การครอบครองสินค้า
อ.อิสหาก พงษ์มณี....เรียบเรียง
ความแตกต่าง ของ การครอบครองสินค้าในหลักอิสลาม และหลักกฎหมายสากล
1. นิยามและจุดมุ่งหมาย
หลักอิสลาม (Fiqh) : การครอบครอง (القبض) หมายถึงการที่ผู้ซื้อได้มีอำนาจเต็มที่ในการจัดการและใช้สินค้าที่ซื้อมา ซึ่งอาจหมายถึงการย้ายสินค้าไปยังพื้นที่ของผู้ซื้อ หรือการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์
จุดมุ่งหมาย : เพื่อป้องกันการซื้อขายที่ไม่ยุติธรรม การหลอกลวง และปัญหาทางจริยธรรม เช่น การขายสินค้าที่ยังไม่ครอบครอง อันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งหรือการเอาเปรียบ
หลักกฎหมายสากล (International Legal Systems) : การครอบครอง (Possession) ในทางกฎหมายสากลหมายถึงสถานะทางกฎหมายที่ผู้ถือครองมีสิทธิ์ในทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้ (Tangible) หรือจับต้องไม่ได้ (Intangible)
จุดมุ่งหมาย : เพื่อปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินและการดำเนินธุรกรรมอย่างโปร่งใสในเชิงพาณิชย์
2. เงื่อนไขของการครอบครอง
หลักอิสลาม : การครอบครองต้องเป็นไปตาม รูปแบบที่ชัดเจน เช่น การส่งมอบจริง (حيازة) หรือการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์
ท่านนบีมุฮัมมัด (صلى الله عليه وسلم) กล่าว:
"ห้ามขายสินค้าก่อนที่จะครอบครอง"
(บันทึกโดยอัลบุคอรีและมุสลิม)
หากสินค้าต้องใช้การชั่ง ตวง หรือวัด เช่น อาหาร หรือสินค้าเกษตร ผู้ซื้อจะต้องได้รับการส่งมอบหรือชั่งตวงเรียบร้อยก่อน
หลักกฎหมายสากล : การครอบครองอาจไม่จำเป็นต้องเป็นการถือครองจริง แต่รวมถึง การถือครองในเชิงสิทธิ์ตามกฎหมาย เช่น การโอนกรรมสิทธิ์ด้วยเอกสาร หรือสัญญาซื้อขาย
ในบางกรณี เช่น การค้าระหว่างประเทศ สินค้าอาจถูกถือว่า "ครอบครอง" โดยผู้ซื้อแม้จะยังอยู่ในคลังสินค้าหรือระหว่างการขนส่ง
3.ธุรกรรมการซื้อขาย
หลักอิสลาม : ห้ามขายต่อสินค้าที่ผู้ซื้อยังไม่ได้ครอบครอง
ตัวอย่าง : หากบุคคล ก. ซื้อสินค้าจากบุคคล ข. แต่ยังไม่ได้ครอบครอง บุคคล ก. ไม่สามารถขายต่อให้บุคคล ค. ได้จนกว่าจะได้ครอบครองจริง หลักการนี้มุ่งป้องกันความสับสนและปัญหาในอนาคต เช่น สินค้าสูญหายหรือเสียหาย
หลักกฎหมายสากล : การขายต่อสามารถเกิดขึ้นได้หากมีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้สินค้ายังไม่ได้ถูกส่งมอบจริง
ตัวอย่าง: ในการค้าระหว่างประเทศ ผู้ซื้อสามารถขายต่อสินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่งได้ หากมีเอกสารทางกฎหมาย เช่น ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading)
4. ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สัญญา
หลักอิสลาม : เน้นความเป็นธรรมและการคุ้มครองผลประโยชน์ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย หากผู้ขายไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ เช่น สินค้าเสียหายระหว่างทาง ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบ
หลักกฎหมายสากล : ความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับสัญญาและข้อกำหนดในสัญญา เช่น "FOB" (Free On Board) หรือ "CIF" (Cost, Insurance, Freight) ซึ่งกำหนดว่าใครจะรับผิดชอบสินค้าหลังการโอนกรรมสิทธิ์
5. มุมมองด้านจริยธรรมและศีลธรรม
หลักอิสลาม : ธุรกรรมต้องไม่มีการฉ้อโกง ดอกเบี้ย (ริบา) หรือการเอาเปรียบ เน้นการเคารพสิทธิ์และความพึงพอใจของทุกฝ่าย
หลักกฎหมายสากล : ให้ความสำคัญกับความชัดเจนและข้อกฎหมาย แต่ไม่เน้นเรื่องศีลธรรมในระดับจิตวิญญาณ เช่น การซื้อขายในระบบที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย
ข้อสรุป
หลักอิสลาม ให้ความสำคัญกับความเป็นธรรม ความชัดเจน และศีลธรรม เพื่อป้องกันการเอาเปรียบและสร้างความสมดุลในสังคม
หลักกฎหมายสากล มุ่งเน้นความโปร่งใสและความชัดเจนทางกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการค้าขายในเชิงพาณิชย์
ความแตกต่างหลักอยู่ที่ หลักจริยธรรม ซึ่งในอิสลามมีบทบาทสำคัญกว่า ในขณะที่กฎหมายสากลมุ่งเน้นเรื่องข้อกฎหมายและสิทธิ์ทางธุรกิจเป็นหลัก
ความหมายของการครอบครองในเชิงกฎหมายอิสลาม
คำถาม :
หากมีคนซื้ออาหารจากอีกคนหนึ่งโดยจ่ายเงินภายหลัง จะสามารถขายอาหารนั้นได้ก่อนที่จะครอบครองหรือไม่? การครอบครองในเชิงกฎหมายอิสลามที่ห้ามขายก่อนครอบครองหมายถึงอะไร? หากสินค้าถูกนับในสถานที่ของผู้ขายเดิม ถือว่าเป็นการครอบครองตามกฎหมายอิสลามหรือไม่? มีนักศึกษาศาสนาบางคนที่อนุญาตเรื่องนี้ มีเหตุผลทางศาสนาที่สนับสนุนหรือไม่? และเหตุใดปัจจุบันมีคนปฏิบัติแบบนี้มากมาย โดยเฉพาะการขายสินค้าที่อยู่ในที่เดิมของผู้ขาย เช่น น้ำตาลหรือข้าว
คำตอบ :
ในอิสลามหากมีคนซื้ออาหารหรือสินค้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะจ่ายเงินทันทีหรือภายหลัง ไม่อนุญาตให้ขายสินค้านั้นก่อนที่จะครอบครองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการครอบครองนี้หมายถึงการนำสินค้าไปยังสถานที่ของผู้ซื้อ เช่น บ้านหรือร้านค้า การนับสินค้าและปล่อยให้สินค้าอยู่ในที่เดิมของผู้ขายไม่ถือว่าเป็นการครอบครอง
หลักฐานจากอัลกุรอาน
อัลกุรอานระบุเกี่ยวกับการทำสัญญาและการส่งมอบว่า :
“โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่ากินทรัพย์ของกันและกันโดยมิชอบ ยกเว้นการค้าขายโดยความยินยอมจากกันและกัน”
(ซูเราะห์ อันนิสาอ์: 29)
อายะห์นี้ส่งเสริมการค้าขายที่โปร่งใสและสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงการส่งมอบสินค้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์
หลักฐานจากหะดีษ
1. หะดีษเกี่ยวกับการห้ามขายสินค้าก่อนการครอบครอง
ท่านนบีมุฮัมมัด (صلى الله عليه وسلم) กล่าวว่า:
“ผู้ใดที่ซื้ออาหาร เขาจงอย่าขายมันจนกว่าจะครอบครองอย่างสมบูรณ์”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีและมุสลิม)
ในอีกสำนวนหนึ่ง:
“ห้ามขายอาหารจนกว่าจะได้รับมาอยู่ในความครอบครอง”
2. ตัวอย่างการปฏิบัติในยุคของท่านนบี (صلى الله عليه وسلم)
ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุอุมัร (รอฏิยัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า :
“พวกเราเคยซื้ออาหารแบบกองรวมกัน (โดยไม่ได้แบ่งแยก) ท่านรอซูล (صلى الله عليه وسلم) ส่งคนมาสั่งให้เรานำอาหารที่ซื้อมาเคลื่อนย้ายจากที่เดิมก่อนที่จะขายต่อ”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ท่านยังกล่าวอีกว่า:
“การขายสินค้าในสถานที่เดิมโดยไม่ได้ครอบครองถูกห้ามในยุคของท่านนบี”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีและมุสลิม)
3. กรณีตัวอย่างเกี่ยวกับน้ำมัน
ท่านซัยด์ อิบนุษาบิต (รอฏิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า:
“ฉันเคยซื้อขายน้ำมันในตลาด ขณะที่ฉันกำลังจะขายต่อในที่เดิม ท่านกล่าวว่า ‘อย่าขายสินค้าที่เธอซื้อ จนกว่าที่เธอจะนำมันไปยังสถานที่ของเธอ’”
(บันทึกโดยอบูดาวูดและแหล่งอื่น ๆ)
การครอบครองในเชิงกฎหมายอิสลาม
1. การครอบครองเต็มรูปแบบ : ต้องเป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าไปยังสถานที่ของผู้ซื้อเอง
2. กรณีสินค้าแบบชั่งน้ำหนักหรือวัด :
หากสินค้าถูกขายด้วยการชั่งน้ำหนักหรือวัด การครอบครองจะสมบูรณ์หลังจากการชั่งหรือวัดเสร็จสมบูรณ์
ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) กล่าวว่า :
“ผู้ใดที่ซื้ออาหารด้วยการชั่งน้ำหนัก เขาจงอย่าขายมันจนกว่าจะชั่งน้ำหนักเสร็จ”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ข้อสรุป
การขายสินค้าก่อนครอบครองนั้นผิดหลักการอิสลาม เพราะยังไม่เกิดการแยกความเป็นเจ้าของระหว่างผู้ขายเดิมและผู้ซื้อใหม่ การครอบครองในเชิงกฎหมายอิสลามต้องเป็นการส่งมอบสินค้าจนผู้ซื้อสามารถควบคุมและจัดการได้อย่างสมบูรณ์
ข้อคิดสำคัญ
การห้ามนี้มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางการค้าและการแย่งชิงผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม
ดังที่อิบนุ้ลก็อยยิม (رحمه الله) กล่าวไว้ว่า:
“การครอบครองอย่างสมบูรณ์ช่วยให้การค้าขายเป็นไปอย่างโปร่งใสและลดความโลภที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการซื้อขาย”
(อ้างอิงจาก มุญญ์มูอ์ อัลฟะตาวา โดยเชคอิบนุ บาซ)