ผู้ศรัทธากับชีวิตในดุนยา
  จำนวนคนเข้าชม  87

ผู้ศรัทธากับชีวิตในดุนยา

 

อ.อับดุลวาเฮด สุคนธา

 

          โอ้ บรรดาบ่าวของอัลลอฮ์ทั้งหลาย จงยำเกรงต่ออัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่ง และอย่าได้ยึดติดอยู่กับโลกดุนยา เพราะแท้จริงแล้วมันคือความสุขเพียงชั่วคราวที่หลอกลวง จงระลึกถึงความตายและสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น และจงรู้ไว้เถิดว่า สวรรค์นั้นถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่ลำบากยากเย็น ส่วนไฟนรกนั้นถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา

 

     อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า

لا يغُرَّنَّكَ تَقَلُّبُ الَّذِينَ كَفَرُوْا فِي الْبِلِادِ مَتَاعٌ قَلِيلٌ ثُمَّ مَأْوَاهُمْ جَهَنَّمُ وَبِئْسَ الْمِهَادِ

 

“อย่าให้การเคลื่อนไหวของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในเมืองหลวง เจ้าได้เป็นเอันขาด"

"มันเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์เล็กน้อยเท่านั้น แล้วที่อยู่ของพวกเขานั้น คือ ญะฮันนัม และช่างเป็นที่พักนอนที่เลวร้ายจริง ๆ”

(ซูเราะห์อาลิอิมรอน 196-197)

 

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

اعْلَمُوا أَنَّمَا الْحَيَاةُ الدُّنْيَا لَعِبٌ وَلَهْوٌ وَزِينَةٌ وَتَفَاخُرٌ بَيْنَكُمْ وَتَكَاثُرٌ فِي الْأَمْوَالِ وَالْأَوْلَادِ ۖ كَمَثَلِ غَيْثٍ أَعْجَبَ الْكُفَّارَ نَبَاتُهُ ثُمَّ يَهِيجُ فَتَرَاهُ مُصْفَرًّا ثُمَّ يَكُونُ حُطَامًا ۖ وَفِي الْآخِرَةِ عَذَابٌ شَدِيدٌ وَمَغْفِرَةٌ مِّنَ اللَّهِ وَرِضْوَانٌ ۚ وَمَا الْحَيَاةُ الدُّنْيَا إِلَّا مَتَاعُ الْغُرُورِ

 

     “พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการมีชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้ไม่ใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริง และเครื่องประดับ และความโอ้อวดระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันสะสมในทรัพย์สินและลูกหลาน ...

     เสมือนดั่งเช่น น้ำฝนที่ทำให้พีชงอกงาม (ออกดอกออกผล) ซึ่งทำให้ชาวสวนชาวนาชาวไร่ต่างพึงพอใจ ...แต่และแล้ว (พืชพันธุ์เหล่านั้น)มันก็เหี่ยวแห้ง เจ้าจะเห็นมันเป็นสีเหลือง แล้วมันก็กลายเป็นเศษเป็นชิ้นแห้ง ( กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยที่ปลิวว่อน นี่ก็เป็นการเปรียบสภาพของโลกดุนยา)..

     (แต่)ในโลกอาคิเราะฮฺนั้น  มีการลงโทษอย่างแสนสาหัส และมีการอภัยโทษและมีความโปรดปรานจากอัลลอฮ

     แท้จริง การมีชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้ จึงไม่ใช่อื่นใดนอกจากเป็นการแสวงหาผลประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น

( อัลหะดีด อายะฮฺที่ 20)

 

          เพราะผู้ศรัทธานั้นถูกผูกมัดอยู่กับบทบัญญัติและขอบเขตของอัลลอฮ์ ดังนั้นเมื่อจิตใจของเขาปรารถนาสิ่งใดที่เป็นความใคร่ต้องห้าม เขาจะหยุดยั้งและควบคุมตนเองไม่ให้ทำสิ่งนั้น หากลิ้นของเขาปรารถนาจะพูดคำที่อัลลอฮ์ไม่ทรงพอพระทัย เขาจะหลีกเลี่ยง และหากดวงตาของเขาปรารถนาจะมองไปยังสิ่งที่ต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นภาพลามก สื่อที่ผิดศีลธรรม หรือสิ่งต้องห้ามในในโลกออนไลน์ เขาจะระงับตัวเอง ต่อสู้กับความปรารถนา อดทน และปฏิเสธความสุขจากสิ่งต้องห้าม รวมถึงละเว้นจากการกระทำที่น่าอับอาย ซึ่งไม่เหมาะสมกับผู้เป็นบ่าวผู้ศรัทธา

 

     อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า

 

وَالَّذِينَ جَاهَدُوا فِينَا لَنَهْدِيَنَّهُمْ سُبُلَنَا وَإِنَّ الله لَمـَعَ المـُحْسِنِين

 

“และบรรดาผู้ที่ต่อสู้ (ด้วยความพยายาม) ในหนทางของเรา แน่นอนว่าเราจะชี้นำพวกเขาสู่หนทางของเรา

และแท้จริง อัลลอฮ์ทรงอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ทำความดี"

(ซูเราะห์ อัลอันกะบูต 29:69)

 

     โองการนี้เป็นการให้กำลังใจแก่ผู้ศรัทธาให้มุ่งมั่นพยายามในหนทางของอัลลอฮ์ โดยการทำดี อดทนต่ออุปสรรค และแสวงหาความใกล้ชิดต่อพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาว่าจะชี้นำพวกเขาสู่ทางนำที่ถูกต้องและมอบการช่วยเหลือแก่พวกเขาเสมอ

 

    รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:

 

الدُّنْيَا سِجْنُ الْمُؤْمِنِ، وَجَنَّةُ الْكَافِرِ

"โลกดุนยานี้คือคุกของผู้ศรัทธา และเป็นสวรรค์ของผู้ปฏิเสธศรัทธา"

(ซอเฮียะฮ์มุสลิม)

 

          ความหมาย: สำหรับผู้ศรัทธา โลกนี้เปรียบเสมือนคุก เพราะพวกเขาต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของอัลลอฮ์ อดทนต่อความยากลำบาก และละเว้นจากสิ่งที่ต้องห้าม เพื่อเตรียมตัวสำหรับความสุขอันนิรันดร์ในโลกหน้า

          สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธา โลกนี้เป็นเหมือนสวรรค์ เพราะพวกเขาแสวงหาและเพลิดเพลินกับความสุขทางวัตถุและกิเลสตัณหาโดยไม่สนใจถึงผลกระทบในโลกหน้า

 

     หะดีษนี้เตือนใจให้ผู้ศรัทธามีความอดทนและตระหนักถึงผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่ในโลกหน้า เมื่อเปรียบเทียบกับความยากลำบากชั่วคราวในโลกนี้ 

     ♠ มีอีกกี่คนที่กินดอกเบี้ยเพราะความโลภในโลกนี้? 

     ♠ และมีอีกกี่คนที่ทรยศต่อหน้าที่การงาน กินสินบนใต้โต๊ะ “ค่าน้ำชา” ด้วยความโลภในโลกนี้ ? 

     ♠ มีอีกกี่คนที่ละเมิดทรัพย์สินของพี่น้องหรือญาติของเขาโดยไม่ชอบธรรม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องมรดกหรือการทำธุรกิจร่วมกัน ? 

     ♠ อีกกี่คนที่ขายศักดิ์ศรีและความบริสุทธิ์ของตัวเอง หรือให้การเท็จเพราะความโลภในโลกนี้ ? 

     ♠ มีอีกกี่คนที่ปล่อยให้โลกนี้ทำให้เขาห่างไกลจากการละหมาด การจ่ายซะกาต การกตัญญูต่อพ่อแม่ การเชื่อมสัมพันธ์ และการปฏิบัติหน้าที่ ? 

     ♠ อีกกี่คนที่ละทิ้งความบริสุทธิ์ใจในการแสวงหาความรู้ การเผยแผ่ศาสนา หรือการจดจำอัลกุรอาน เพราะความโลภในความสุขชั่วคราวของโลกนี้หรือเพราะความต้องการชื่อเสียงและยศศักดิ์ ? 

     ♠ และมีกี่คนที่ละทิ้งเพื่อนพี่น้อง ญาติ หรือมิตรสหายของเขาเพราะความโลภในโลกนี้ ?

 

     อิหม่ามนะวะวีย์ : ได้กล่าวว่า ไม่อาจเข้าถึงสวรรค์ได้นอกจากด้วยการอดทนต่อสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่อาจเข้าสู่นรกได้เว้นแต่ด้วยการทำตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ

 

     รายงายจากท่านอับดุลลอฮ์ บิน อัมรฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:

 

الدنيا سجنُ المؤمنِ و سَنَتُهُ، فإذا فارقَ الدنيا فارقَ السجنَ و السَّنَةَ

“โลกดุนยานี้คือคุกและความยากลำบากของผู้ศรัทธา เมื่อใดที่เขาจากโลกนี้ไป เขาก็จะจากคุกและความยากลำบากนั้น"

( อิมามอัซซิยูฏี หนังสือ "อัลญามิอุซซะฆีร"หะดีษ: ซอเฮียะห์ )

 

รายงานจากอะนัส บิน มาลิก กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:

 

حُفَّتِ الْجَنَّةُ بِالْمَكَارِهِ وَحُفَّتِ النَّارُ بِالشَّهَوَاتِ

"สวรรค์ถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่ลำบากลำบน (มะการีห์) และนรกถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา(ชะฮาวาต)”

(บันทึกเศาะฮีห์ มุสลิม)

 

          สิ่งที่อยู่กับอัลลอฮ์ (เช่น สวรรค์) ไม่สามารถได้รับด้วยเพียงแค่ความปรารถนาเท่านั้น แต่ต้องด้วยการทุ่มเทความพยายามในเรื่องของการเชื่อฟังพระองค์ การเอาชนะความปรารถนาของตนเอง และการผลักดันตนเองให้ทำในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงรักและพอพระทัย

 

ยะห์ยา บิน มุอาซกล่าวว่า:

     "สวรรค์ถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่ลำบากลำบน และเจ้าเกลียดสิ่งเหล่านั้น ส่วนไฟนรกถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา และเจ้ากลับแสวงหาสิ่งเหล่านั้น 

     ดังนั้นเจ้าไม่ต่างอะไรจากคนป่วยที่มีโรคร้ายแรง หากเขาอดทนต่อรสขมของยา เขาก็จะได้รับการฟื้นฟูจากโรคนั้นด้วยความอดทน 

     แต่หากเขารู้สึกท้อแท้และไม่อดทนต่อสิ่งที่เผชิญ โรคภัยก็จะอยู่กับเขานานขึ้นและร่างกายก็จะเสื่อมโทรมยิ่งขึ้น"

 (อ้างอิงจาก "ศิฟะห์ อัศศ็อฟวะห์" โดย อิบนุ อัลเญาซี)

 

         ในหะดีษนี้ ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้บอกว่า อัลลอฮ์ได้ปกปิดไฟนรกด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา (ชะฮาวาต) ซึ่งหมายความว่า ไม่มีใครจะไปสู่นรกได้ เว้นแต่เขาจะหลงตามสิ่งที่น่าปรารถนา เพราะไฟนรกถูกปกปิดไว้ด้วยสิ่งเหล่านั้น ดังนั้น ผู้ใดที่ทำลายสิ่งปกปิดนี้ (ด้วยการหลงตามชะฮาวาต) ย่อมจะนำพาตนไปสู่ไฟนรก

          ขณะเดียวกัน อัลลอฮ์ ได้ปกปิดสวรรค์ไว้ด้วยสิ่งที่ลำบาก (มะการีห์) ซึ่งหมายถึงสิ่งที่มนุษย์ถูกสั่งให้ปฏิบัติ เช่น การต่อสู้กับตนเองในการทำอิบาดะห์ การอดทนต่อความยากลำบาก การรักษาการกระทำความดี การหลีกเลี่ยงสิ่งต้องห้าม การระงับความโกรธ การให้อภัย การมีความเมตตา การบริจาค และการทำดีต่อผู้ที่ทำไม่ดีกับเรา รวมถึงการอดทนต่อความปรารถนาเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ถูกเรียกว่า "มะการีห์" เพราะมันยากและลำบากสำหรับผู้ที่ปฏิบัติ

 

         ดังนั้น ข้อความนี้เตือนให้เราหลีกเลี่ยงการติดตามความปรารถนา (ชะฮาวาต) เพราะมันนำไปสู่นรก และกระตุ้นให้เรามีความอดทนต่อสิ่งที่ลำบาก (มะการีห์) เพราะนั่นคือเส้นทางสู่สวรรค์

 

บทเรียนในหะดีษนี้

♦· ชี้ให้เห็นถึงความลึกซึ้งและความสั้นกระชับของคำพูดของท่านนบี ศอลลัลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งมีความหมายที่ครอบคลุม

♦· สอนให้ห่างไกลจากความปรารถนา (ชะฮาวาต) เพราะมันนำไปสู่นรก

♦· กระตุ้นให้มีความอดทนต่อสิ่งที่ลำบาก (มะการีห์) เพราะมันนำไปสู่สวรรค์

 

     รายงานจากอบูฮุร็อยเราะห์ว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า:

 

لَمَّا خَلَقَ اللَّهُ الْجَنَّةَ وَالنَّارَ أَرْسَلَ جِبْرِيلَ إِلَى الْجَنَّةِ فَقَالَ انْظُرْ إِلَيْهَا وَإِلَى مَا أَعْدَدْتُ لأَهْلِهَا فِيهَا قَالَ فَجَاءَهَا وَنَظَرَ إِلَيْهَا وَإِلَى مَا أَعَدَّ اللَّهُ لأَهْلِهَا فِيهَا قَالَ فَرَجَعَ إِلَيْهِ قَالَ فَوَعِزَّتِكَ لاَ يَسْمَعُ بِهَا أَحَدٌ إِلاَّ دَخَلَهَا. فَأَمَرَ بِهَا فَحُفَّتْ بِالْمَكَارِهِ فَقَالَ ارْجِعْ إِلَيْهَا فَانْظُرْ إِلَى مَا أَعْدَدْتُ لأَهْلِهَا فِيهَا قَالَ فَرَجَعَ إِلَيْهَا فَإِذَا هي قَدْ حُفَّتْ بِالْمَكَارِهِ فَرَجَعَ

إِلَيْهِ فَقَالَ وَعِزَّتِكَ لَقَدْ خِفْتُ أَنْ لاَ يَدْخُلَهَا أَحَدٌ. قَالَ اذْهَبْ إِلَى النَّارِ فَانْظُرْ إِلَيْهَا وَإِلَى مَا أَعْدَدْتُ لأَهْلِهَا فِيهَا. فَإِذَا هي يَرْكَبُ بَعْضُهَا بَعْضًا فَرَجَعَ إِلَيْهِ فَقَالَ وَعِزَّتِكَ لاَ يَسْمَعُ بِهَا أَحَدٌ فَيَدْخُلُهَا. فَأَمَرَ بِهَا فَحُفَّتْ بِالشَّهَوَاتِ فَقَالَ ارْجِعْ إِلَيْهَا. فَرَجَعَ إِلَيْهَا فَقَالَ وَعِزَّتِكَ لَقَدْ خَشِيتُ أَنْ لاَ يَنْجُوَ مِنْهَا أَحَدٌ إِلاَّ دَخَلَهَ

 

     "เมื่ออัลลอฮ์สร้างสวรรค์และนรก พระองค์ทรงส่งญิบรีลไปยังสวรรค์ และกล่าวว่า 'จงดูสิ่งที่ข้าได้เตรียมไว้ให้แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของมันในสวรรค์นี้' 

     ญิบรีลจึงไป และมองดูสิ่งที่อัลลอฮ์เตรียมไว้ให้แก่ผู้ที่จะเข้าสวรรค์ เมื่อเขากลับมา เขากล่าวว่า 'ขอสาบานด้วยเกียรติยศของพระองค์ ไม่มีผู้ใดได้ยินเกี่ยวกับมันแล้วจะไม่เข้าสวรรค์เลย' 

     จากนั้นพระองค์ทรงสั่งให้สวรรค์ถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่ลำบากลำบน (มะการีห์) และกล่าวว่า 'จงกลับไปดูอีกครั้ง' 

     เมื่อเขากลับไป เขาพบว่าสวรรค์ได้ถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่ลำบากลำบนแล้ว และเมื่อเขากลับมา เขากล่าวว่า 'ขอสาบานด้วยเกียรติยศของพระองค์ ข้ากลัวว่าจะไม่มีผู้ใดเข้าสวรรค์เลย'

 

     จากนั้นพระองค์กล่าวว่า 'จงไปดูนรก และดูสิ่งที่ข้าได้เตรียมไว้ให้ผู้ที่เป็นเจ้าของมันในนรกนี้' 

     เมื่อญิบรีลไป เขาพบนรกกำลังเดือดพล่านและลุกขึ้นสูงมากจนบางส่วนทับซ้อนกัน เมื่อเขากลับมา เขากล่าวว่า 'ขอสาบานด้วยเกียรติยศของพระองค์ ไม่มีผู้ใดได้ยินเกี่ยวกับมันแล้วจะเข้าสู่นรกเลย' 

     จากนั้นพระองค์ทรงสั่งให้นรกถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา (ชะฮาวาต) และกล่าวว่า 'จงกลับไปดูอีกครั้ง' 

     เมื่อเขากลับไป เขาพบนรกถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่น่าปรารถนาแล้ว และเมื่อเขากลับมา เขากล่าวว่า 'ขอสาบานด้วยเกียรติยศของพระองค์ ข้ากลัวว่าจะไม่มีผู้ใดรอดพ้นจากมันเลย นอกจากเขาจะเข้าสู่นรกนี้ "

(สุนัน อัตติรมีซีย์และอบูดาวูด  และแหล่งอื่นๆ)

 

          สิ่งนี้เป็นการปลอบใจผู้ศรัทธาที่เผชิญกับบททดสอบและความยากลำบากในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความยากจน ความทุกข์ยาก โรคภัย หรือความกังวลใจ เมื่อเขามั่นใจว่าโลกนี้ คือ คุกสำหรับผู้ศรัทธา และไม่มีความสุขที่แท้จริงนอกจากในสวรรค์ อีกทั้งเขารู้ว่าไม่ว่าใครจะได้รับความสุขในโลกนี้เพียงใด มันก็เป็นเพียงสิ่งที่ชั่วคราวและหายวับไป เหมือนเงาที่เคลื่อนคล้อยจากไป

 

      ดังที่ท่านนบี ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า :

 

مَالِي وَلِلدنْيَا، مَا أَنَا والدُّنْيا إلا كَراكِبٍ اسْتَظَلَّ تَحْتَ شَجَرَةٍ ثُمَّ ذَهَبَ وَتَرَكَها

 

"ฉันมีอะไรเกี่ยวข้องกับโลกนี้ ?

ฉันกับโลกนี้ก็เหมือนนักเดินทางที่หยุดพักใต้ร่มเงาของต้นไม้ แล้วจากไปและปล่อยมันไว้เบื้องหลัง"

(บันทึกโดยอิมามอะหมัด และอิมามติรมีซี)

 

และท่านยังกล่าวอีกว่า:

 

مَا الدُّنْيا في الآخِرَةِ إلَّا مِثْلَ مَا يَجْعَلُ أَحَدُكُم إصْبَعَه فِي اليَمِّ، فَلْيَنْظُرْ بِمَ يَرْجِع

 

"โลกนี้เมื่อเปรียบเทียบกับโลกอาคิเราะห์ ก็เหมือนกับการที่คนหนึ่งจุ่มนิ้วลงในทะเล แล้วดูสิว่ามีน้ำติดกลับมาเพียงใด"

(บันทึกโดยอิมามมุสลิม)

 

บทเรียน

 

     ♦· ความทุกข์ในโลกนี้เป็นเพียงบททดสอบ: การเผชิญกับความยากลำบากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ศรัทธา เพื่อยกระดับความอดทนและความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์

 

     ♦· ความสุขที่แท้จริงอยู่ในสวรรค์: โลกนี้ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่แท้จริง แต่เป็นสถานที่แห่งบททดสอบ และสวรรค์คือรางวัลอันนิรันดร์สำหรับผู้ที่ยึดมั่นในความศรัทธา

 

     ♦· สิ่งที่โลกมอบให้นั้นชั่วคราว: ความสุขในโลกนี้ไม่จีรังและเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความสุขในโลกหน้า เน้นย้ำให้ผู้ศรัทธาอดทนและมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตนตามบทบัญญัติศาสนา เพื่อให้ได้รับความเมตตาและรางวัลอันยิ่งใหญ่ในโลกหน้า

 

 

คำถามจากคนหนึ่งที่ถามอิหม่ามอะหมัด : เมื่อไหร่ที่ความสงบสุขจะมาถึง?"

อิหม่ามอะหมัด (رحمه الله) ตอบว่า : "ความสงบสุขจะมาถึงเมื่อเท้าข้างแรกของคุณวางลงในสวรรค์"