บัตรเครดิต
  จำนวนคนเข้าชม  92

บั ต ร เ ค ร ดิ ต

 

อ.อิสหาก พงษ์มณี  เรียบเรียง

 

          บัตรเครดิต คือ เครื่องมือทางการเงินที่ออกโดยธนาคารหรือสถาบันการเงิน เมื่อใช้บัตรเครดิต ผู้ถือบัตรสามารถใช้จ่ายสินค้าและบริการแทนเงินสด โดยธนาคารจะเป็นผู้จ่ายเงินให้ร้านค้าก่อน หลังจากนั้นธนาคารจะเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรในภายหลัง ถ้าผู้ถือบัตรเครดิตจ่ายบัตรเครดิตช้ากว่า 50 วันนับจากวันแรกของรอบบัญชีไปจนถึงวันกำหนดชำระเงินจะต้องเสียดอกเบี้ยบัตรเครดิต 

 

     บัตรเดบิต : บัตรเดบิตเป็นบัตรที่เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารของผู้ถือบัตร เมื่อทำการซื้อสินค้าหรือบริการ เงินจะถูกหักออกจากบัญชีทันที ทำให้ไม่สามารถใช้จ่ายเงินที่เกินกว่ายอดเงินในบัญชีได้

 

 

ความแตกต่าง

 

         ในขณะที่บัตรเครดิตคือการยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน ผู้ถือบัตรต้องชำระเงินคืนในภายหลัง จึงสามารถใช้ซื้อสินค้าหรือบริการได้ตามวงเงินที่กำหนด โดยวงเงินในบัตรเครดิตคือจำนวนเงินสูงสุดที่ผู้ถือบัตรสามารถยืมใช้จ่ายได้ ซึ่งถูกกำหนดขึ้นตามประวัติเครดิต รายได้ และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ถือบัตร

 

 

ประเภทบัตรเครดิต

 

International Credit Card สำหรับใช้งานทั่วโลก

Local Credit Card สำหรับใช้งานในประเทศ

Private Label Card สำหรับลูกค้าประจำของแบรนด์

Cashback Credit Card หรือบัตรเครดิตเงินคืน

Corporate Executive Card หรือบัตรเครดิตนิติบุคคล

     (คัดย่อจากบทความเรื่องบัตรเครดิตและเดบิตของ https://www.ttbbank.com/.../detail/what-is-credit-card ใครต้องการทราบโดยละเอียดก็ตามไปศึกษาได้)

 

หุก่ม  (ข้อตัดสินทางบัญญัติ)

 

     1-การณีบัตรเดบิต นักวิชาการร่วมสมัยส่วนใหญ่ให้คำฟัตวาไว้ว่าโดยพื้นฐานแล้วสามารถทำได้ (หากไม่เข้าข่ายข้อห้ามอื่น) เพราะการใช้บัตรเดบิตไม่ต่างจากการใช้เงินสด ทันทีที่มีการใช้บัตรเงินจะถูกโอนจากบัญชีผู้ใช้สู่บัญชีผู้รับ ดังนั้นบัตรเดบิตสามารถนำไปซื้อสินค้าได้ทุกประเภทแม้แต่ทรัพย์ดอกเบี้ย(ตามกฏของทรัพย์ดอกเบี้ย)

 

     2-การณีบัตรเครดิต นักวิชาการส่วนใหญ่วินิจฉัยว่าต้องห้ามทุกกรณีแม่จะชำระเงินตรงเวลาที่กำหนด เพราะเป็นการยอมรับสัญญาที่ยินยอมจ่ายดอกเบี้ยหากผิดนัดขำระหนี้ 

 

          นักวิชาการบางส่วนอนุญาตให้ทำได้กรณีสามารถขำระหนี้ได้ตรงเวลาเท่านั้น และบางท่านอนุญาตให้ทำได้กรณีมีความจำเป็นยิ่งยวด เช่น ต้องเดินทางไปต่างประเทศที่ระบบการชำระหนี้ต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น

 

วิเคราะห์

 

          วินิจฉัยแรก ถือว่ามีนำหนักมากที่สุด เพราะการสมัครบัตรเครดิคือการยินยอมเข้าสู่ระบบดอกเบี้ยโดยสมัครใจแม้จะมีวินัยการชำระหนี้ดีแค่ไหนก็ตาม การพอใจในสิ่งที่ผิดก็ถือเป็นความผิดประเภทหนึ่งนั่นเอง ที่สำคัญคือการพาตัวเองไปสู่ความสุ่มเสี่ยงโดยไม่จำเป็นเรียกว่า “มุฆอมะเราะฮ์” ซึ่งก็ต้องห้ามเช่นกัน

          วินิจฉัยที่สอง มองแต่ด้านเดียวคือหากชำระหนี้ได้ตรงเวลา ในทางปฏิบัติสำหรับคนทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะรักษาวินัยการชำระหนี้ได้ตรงเวลา และหากพลาดก็จะถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

          ส่วนกรณีที่มีความจำเป็นยิ่งยวด ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้มีความจำเป็นนั่งเองว่าจริงๆ แล้วจำเป็นแค่ไหน การประเมินความจำเป็นว่ายิ่งยวดขึ้นอยู่กับผู้ประสบกับความจำเป็นผู้อื่นคงไม่สาทารถตัดสินแทนได้ กล่าวคือเรื่องความจำเป็นยิ่งยวดก็ให้ขึ้นบุคคลนั้นๆ เฉพาะรายไป