكِ

 

     “เมื่อท่านได้เข้านอนในยามค่ำคืน ก็จงอ่าน “กุ้ลยาอัยยุฮัลกาฟิรูน” (ก็คืออ่านซูเราะฮฺอัลกาฟิรูน) แล้วจึงนอน เพราะมันเป็นการประกาศตัดขาดจากการทำชิริก”

 

          ด้วยเหตุนี้ ถ้าเราเข้าใจความหมายของซูเราะฮฺนี้ นี่ก็คือ คำประกาศที่ให้เราไม่ไปยุ่งเกี่ยว ไม่ไปเข้าร่วมกับความเชื่อและพิธีกรรมของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา เป็นคำประกาศที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ให้เรามีจุดยืนในเรื่องนี้อย่างชัดเจน 

 

          เป็นแนวทางของบรรดามุสลิมต่อแนวทางของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ที่จะไม่มีการสมานฉันท์ในเรื่องหลักความเชื่อและพิธีกรรมต่าง ๆ ไม่มีการประนีประนอม ไม่มีการโอนอ่อนผ่อนตามในเรื่องของบทบัญญัติศาสนาอย่างเด็ดขาด 

 

          มุสลิมต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน ต้องไม่ยอมถูกกลืน ต้องไม่เห็นดีเห็นงาม ต้องไม่ละทิ้งบทบัญญัติศาสนาเพียงเพื่อทำให้ผู้อื่นพอใจ หรือเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น หรือคิดว่าจะเป็นการสร้างความปรองดอง แต่เรากลับต้องระมัดระวั ตัวเราไม่ไปเข้าร่วมกับพิธีกรรมหรือความเชื่อของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา เช่น ไม่ไปเข้าร่วมในพิธีการต่าง ๆ เช่น การสวดอภิธรรมในพิธีต่าง ๆของคนต่างศาสนิก หรือการเข้าร่วมในวันต่าง ๆ เช่น วันลอยกระทง วันคริสต์มาส วันขึ้นปีใหม่ วันวาเลนไทน์ วันสงกรานต์ วันเฉลิมฉลองต่าง ๆ แล้วก็วันอื่น ๆอีก ซึ่งวันต่าง ๆ เหล่านี้มีเรื่องของความเชื่อในเรื่องศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น

 

 

          ดังนั้น ในเรื่องของอะกีดะฮฺหรือหลักความเชื่อ กับเรื่องของอิบาดะฮฺ เรื่องของพิธีกรรมต่าง ๆ นั้น ศาสนาใครศาสนามัน ..แต่ในเรื่องของมุอามะลาต เรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน เรื่องของการอยู่ร่วมกันในสังคมกับคนต่างศาสนิกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราสามารถอยู่ร่วมกับคนต่างศาสนิกได้อย่างสงบสุข มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ทางสังคมที่ไม่มีเรื่องที่ขัดกับบทบัญญัติศาสนา เราก็สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ 

 

          เช่น เมื่อเวลาที่บ้านของคนต่างศาสนิกโดนน้ำท่วม โดนไฟไหม้ กรณีอย่างนี้เราสามารถให้การช่วยเหลือในด้านปัจจัยยังชีพได้ สามารถติดต่อทำการค้าได้ สามารถคบค้าสมาคมกับคนต่างศาสนิกในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเชื่อหรือพิธีกรรมต่าง ๆ จึงขอให้เราได้มีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ดังเช่นที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้วางแนวทางไว้

 

 

           สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดให้เราได้ยึดมั่นต่อบทบัญญัติศาสนาและปฏิบัติมันอย่างจริงจังด้วยเถิด

 

( คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )