บันทึกแห่ง ’สัจธรรม’ 16
  จำนวนคนเข้าชม  70

บันทึกแห่ง ’สัจธรรม’ 16

 

แปลเรียบเรียง...เพจบันทึกฮัก

 

          ไม่มีปีใดเลยที่ผ่านไปแล้วปีถัดไปจะไม่เลวร้ายกว่า เพราะการสูญเสียของบรรดาอุละมาอฺและบรรดาคนดีๆทั้งหลาย การแพร่กระจายของความไม่รู้ และการปรากฏของบิดอะฮฺ (อุตริกรรมทางศาสนา)

     ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า:

"ไม่มีปีใดเลยที่ปีถัดไปจะไม่เลวร้ายกว่าปีที่แล้ว  จนกว่าพวกท่านจะได้พบพระเจ้าของพวกท่าน"

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์)

صحيح البخاري

 

ท่าน อับดุลลอฮฺ  อิบนิ มัสอูด -ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ- กล่าวว่า:

 

     "ไม่มีปีใดเลยที่ปีถัดไปจะไม่เลวร้ายกว่าปีก่อนหน้า ฉันไม่ได้หมายถึงปีที่ฝนตกมากกว่าหรือปีที่อุดมสมบูรณ์กว่าปีอื่น หรือผู้นำที่ดีกว่า 

     แต่หมายถึงการสูญเสียบรรดาอุละมาอฺและคนดีๆในหมู่พวกท่าน แล้วจะเกิดคนรุ่นใหม่ที่ตัดสินเรื่องราวต่างๆด้วยความคิดของตนเอง  ทำให้อิสลามถูกทำลายและถูกทำให้เสื่อมลง"

البدَع لابن وضاح

 

 

 

อิบนิ อุษัยมีน -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-

 

"ยิ่งสถานการณ์ยากลำบากและดูอับจนหนทางมากยิ่งเท่าใด ทางออกก็ใกล้เข้ามามากขึ้นเท่านั้น"

شرح رياض الصالحين ٤٩٣/١

 

 

 

อิบนิ อุษัยมีน -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-

 

     “ทุกคนที่ทำดีต่อท่าน โดยเฉพาะในเรื่องศาสนา ไม่ว่าจะเป็นการตักเตือน การแนะนำให้ทำความดี และการห้ามปรามความชั่ว สิ่งนี้สมควรทำให้ท่านรักและเอ็นดูเขา

     ตรงกันข้ามกับที่บางคนกระทำในยุคปัจจุบัน  เมื่อคุณแนะนำให้เขาทำความดี ห้ามปรามเขาจากความชั่ว เชิญชวนเขาไปสู่ความดี หรือชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่เขา

     บางครั้งเขาอาจจะเกิดความเกลียดชังต่อคุณในใจ สิ่งนี้ขัดแย้งกับสติปัญญาและขัดแย้งกับหลักการศาสนา”

التعليق على اقتضاء الصراط المستقيم(٢٧٩/١)

 

 

 

อิบนุล เญาซีย์ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-

 

     การแสวงหาความรู้สำหรับมุสลิมะฮฺ

     “จำเป็นอย่างยิ่งที่สตรีจะต้องมีความตั้งใจและความพากเพียรมากกว่าบุรุษในการแสวงหาความรู้  โดยไม่ใช่สิ่งที่น่าตำหนิใดๆที่มุสลิมะฮฺจะทำงานในบ้าน พร้อมกับท่องจำอัลกุรอานและตำราต่าง ๆ รวมถึงเข้าร่วมการเรียนรู้บทเรียนต่าง ๆ

จงรู้เถิดว่าในเรื่องของความรู้นั้น ไม่มีความแตกต่างระหว่างชายหญิง 

และจงรู้เถิดว่าอัลลอฮฺทรงประทานประโยชน์จากผู้หญิงเช่นเดียวกับผู้ชาย 

แม้ผู้หญิงจะไม่สามารถถ่ายทอดความรู้แก่ผู้อื่นได้นอกจากในหมู่สตรีด้วยกัน และไม่สามารถสอนผู้ชายได้

แต่เธอสามารถสอนลูก ๆ ของเธอในบ้าน และบางทีในบรรดาลูก ๆ ของเธออาจมีคนหนึ่งที่พระองค์ทรงใช้เขาในการนำประโยชน์มาสู่ประชาชาติ

     ดังนั้น การที่มุสลิมะฮฺจะเป็นภรรยา เป็นแม่ เป็นผู้ดูแลบ้าน และเป็นผู้แสวงหาความรู้ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันขึ้นอยู่กับเจตจำนง ความมุ่งมั่น และการขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ -ตะอาลา-”

[ڪَلاَمْ_إِبْنْ_الجُوزِي_فِـي_أَحڪَامْ_النِسَاءْ]

 

 

 

อิบนุ อุษัยมีน -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-

 

     บุรุษจงเป็นผู้นำในครอบครัว

     "สิ่งจำเป็นคือท่านต้องเป็นผู้นำในบ้านของท่าน เป็นผู้นำในความหมายที่แท้จริงของคำ ไม่ใช่เหมือนท่อนไม้ที่ไม่มีบทบาทใด ๆ เมื่ออยู่กับครอบครัว

     ← หากท่านเห็นว่าครอบครัวของท่านบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ๆพึงมีต่ออัลลอฮฺ -ตะอาลา- ก็จงใช้ให้เขาปฏิบัติหน้าที่นั้น

     ← และหากบทบัญญัติอนุญาตให้ท่านลงโทษ (ด้วยการเฆี่ยนตี) ก็จงลงโทษ

      ← หากท่านเห็นว่าพวกเขาละเมิดบทบัญญัติในเรื่องอื่น ๆ ท่านต้องบังคับให้พวกเขายึดมั่นในบทบัญญัตินั้นๆ เพราะท่านมีหน้าที่รับผิดชอบ 

      ท่านนบี ﷺ ได้แต่งตั้งท่านให้เป็นผู้นำในครอบครัวโดยกล่าวว่า:

“บุรุษคือผู้ปกครองในครอบครัวของเขา และเขาจะถูกถามถึงการปกครองของเขา”

      อิสลามไม่ได้แต่งตั้งท่านให้เป็นผู้นำเมือง รัฐมนตรี หรือกษัตริย์ แต่ท่านนบี ﷺ ได้แต่งตั้งท่าน ท่านคือผู้นำในบ้านของท่าน:

“บุรุษคือผู้ปกครองในครอบครัวของเขา และเขาจะถูกถามถึงการปกครองของเขา”

     และคำกล่าวนี้ไม่ได้จบเพียงแค่ 'ปกครอง' แต่ได้ระบุเพิ่มเติมว่า : “และเขาจะถูกถามถึงการปกครองของเขา”

     ดังนั้น ท่านต้องพิจารณาให้ดีว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรเมื่อได้ยืนอยู่ต่อหน้าอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ?!!

     เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ก่อนที่กระแสอันรุนแรงจะพัดพาเราไป ซึ่งจะทำลายทุกสิ่งและไม่เหลืออะไรไว้เลย -ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองเราด้วยเถิด-

     ก่อนที่สุดท้ายพฤติกรรมและวิถีชีวิตของเราจะพลิกผันเหมือนพฤติกรรมของชาวคริสต์ (ที่หลงทางจากศาสนา)"

[ڪَلاَمْ_إِبْنْ_الجُوزِي_فِـي_أَحڪَامْ_النِسَاءْ]

 

 

 

 อิบนุล ก็อยยิม -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-

 

"อัซการเช้าเย็น (บทรำลึกในเวลาเช้าและเวลาเย็น) เปรียบเสมือนเกราะป้องกัน 

ยิ่งเกราะนี้หนาแน่นมากเท่าใด ผู้ที่มีเกราะก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น 

และเกราะนั้นอาจแข็งแกร่งถึงขั้นที่ลูกศรจะสะท้อนกลับไปยังผู้ที่ยิงมันมาได้"

 

 

 

ชัยคฺ มุฮัมมัด อิบนิ อับดิลวะฮฺฮาบ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ- 

 

     จงเรียนรู้เรื่องการรักกันและการไม่สนับสนุนกันเพื่ออัลลอฮฺก่อนการอาบน้ำละหมาดและการละหมาด

     "จำเป็นที่ชายคนหนึ่งจะต้องสอนลูกๆ และสมาชิกในครอบครัวของเขาเกี่ยวกับ อัลวะลาอฺ (รักกันเพื่ออัลลอฮฺ)

     และ อัลบะรออฺ (การปฏิเสธ การไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่สนับสนุนและไม่เห็นด้วย ต่อสิ่งที่ขัดต่อหลักการศาสนา)

     ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าการสอนพวกเขาเรื่องการอาบน้ำละหมาดและการละหมาดเสียอีก"

 

مجموعة مؤلَّفات الشَّيخ: ٣٢٢ / ٣٢٣

 

 

๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖