อย่าเป็นพยานเท็จ
  จำนวนคนเข้าชม  85

อย่าเป็นพยานเท็จ

 

แปลและเรียบเรียง....เพจวันละหนึ่งความคิด

 

- อัลอัลลามะฮฺ อัสสะอฺดีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -

 

"และบรรดาผู้ซึ่งไม่เป็นประจักษ์พยานในการเท็จ"

(อัลฟุรกอน 72)

          ไม่ต้องสงสัยเลยว่า งานรื่นเริงของพวกมุชริกีนนั้นคือสิ่งเท็จและหลงผิด  ซึ่งเราถูกกำชับไม่ให้เข้าร่วม อายะฮฺนี้หมายรวมถึงการห้ามไม่ให้เป็นสักขีพยานในการเท็จ ทั้งในคำพูดและการกระทำที่ต้องห้าม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ งานรื่นเริงของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั่นเอง

(ตัยซีร กะลีมมิรรอฮมาน 686)

 

 

 

-ท่านอุมัร อิบนิ้ล ค็อฏฏอบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ-

 

"ท่านทั้งหลายจงปลีกตัวออกห่างจากศัตรูของอัลลอฮฺ ในวันรื่นเริงของพวกเขาเถิด"

 

 

 

- อิมาม อิบนิล ก็อยยิม อัลเญาซียะฮฺ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -

 

     สำหรับการแสดงความยินดีกับสัญลักษณ์ของการปฏิเสธศรัทธา อันเป็นวาระที่เฉพาะเจาะจงนั้น ถือว่า “หะรอม” ไม่อนุมัติให้กระทำตามมติเอกฉันท์

     อาทิเช่น การแสดงความยินดีในวันรื่นเริงของพวกเขา หรือในการถือศีลของพวกเขา โดยกล่าวว่า สุขสันต์วันอีด(สุขสันต์วันปีใหม่ สุขสันต์วันคริสต์มาส สวัสดีปีใหม่ ฯลฯ) 

     หรือการร่วมแสดงความยินดีกับวันรื่นเริงนั้นๆ ดังกล่าวนี้ แม้ว่าผู้กล่าว จะไม่ได้มีความเป็นกุฟรร่วมอยู่ด้วย ก็นับว่าเป็นเรื่องต้องห้าม

     เพราะเท่ากับว่าเป็นการแสดงความยินดีกับการคารวะบูชาของพวกเขาที่มีต่อ ไม้กางเขน ซึ่งถือเป็นบาปที่รุนแรงยิ่งกว่า ณ ที่อัลลอฮฺ

     และเป็นที่โกรธกริ้ว ณ ที่พระองค์ยิ่งกว่าการร่วมแสดงความยินดี อันเนื่องมาจากการดื่มสุรา การฆ่าคน หรือการผิดประเวณีเสียอีก(ยินดีในการทำผิดฝ่าฝืน)

     มีหลายๆ คนที่ไม่เคร่งครัด (ละเลยไม่ให้ความสำคัญ) ในเรื่องศาสนา ต่างกระทำในสิ่งนี้ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ทำน่าตำหนิอย่างไร

     ใครก็ตามที่แสดงความยินดีกับคนที่ทำผิดฝ่าฝืน ทำบิดอะฮฺ หรือทำในสิ่งที่เป็นการกุฟร แน่นอน เขาได้เผชิญหน้ากับความโกรธกริ้ว ไม่พึงพอพระทัยของอัลลอฮฺแล้ว

(อะฮฺกาม อะฮฺลิซซิมมะฮฺ 1/441)

 

 

 

-อิมาม อิบนิ้ล ก็อยยิม อัลเญาซียะฮฺ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ-

 

     การที่มุสลิมกระทำบาปใหญ่ทั้งหมดรวมกัน ยังถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ณ ที่อัลลอฮฺเสียยิ่งกว่า การแสดงความยินดีกับพวกนัศรอนีย์(คริสเตียน) เนื่องในวันรื่นเริงของพวกเขา

 

 

 

อัลลอฮฺ  ตะอาลา ตรัสไว้ในหะดีษกุ๊ดซีย์ว่า:

 

"ลูกหลานอาดัมได้กล่าวเท็จต่อข้า ทั้งๆ ที่เขาไม่มีสิทธิ์จะกล่าวเท็จต่อข้า

ลูกหลานอาดัมได้ด่าทอข้า ทั้งๆ ที่เขาไม่มีสิทธิ์จะด่าทอข้า ที่เขากล่าวเท็จต่อข้า

นั่นคือคำพูดที่ว่า "พระองค์ไม่มีทางทำให้ฉันฟื้นคืนกลับมา ดังเช่นที่พระองค์ได้สร้างฉันมาแต่แรกเริ่ม"

และการสร้างในครั้งแรกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายสำหรับข้า ยิ่งกว่าการทำให้มันกลับมาใหม่เลย

(คือ การทำให้สิ่งที่เคยมีกลับมามีขึ้นใหม่ ย่อมง่ายดายกว่า ทั้งนี้พระองค์ย่อมทรงเดชานุภาพ

และไม่มีสิ่งใดยากเกินเดชานุภาพของพระองค์ เพียงรับสั่งว่า 'จงเป็น' ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้นเป็นจริง)

ส่วนที่เขาด่าทอข้า นั่นคือคำพูดที่ว่า "อัลลอฮฺนั้นทรงมีบุตร"

และข้านั้น คือ อัลลอฮฺ ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงเป็นที่พึ่ง ข้าไม่ได้ให้กำเนิด และไม่ถูกกำเนิด และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนกับข้าได้เลย

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์)

 

 

 

     ท่านร่อซู้ล صلى الله عليه وسلم กล่าวว่า: "ไม่มีใครที่จะอดทนต่อคำว่าร้ายที่ได้ยินได้ฟัง มากยิ่งไปกว่าอัลลอฮฺ"

     พวกเขาต่างกล่าวหาว่าพระองค์ทรงมีบุตร แต่แล้วพระองค์ก็ยังทรงให้พวกเขาได้รับความปลอดภัย และยังคงประทานปัจจัยให้แก่พวกเขา"

(บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรี และอิมามมุสลิม)

 

 

     ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

“ไม่หลงเหลือสิ่งใด ที่ทำให้ใกล้ชิดกับสรวงสวรรค์ และทำให้ห่างไกลจากไฟนรก

นอกจากได้ถูกชี้แจงเอาไว้ แก่พวกท่านทั้งหมดแล้ว”

(อัซซิลซิละฮฺ อัศศ่อฮีฮะฮฺ 1803)

 

 

 

 

***********************************************************