การครอบครองสินค้า
  จำนวนคนเข้าชม  102

การครอบครองสินค้า

 

อ.อิสหาก พงษ์มณี....เรียบเรียง

 

ความแตกต่าง ของ การครอบครองสินค้าในหลักอิสลาม และหลักกฎหมายสากล

 

 

1. นิยามและจุดมุ่งหมาย

 

     หลักอิสลาม (Fiqh) : การครอบครอง (القبض) หมายถึงการที่ผู้ซื้อได้มีอำนาจเต็มที่ในการจัดการและใช้สินค้าที่ซื้อมา ซึ่งอาจหมายถึงการย้ายสินค้าไปยังพื้นที่ของผู้ซื้อ หรือการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์

     จุดมุ่งหมาย : เพื่อป้องกันการซื้อขายที่ไม่ยุติธรรม การหลอกลวง และปัญหาทางจริยธรรม เช่น การขายสินค้าที่ยังไม่ครอบครอง อันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งหรือการเอาเปรียบ

 

     หลักกฎหมายสากล (International Legal Systems) : การครอบครอง (Possession) ในทางกฎหมายสากลหมายถึงสถานะทางกฎหมายที่ผู้ถือครองมีสิทธิ์ในทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้ (Tangible) หรือจับต้องไม่ได้ (Intangible)

     จุดมุ่งหมาย : เพื่อปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินและการดำเนินธุรกรรมอย่างโปร่งใสในเชิงพาณิชย์

 

 

2. เงื่อนไขของการครอบครอง

 

     หลักอิสลาม : การครอบครองต้องเป็นไปตาม รูปแบบที่ชัดเจน เช่น การส่งมอบจริง (حيازة) หรือการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์

     ท่านนบีมุฮัมมัด (صلى الله عليه وسلم) กล่าว:

"ห้ามขายสินค้าก่อนที่จะครอบครอง" 

(บันทึกโดยอัลบุคอรีและมุสลิม)

     หากสินค้าต้องใช้การชั่ง ตวง หรือวัด เช่น อาหาร หรือสินค้าเกษตร ผู้ซื้อจะต้องได้รับการส่งมอบหรือชั่งตวงเรียบร้อยก่อน

 

     หลักกฎหมายสากล : การครอบครองอาจไม่จำเป็นต้องเป็นการถือครองจริง แต่รวมถึง การถือครองในเชิงสิทธิ์ตามกฎหมาย เช่น การโอนกรรมสิทธิ์ด้วยเอกสาร หรือสัญญาซื้อขาย

     ในบางกรณี เช่น การค้าระหว่างประเทศ สินค้าอาจถูกถือว่า "ครอบครอง" โดยผู้ซื้อแม้จะยังอยู่ในคลังสินค้าหรือระหว่างการขนส่ง

 

 

3.ธุรกรรมการซื้อขาย

 

     หลักอิสลาม : ห้ามขายต่อสินค้าที่ผู้ซื้อยังไม่ได้ครอบครอง

      ตัวอย่าง : หากบุคคล ก. ซื้อสินค้าจากบุคคล ข.  แต่ยังไม่ได้ครอบครอง บุคคล ก.  ไม่สามารถขายต่อให้บุคคล ค.  ได้จนกว่าจะได้ครอบครองจริง หลักการนี้มุ่งป้องกันความสับสนและปัญหาในอนาคต เช่น สินค้าสูญหายหรือเสียหาย

 

     หลักกฎหมายสากล : การขายต่อสามารถเกิดขึ้นได้หากมีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้สินค้ายังไม่ได้ถูกส่งมอบจริง

     ตัวอย่าง: ในการค้าระหว่างประเทศ ผู้ซื้อสามารถขายต่อสินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่งได้ หากมีเอกสารทางกฎหมาย เช่น ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading)

 

 

4. ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สัญญา

 

     หลักอิสลาม : เน้นความเป็นธรรมและการคุ้มครองผลประโยชน์ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย หากผู้ขายไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ เช่น สินค้าเสียหายระหว่างทาง ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบ

 

     หลักกฎหมายสากล : ความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับสัญญาและข้อกำหนดในสัญญา เช่น "FOB" (Free On Board) หรือ "CIF" (Cost, Insurance, Freight) ซึ่งกำหนดว่าใครจะรับผิดชอบสินค้าหลังการโอนกรรมสิทธิ์

 

 

5. มุมมองด้านจริยธรรมและศีลธรรม

 

     หลักอิสลาม : ธุรกรรมต้องไม่มีการฉ้อโกง ดอกเบี้ย (ริบา) หรือการเอาเปรียบ เน้นการเคารพสิทธิ์และความพึงพอใจของทุกฝ่าย

 

     หลักกฎหมายสากล : ให้ความสำคัญกับความชัดเจนและข้อกฎหมาย แต่ไม่เน้นเรื่องศีลธรรมในระดับจิตวิญญาณ เช่น การซื้อขายในระบบที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย

 

 

ข้อสรุป

 

     หลักอิสลาม ให้ความสำคัญกับความเป็นธรรม ความชัดเจน และศีลธรรม เพื่อป้องกันการเอาเปรียบและสร้างความสมดุลในสังคม

 

     หลักกฎหมายสากล มุ่งเน้นความโปร่งใสและความชัดเจนทางกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการค้าขายในเชิงพาณิชย์

 

     ความแตกต่างหลักอยู่ที่ หลักจริยธรรม ซึ่งในอิสลามมีบทบาทสำคัญกว่า ในขณะที่กฎหมายสากลมุ่งเน้นเรื่องข้อกฎหมายและสิทธิ์ทางธุรกิจเป็นหลัก

 

 

ความหมายของการครอบครองในเชิงกฎหมายอิสลาม

 

คำถาม : 

 

          หากมีคนซื้ออาหารจากอีกคนหนึ่งโดยจ่ายเงินภายหลัง จะสามารถขายอาหารนั้นได้ก่อนที่จะครอบครองหรือไม่? การครอบครองในเชิงกฎหมายอิสลามที่ห้ามขายก่อนครอบครองหมายถึงอะไร? หากสินค้าถูกนับในสถานที่ของผู้ขายเดิม ถือว่าเป็นการครอบครองตามกฎหมายอิสลามหรือไม่? มีนักศึกษาศาสนาบางคนที่อนุญาตเรื่องนี้ มีเหตุผลทางศาสนาที่สนับสนุนหรือไม่? และเหตุใดปัจจุบันมีคนปฏิบัติแบบนี้มากมาย โดยเฉพาะการขายสินค้าที่อยู่ในที่เดิมของผู้ขาย เช่น น้ำตาลหรือข้าว

 

คำตอบ :

 

       ในอิสลามหากมีคนซื้ออาหารหรือสินค้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะจ่ายเงินทันทีหรือภายหลัง ไม่อนุญาตให้ขายสินค้านั้นก่อนที่จะครอบครองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการครอบครองนี้หมายถึงการนำสินค้าไปยังสถานที่ของผู้ซื้อ เช่น บ้านหรือร้านค้า การนับสินค้าและปล่อยให้สินค้าอยู่ในที่เดิมของผู้ขายไม่ถือว่าเป็นการครอบครอง

 

หลักฐานจากอัลกุรอาน

 

     อัลกุรอานระบุเกี่ยวกับการทำสัญญาและการส่งมอบว่า :

“โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่ากินทรัพย์ของกันและกันโดยมิชอบ ยกเว้นการค้าขายโดยความยินยอมจากกันและกัน”

(ซูเราะห์ อันนิสาอ์: 29)

     อายะห์นี้ส่งเสริมการค้าขายที่โปร่งใสและสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงการส่งมอบสินค้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์

 

 

หลักฐานจากหะดีษ

 

1. หะดีษเกี่ยวกับการห้ามขายสินค้าก่อนการครอบครอง

 

     ท่านนบีมุฮัมมัด (صلى الله عليه وسلم) กล่าวว่า:

“ผู้ใดที่ซื้ออาหาร เขาจงอย่าขายมันจนกว่าจะครอบครองอย่างสมบูรณ์”

(บันทึกโดยอัลบุคอรีและมุสลิม)

     ในอีกสำนวนหนึ่ง:

“ห้ามขายอาหารจนกว่าจะได้รับมาอยู่ในความครอบครอง”

 

 

2. ตัวอย่างการปฏิบัติในยุคของท่านนบี (صلى الله عليه وسلم)

 

     ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุอุมัร (รอฏิยัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า :

     “พวกเราเคยซื้ออาหารแบบกองรวมกัน (โดยไม่ได้แบ่งแยก) ท่านรอซูล (صلى الله عليه وسلم) ส่งคนมาสั่งให้เรานำอาหารที่ซื้อมาเคลื่อนย้ายจากที่เดิมก่อนที่จะขายต่อ”

(บันทึกโดยมุสลิม)

     ท่านยังกล่าวอีกว่า:

“การขายสินค้าในสถานที่เดิมโดยไม่ได้ครอบครองถูกห้ามในยุคของท่านนบี”

(บันทึกโดยอัลบุคอรีและมุสลิม)

 

 

3. กรณีตัวอย่างเกี่ยวกับน้ำมัน 

 

     ท่านซัยด์ อิบนุษาบิต (รอฏิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า:

     “ฉันเคยซื้อขายน้ำมันในตลาด ขณะที่ฉันกำลังจะขายต่อในที่เดิม ท่านกล่าวว่า ‘อย่าขายสินค้าที่เธอซื้อ จนกว่าที่เธอจะนำมันไปยังสถานที่ของเธอ’”

(บันทึกโดยอบูดาวูดและแหล่งอื่น ๆ)

 

 

การครอบครองในเชิงกฎหมายอิสลาม

 

     1. การครอบครองเต็มรูปแบบ : ต้องเป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าไปยังสถานที่ของผู้ซื้อเอง

 

     2. กรณีสินค้าแบบชั่งน้ำหนักหรือวัด :

 

     หากสินค้าถูกขายด้วยการชั่งน้ำหนักหรือวัด การครอบครองจะสมบูรณ์หลังจากการชั่งหรือวัดเสร็จสมบูรณ์

     ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) กล่าวว่า :

“ผู้ใดที่ซื้ออาหารด้วยการชั่งน้ำหนัก เขาจงอย่าขายมันจนกว่าจะชั่งน้ำหนักเสร็จ”

(บันทึกโดยมุสลิม)

 

 

ข้อสรุป

          การขายสินค้าก่อนครอบครองนั้นผิดหลักการอิสลาม เพราะยังไม่เกิดการแยกความเป็นเจ้าของระหว่างผู้ขายเดิมและผู้ซื้อใหม่ การครอบครองในเชิงกฎหมายอิสลามต้องเป็นการส่งมอบสินค้าจนผู้ซื้อสามารถควบคุมและจัดการได้อย่างสมบูรณ์

 

 

ข้อคิดสำคัญ

          การห้ามนี้มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางการค้าและการแย่งชิงผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม

     ดังที่อิบนุ้ลก็อยยิม (رحمه الله) กล่าวไว้ว่า:

 

“การครอบครองอย่างสมบูรณ์ช่วยให้การค้าขายเป็นไปอย่างโปร่งใสและลดความโลภที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการซื้อขาย”

(อ้างอิงจาก มุญญ์มูอ์ อัลฟะตาวา โดยเชคอิบนุ บาซ)